“อย่าคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้าจะปวดหัวเปล่าๆ”
เสี่ยวฮัวบอกกับหลัวลี่ราวกับว่าอ่านใจเธอได้อย่างนั้นแหละ
“พี่หยวนเป็นอัจฉริยะที่ปรากฎตัวทุกๆ สองสามชั่วอายุคน เจ้าไม่สามารถเข้าใจพรสวรรค์ของเขาด้วยความคิดธรรมดาๆ”
“งั้นหรอ?”
หลัวลี่ตัดสินใจรับคำแนะนำของเสี่ยวฮัว และหยุดคิดเรื่องนี้
ต่อมาหยวนได้กล่าวว่า
“ยังไงก็ตามข้าอยากจะดูรอบๆ เมืองถ้าเจ้าไม่รังเกียจ”
“ไม่อยู่แล้ว! ข้าจะบอกพ่อก่อน แล้วจะพาเจ้าไปดูรอบๆเมืองเอง!”
หลัวลี่กล่าวอย่างรวดเร็ว
หยวนพยักหน้าและหลัวลี่ก็ออกจากห้องไป
เมื่อหลัวลี่จากไป หยวนก็มองรอบๆห้องด้วยความอยากรู้ เพราะเป็นครั้งแรกที่เขาได้อยู่ห้องที่ไม่เหมือนใคร และนั่นคือตอนที่เขาสังเกตเห็นกระจกบานสูงอยู่ที่มุมห้อง
“อ้าวกระจกหรอ?”
หยวนลุกขึ้นยืนทันที และเดินไปที่กระจกด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง และกังวลใจ ว่าเขาจะหน้าตาเป็นอย่างไรในโลกนี้? เขาหล่ออย่างที่หลัวลี่บอกรึเปล่า?
“นี่ข้างั้นหรอ?”
หยวนยืนตรงหน้ากระจกที่สูงกว่าศีรษะเล็กน้อยด้วยใบหน้างุนงง
เขามีผมสีดำสั้นแต่นุ่มสลวยบน มีใบหน้ารูปไข่ ดวงตาสีน้ำตาลใสแวววาวราวกับคริสตัล ขนตายาวที่เหมือนจะทำให้ผู้หญิงอิจฉา คิ้วที่คมแต่เรียบร้อย จมูกเล็ก โดยรวมแล้วหน้าเขาดูสมมาตรและน่ามองมาก
ครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นใบหน้าตัวเองคือตอน 7 ขวบ ก่อนที่เขาจะสูญเสียความสามารถในการมองเห็นและกลายเป็นคนตาบอด
ถ้าจำไม่ผิด หยูรู่เคยบอกว่ารูปร่างหน้าตาของคนๆ หนึ่งในเกมจะคล้ายกับตัวจริง ดังนั้นฉันจึงเข้ามาในเกมด้วยอวตารที่สร้างขึ้น และสำหรับฉัน ฉันไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ในโลกความเป็นจริงก็เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ที่ฉันเห็นใบหน้าของตัวเองครั้งสุดท้าย ฉันก็ไม่สามารถบอกได้ว่านี่คล้ายรูปร่างหน้าตาจริงๆรึเปล่า
นอกจากนี้เนื่องจากเขาไม่รู้ว่าหน้าตามาตรฐานเป็นยังไง จึงบอกไม่ได้ว่าเขาหล่อจริงหรือเปล่า
เขาจึงตัดสินใจถามเสี่ยวฮัว
“เสี่ยวฮัวพี่มีคำถามจะถามหน่อย”
หยวนถาม
“มีอะไรหรอพี่หยวน”
จากนั้นหยวนก็ชี้ไปที่หน้าของตัวเองและถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“ตอบแบบไม่โกหกเลยนะ หน้าตาพี่หล่อหรือว่าขี้เหร่กันหรอ?” (ผู้แปล: หรอ!!ถามแบบนี้กับผู้หญิงก็ได้หรอ!!)
“…”
เสี่ยวฮัวมองอย่าตกใจ เหมือนจะพูดไม่ออกด้วยคำถามที่ถามอย่างกะทันหันนี้
ไม่กี่อึดใจเธอก็ตอบด้วยน้ำเสียงอายๆ และแก้มแดงเล็กน้อย
“เสี่ยวฮัวคิดว่าพี่หยวนหล่อมาก…”
“จริงหรอ เธอแน่ใจนะว่าไม่ได้จะชมพี่เฉยๆ เพราะไม่อยากทำร้ายความรู้สึกของพี่ ไม่เป็นไรนะถ้าเธอจะบอกความจริงพี่มา”
หยวนพูดกับเสี่ยวฮัวในขณะที่เขารู้ว่าเธออาจจะไม่อยากให้เขาเสียความรู้สึก
“เสี่ยวฮัวพูดความจริงนี่ พี่หยวนหล่อมากๆ!”
เสี่ยวฮัวพูดอีกครั้ง แต่ครั่งนี้หน้าเธอแดงก่ำไปด้วยสีแดง
“โอเคพี่เชื่อล่ะ”
หยวนพยักหน้า
“…”
เสี่ยวฮัวพูดไม่ออก ทำไมเขาถึงถามแบบนี้? เมื่อกี้เขาไม่ได้ส่องกระจกหรอไง? ใครก็ต้องบอกว่าหยวนหล่ออยู่แล้ว หรือว่าเขาแค่แกล้งเธอเล่นๆกันนะ?
“ทำไมพี่อยากรู้รูปร่างหน้าตาตัวเอง เพราะหลัวลี่คนนั้นหรอ?”
เธอถามเขาด้วยความสงสัย
อย่างไรก็ตามหยวนรีบส่ายหัว และพูดว่า
“เปล่า พี่แค่สงสัยเพราะพี่ไม่เคยสนใจรูปร่างหน้าตาตัวพี่เองเลย”
“ไม่ต้องห่วงพี่หยวน ในโลกแห่งการฝึกฝนนี้ หน้าตาไม่สำคัญหรอก สำคัญที่อำนาจและความสามารถที่พี่มี ถึงพี่จะหน้าตาน่าเกลียดที่สุดในโลกแต่พี่แข็งแกร่งก็สามารถดึงดูดสาวๆได้ แต่พี่หยวนทั้งมีความสามารถ ทั้งหล่อ พี่จะมีสาวงามมาต่อสู้กันเพื่อแย่งพี่ในอนาคตอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!”
เมื่อหยวนกังวลเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตา เสี่ยวฮัวเลยให้กำลังใจเขา
“ฮ่าฮ่าฮ่า หน้าตาของพี่ ทำให้พี่กังวลนิดหน่อยน่ะ”
หยวนหัวเราะด้วยความขมขื่น
ไม่กี่นาทีต่อมาหลัวลี่ก็กลับมาที่ห้อง แต่เธอดูต่างไปจากก่อนที่จะออกไปเล็กน้อย และสวยกว่าเดิมด้วยซ้ำ
เห็นได้ชัดว่านอกจากไปคุยกับพ่อ เธอไปแต่งตัวเพิ่มด้วย
แน่นอนว่าในฐานะคนที่ไม่ได้สนใจหน้าตาแบบหยวนก็ลืมที่จะสนใจเรื่องนี้ไปอย่างสิ้นเชิง
“หยวน ข้าแจ้งให้พ่อทราบแล้ว ว่าเจ้าต้องการไปดูรอบๆเมืองของเรา และเราสามารถออกไปได้ทุกเมื่อที่ต้องการ”
“โอเค งั้นไปตอนนี้เลย”
ในเวลาต่อมาเขาก็ออกจากคฤหาสน์ของจ้าว
“เจ้าต้องการไปที่ไหนก่อนหยวน”
เธอถามเขาเมื่ออยู่ข้างนอก
หยวนยักไหล่และพูดว่า
“ข้าไม่รู้ว่ามีอะไรในเมืองนี้ ข้าจะให้เจ้าเลือกว่าจะไปที่ไหน”
อย่างไรก็ตามเนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่เธอต้องพาทัวร์ หลัวลี่ไม่แน่ใจว่าต้องไปที่ไหน จึงตัดสินใจพาเดินรอบๆ เมืองจนกว่าเขาจะเจอสิ่งที่น่าสนใจ
“แผงขายผลไม่ที่นั่นบริหารโดยมาดามหยิงและมีผลไม้สดที่สุดในเมือง”
“นั่นคือร้านของมิสเตอร์วัง ร้านขายอาวุธแห่งเดียวในเมืองของเรา”
“นี่คือพื้นที่ของที่พักอาศัยซึ่งประชาชนส่วนใหญ่อาศัยอยู่”
“ตึกตรงนั้นเป็นตึกคลินิกของลี่…”
หลัวลี่อธิบายสั้นๆ เกี่ยวกับร้านค้า และอาคารส่วนใหญ่ ที่เดินผ่าน และหยวนฟังเธอด้วยใบหน้าที่สดใสราวกับอยู่ในสวนสนุก
อย่างไรก็ตามเขาแสดงความสนใจมากที่สุดเมื่อหลัวลี่พูดเกี่ยวกับอาคารที่เกี่ยวข้องกับอาหาร และเมื่องสังเกตเห็น หลัวลี่ก็ถามเขาว่า
“เจ้าต้องการกินอาหารที่ดีที่สุดของเมืองแปงไหม?”
“อยากสิ ๆ!”
หยวนตื่นเต้นทันที แต่เขาจำได้ว่าเงินของเขาใกลเจะหมด ก็เลยถามเธอว่า
“ข้ามีเหรียญทองแค่สองเหรียญเท่านั้นเอง จะพอไหม”
เมื่อพบคำถามของหยวน หลัวลี่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเล็กน้อย
“ด้วย10เหรียญทองของเจ้า สามารถกินได้ทุกอย่างในทุกร้านของเมืองนี้ และยังมีเงินเหลืออีกมาก”
“อะไรนะ อาหารที่นี่ถูกขนาดนั้นเลยหรอ มื้อสุดท้ายที่ได้กินไปมันแพงมากเมื่อเอามาเทียบกัน!”
หยวนตกใจเมื่อรู้ว่าอาหารที่นี่ถูกมาก โดยเฉพาะเมื่อเขาได้ใช้เงิน 500 เหรียญทองไปกับอาหารมื้อก่อนหน้านี่
“พี่หยวนนั้นเป็นเพราะพี่กินอาหารจิตวิญญาณราคาแพง อาหารธรรมดาก็มีเพรยงราคาไม่กี่เหรียญเงินเท่านั้นแหละ”
เสี่ยวฮัวบอกกับเขา
“อย่างนั้นหรอ? และเราจะรออะไรล่ะ ไปกินข้าวให้ท้องกลมกันเถอะ!”
หยวนกล่าวอย่างรวดเร็ว