[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]
บทที่ 420: ดอกไม้เบ่งบาน!
หมู่บ้านแห่งนี้อยู่แถบชานเมืองด้านเหนือของเมืองจิงฉูชื่อว่าหมู่บ้านฟู่หัว ล้อมรอบไปด้วยภูเขาสีเขียว และแม่น้ำหลายสาย ต้นไม้เขียวชอุ่ม สภาพแวดล้อมค่อนข้างเงียบสงบ แต่ก็หรูหรา เหมาะสำหรับคนมีฐานะร่ำรวยที่อยากจะมาใช้ชีวิตสงบๆ
บ้านแต่ละหลังล้วนเป็นบ้านเดี่ยว หากเทียบกับหมู่บ้านของหลิงหยุนแล้ว บ้านในหมู่บ้านฟู่หัวนี้จะหลังเล็กกว่า และมีพื้นที่ใช้สอยน้อยกว่า
“บรรยากาศยอดเยี่ยมมาก.. คุณเลือกเก่งไม่เบาเลย..”
เมื่อเข้าไปภายในเขตหมู่บ้าน หลิงหยุนก็ลดความเร็วของรถ จากนั้นก็เปิดกระจกลงเพื่อรับลม และอากาศที่สดชื่น หลิงหยุนสัมผัสได้ถึงความเย็น และกลิ่นหอมของต้นไม้ดอกไม้ อีกทั้งพลังชีวิตที่กระจายอยู่
ในระดับกลางของขั้นปรับร่างกาย-5 นั้น หลิงหยุนสามารถดูดซับพลังชีวิตจากต้นไม้ดอกไม้เหล่านี้ได้ แม้ว่าจะมีอยู่อย่างเบาบาง แต่ก็มีไปตลอดทาง และค่อนข้างมีประโยชน์กับร่างกายของหลิงหยุน
“ฉันชอบความเงียบสงบ..”
ใบหน้าเล็กๆของหลินเมิ่งหานเริ่มร้อนผ่าว และไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองหน้าหลิงหยุน แม้กระทั่งเสียงพูดของเธอก็ยังสั่น
หลินเมิ่งหานเริ่มตื่นตระหนกมากขึ้นเรื่อยๆ และใจของเธอก็เต้นรัวไม่ต่างจากเสียงกลอง เพราะนี่เป็นครั้งแรกสำหรับเธอ แล้วจะไม่ให้เธอตื่นเต้นได้อย่างไรกัน!
หลินเมิ่งหานกำลังคิดว่า เธอดื่มมามากพอสมควร น่าจะทำให้เธอกล้ามากขึ้น!
“บ้านของคุณหลังใหน?”
“หลังที่อยู่ด้านในสุด นายขับตรงไปเรื่อยๆ..”
หลิงหยุนคิดในใจว่า.. นี่สิถึงจะเป็นบุคลิกที่แท้จริงของหลินเมิ่งหาน เขาเหลือบมองหลินเมิ่งหานที่ตอนนี้เริ่มนั่งเงียบไม่พูดไม่จาอีก..
เมื่อขับไปถึงบ้านโซนในสุด หลินเมิ่งหานก็ยกมือชึ้ไปที่บ้านหลังหนึ่งทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมกับพูดด้วยเสียงที่เบาราวกับเสียงยุง
“หลังนั้น..”
หลินเมิ่งหานรู้สึกอาย หน้าของเธอแดงไปจนถึงใบหู และเสียงพูดก็เริ่มเบาลงเรื่อยๆ
คืนนี้.. สำหรับครั้งแรกของหลินเมิ่งหาน เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเป็นชู้กับสามีของคนอื่น เพราะเธอเข้าใจมาตลอดว่าหลิงหยุนกับเฉิงเม่ยเฟิงมีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันแล้ว
หากหลินเมิ่งหานรู้ว่า นี่ก็เป็นครั้งแรกของหลิงหยุนเช่นกัน เธอก็น่าจจะรู้สึกผ่อนคลายมากกว่านี้ ทั้งคู่ต่างก็เป็นครั้งแรกของกันและกัน ต่างคนต่างก็ไม่เคยผ่านเรื่องแบบนี้มาก่อน และไม่ประสีประสาทั้งคู่ คงจะไม่มีใครหัวเราะเยาะใคร พวกเขาจะได้เรียนรู้เรื่องนี้ไปด้วยกัน
หลินเมิ่งหานรู้สึกตื่นเต้นและกังวลอย่างมาก ส่วนหลิงหยุนเองก็พยายามปั้นหน้าให้นิ่งสงบมากที่สุด เพื่อพยายามเก็บงำความตื่นเต้นของตัวเองไว้
หากอยู่ต่อหน้าเฉิงเม่ยเฟิง เสี่ยวเม่ยเม่ย หรือว่าเกาเฉินเฉิน หลิงหยุนคงจะไม่รู้สึกตื่นเต้นถึงเพียงนี้ เพราะพวกเขาเคยเปลือยกายต่อหน้ากันและกันมาแล้ว อีกทั้งยังเคยสัมผัสเรือนร่าง และกอดจูบกันมาก่อนหน้านี้ แต่สถานการณ์ระหว่างเขากับหลินเมิ่งหานในตอนนี้ ทำให้หลิงหยุนรู้สึกคล้ายคนกำลังจมน้ำ
หากเป็นเหยาลู่ หลิงหยุนเองก็คงไม่ตื่นเต้นถึงเพียงนี้เช่นกัน เพราะเหยาลู่นั้นค่อนข้างจงรักภักดิ์ดีต่อเขา ไม่ว่าหลิงหยุนต้องการอะไร เหยาลู่ก็จะเพียงแค่พยักหน้าและไม่เคยปฏิเสธ เธอคงจะทำให้หลิงหยุนมีความสุขอย่างมาก และคงทำให้เขารู้สึกราวกับเป็นจักรพรรดิก็ไม่ปาน
ส่วนหลินเมิ่งหานนั้น หลิงหยุนรู้ดีว่าเธอแตกต่างจากผู้หญิงเหล่านั้น อีกทั้งภายใต้ชุดกระโปรงเดรสสีขาว ก็คือเรือนร่างที่เร่าร้อน!
หลิงหยุนสัมผัสได้ว่าความสุขของเขาลดลงเล็กน้อยเพราะความตึงเครียด แต่ก็ยังมีความกระตือรือร้นที่จะได้มีสัมพันธ์กับเธอ
“ขับรถเข้าไปจอดด้านในเลย..”
หลินเมิ่งหานเปิดประตูรถลงไป และสั่งให้หลิงหยุนขับรถเข้าไปด้านใน และเมื่อเขาจอดรถเรียบร้อยแล้ว เธอก็เดินไปปิดประตูบ้าน
และตอนนี้บ้านหลังนี้ก็จะเป็นโลกส่วนตัวของพวกเขาทั้งสองคนแล้ว และจะไม่มีใครเข้ามาวุ่นวายได้อีก!
ก่อนที่หลิงหยุนจะลงจากรถ เขารีบพิมพ์ข้อความส่งให้เหยาลู่
-เหยาลู่.. ผมมีปัญหานิดหน่อย ไม่สามารถกลับไปอยู่กับคุณได้ ไม่ต้องห่วงนะ พักผ่อนเยอะๆล่ะ-
หลังจากที่กดส่งไปแล้ว หลิงหยุนก็รีบปิดโทรศัพท์และเก็บเข้าไปในแหวนพื้นที่ แล้วจึงเดินลงจากรถไป
บ้านหลังนี้แม้จะเล็กแต่ก็เป็นระเบียบเรียบร้อย หลิงหยุนเหลือบมองสนามที่สะอาดเป็นระเบียบ จึงได้แต่ถามขึ้นว่า
“คุณไม่อยู่บ้านตั้งหลายวัน แต่ทำไมบ้านยังสะอาดเรียบร้อยแบบนี้ล่ะ?”
หลินเมิ่งหานเปิดประตูเข้าไปในบ้าน เมื่อได้ยินคำถามของหลิงหยุนจึงตอบกลับไปว่า “ซื่อบื้อจัง! ฉันก็จ้างบริษัททำความสะอาดให้มาดูแลให้น่ะสิ ทางบริษัทจะส่งคนมาดูแลบ้านให้ทุกๆสองวัน!”
“คุณ..”
“นาย..”
จู่ๆทั้งสองคนก็พูดขึ้นมาพร้อมกันเมื่อเข้าไปในบ้าน และบรรยากาศภายในห้องรับแขกตอนนี้ก็เริ่มกระอักระอ่วนราวกับมีประกายไฟที่พร้อมจะจุดติดขึ้นได้เสมอ!
หลิงหยุนอดคิดไม่ได้ว่า รู้อย่างนี้เขาน่าจะปล่อยให้หลินเมิ่งหานดื่มต่อจนเมามาย เพราะในสถานการณ์เช่นนี้หากหลินเมิ่งหานไม่เป็นฝ่ายเริ่มต้น ก็ดูเหมือนจะมีปัญหามากมาย
อีกอย่างหลิงเมิ่งหานก็อายุมากกว่าหลิงหยุนถึงสองปี แล้วก็ดื่มเบียร์ไปตั้งมากมาย น่าจะมีความกล้ามากกว่าเขา แต่ตอนนี้เธอกลับเพียงแค่ยืนยิ้มหน้าแดง และรู้สึกราวกับว่ากำลังมีดอกไม้เบ่งบานอยู่ภายในบ้าน
‘เมิ่งหาน.. ทำไมไม่ก๋ากั่นเหมือนตอนอยู่ในบาร์ล่ะ? กลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?’
หลินเมิ่งหานคิดในใจ จากนั้นเธอก็แสร้งทำเหมือนไม่มีอะไร และรีบถามหลิงหยุนเพื่อกลบเกลื่อนความอาย
“เอ่อ.. นายอยากจจะดื่มอะไรไม๊? ฉันจะไปหยิบมาให้!”
“อ๊ะ..” หลินเมิ่งหานร้องตกใจ!
จู่ๆร่างของหลิงหยุนก็มายืนอยู่หน้าเธอในระยะกระชั้นชิด หลิงหยุนอดทนรอไม่ไหวอีกแล้ว เมื่อเห็นหลินเมิ่งหานไม่กล้าเริ่ม เขาจึงเดินเข้าไปยืนตรงหน้าพร้อมกับเอื้อมมือไปโอบกอดหลินเมิ่งหานไว้ และกระซิบว่า
“ผมไม่อยากดื่มอะไรทั้งนั้นล่ะ.. ตอนนี้ผมอยากจะกินคุณ!”
“ห้องนอนไปทางใหน?”
……………
สองชั่วโมงผ่านไป..
บรรยากาศภายในห้องนอนอบอวลไปด้วยความสุข และหอมหวนราวกับมีดอกไม้เบ่งบาน หลินเมิ่งหานได้ผ่านช่วงเจ็บปวดที่เกิดจากเยื่อพรหมจรรย์ฉีกขาดจากการมีสันพันธ์ที่ลึกซึ้งกับหลิงหยุนครั้งแรก และทุกอย่างก็ค่อยๆดีขึ้น
“เมิ่งหาน..”
“เราสองคนนับว่าเป็นสามีภรรยากันแล้ว นายยังจะเรียกชื่อฉันอยู่อีกเหรอ?!”
หลิงเมิ่งหานที่นอนอยู่ด้านล่างยื่นเมือออกไปโอบแผ่นหลังของหลิงหยุนไว้ พร้อมกับพูดขึ้นอย่างไม่พอใจนัก
“ไม่ให้ผมเรียกชื่อ.. แล้วจะให้ผมเรียกอะไร?!” หลิงหยุนหัวเราะ
“ก็เรียกฉันว่า.. ที่รักไง หรือไม่ก็ภรรยา..” หลินเมิ่งหานร้องบอก
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับเรียกหลินเมิ่งหานว่าคุณภรรยา จากนั้นก็โน้มใบหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูของหลินเมิ่งหาน
“ผมมีความลับจะบอก.. นี่ก็เป็นครั้งแรกของผมเหมือนกัน!”
“อะไรนะ?!”
หลินเมิ่งหานร้องออกมาอย่างตกใจ ใบหน้าสวยงามของเธอบ่งบอกว่าไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่หลิงหยุนพูด ดวงตาของเธอมีน้ำตาเอ่อขึ้นมาเล็กน้อย!
“แต่.. แต่ว่านายกับเฉิงเม่ยเฟิงอยู่ด้วยกันแล้วนี่? สามี.. ไม่จำเป็นต้องพูดเพื่อให้ฉันสบายใจก็ได้..” หลินเมิ่งหานยังคงไม่เชื่อ แต่ก็พูดคุยกับหลิงหยุนอย่างมีความสุข
หลิงหยุนตอบกลับไปยิ้มๆ “ผมกับเฉิงเม่ยเฟิงอยู่ด้วยกันจริง แต่พวกเราก็เพียงแค่สัมผัสร่างกายภายนอกกันเท่านั้น ผมไม่เคยทำแบบนี้กับใครมาก่อน..”
หลินเมิ่งหานถึงกับอึ้ง! เธอคิดว่าหลิงหยุนเป็นคนแรกของเธอ แต่กลับนึกไม่ถึงว่าเธอเองก็เป็นคนแรกของหลิงหยุนเช่นกัน!
ช่างโชคดีเหลือกเกินที่หลินเมิ่งหานกลับมาที่จิงฉูในวันนี้ ไม่เช่นนั้น.. ความสุขที่สุดในคืนนี้ก็คงต้องตกเป็นของเหยาลู่ ไม่ใช่หลินเมิ่งหาน! และแน่นอนว่าหลิงหยุนไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้หลินเมิ่งหานฟัง
“สามี.. ฉันรักคุณมากนะ..” หลินเมิ่งหานกระซิบบอกหลิงหยุนอย่างอ่อนโยน ในขณะที่ร่างกายส่วนล่างกำลังบีบรัดอย่างรุนแรง
หลิงหยุนไม่มีเวลาตอบกลับหลินเมิ่งหาน เพราะเขากำลังใช้วิชาพลังลับหยินหยาง เพื่อที่จะถ่ายเทพลังหยินจากกายของเขาเข้าสู่กายของหลินเมิ่งหาน!
มีเพียงช่วงเวลาเช่นนี้เท่านั้นที่หลิงหยุนจะสามารถปรับเปลี่ยนร่างกายของหลินเมิ่งหานให้หลุดจากการเป็นปุถุชนคนธรรมดาได้ และยิ่งเธอได้รับความสุขอย่างสูงสุดมากเท่าไหร่ ความแข็งแกร่งของกำลังภายในก็จะยิ่งพุ่งสูงขึ้นมากเท่านั้น!
พลังหยินที่เยือกเย็นจากกายของหลิงหยุนจำนวนมาก พุ่งเข้าสู่ภายในกายของหลินเมิ่งหาน หลิงหยุนช่วยให้พลังหยินที่เขาถ่ายเทสู่ร่างของหลินเมิ่งหานนั้น สามารถเคลื่อนไปตามเส้นลมปราณได้อย่างไม่ติดขัด ด้วยการใช้นิ้วจี้ไปตามจุดต่างๆบนร่างกายของเธอ!
โฮ่วเทียน-1, โฮ่วเทียน-2, โฮ่วเทียน-3.. กำลังภายในร่างกายของหลินเมิ่งหานค่อยๆพัฒนาขึ้นจนเข้าสู่ขั้นโฮ่วเทียน-6
ทุกครั้งที่สามารถพัฒนาเข้าสู่ขั้นต่างๆได้นั้น กายของหลินเมิ่งหานจะสั่นเทิ้มไปทั่วทั้งร่าง และจะรู้สึกสดชื่น!
หลินเมิ่งหานไม่รู้ว่าหลิงหยุนได้ทำอะไรกับร่างกายของเธอไปบ้าง เธอเพียงแค่คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่ปรากฏการณ์ที่ผู้หญิงควรรู้สึกในช่วงเวลานี้เท่านั้น!
‘ธรรมชาติร่างกายของสตรีช่างน่าอิจฉาจริงๆ’
หลิงหยุนแอบพออกพอใจอยู่เงียบๆ ตลอดสามชั่วโมงที่อยู่ในร่างของหลินเมิ่งหานนั้น ทุกจุดสูงสุดที่เธอรู้สึก ร่างกายของเธอจะกลั่นพลังหยินที่บริสุทธิ์ออกมาทุกครั้ง และหลิงหยุนก็สามารถดูดซับพลังหยินบริสุทธิ์นั้นไว้ได้จนหมด ไม่มีสูญเปล่าแม้แต่นิดเดียว!
สองคนรวมเป็นหนึ่งจึงก่อเกิดการไหลเวียนของพลังหยินหยางจำนวนมาก และแล้วมัจฉาหยินและมัจฉาหยางที่อยู่ในจุดตันเถียนของหลิงหยุนก็ถูกกระตุ้น พวกมันหมุนอยู่ในท้องของหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว ดวงตาหยินในร่างของมัจฉาหยางได้ช่วยเพิ่มพลังหยินในร่างกายของหลิงหยุนที่สูญเสียไปขึ้นมาใหม่!
กำลังภายในของหลิงหยุนก็พัฒนาขึ้นเช่นกัน และตอนนี้เขาก็ได้เข้าสู่ระดับสูงสุดของขั้นปรับร่างกาย-5 แล้ว แต่หลิงหยุนยังไม่พอใจ!
เขาพลิกฝ่ามือเรียกน้ำเต้าวิเศษออกมา และใช้มือซ้ายยกน้ำเต้าวิเศษขึ้นดื่มน้ำลายมังกรทันที!
และเพียงแค่อึกเดียวหลิงหยุนก็ดื่มน้ำลายมังกรเข้าไปถึงสองสามกิโลกรัม และตอนนี้พลังชีวิตในกายของหลิงหยุนก็เพิ่มขึ้นมากจนเส้นแบ่งรูปมังกรที่อยู่ในจุดตันเถียนของเขาถึงกับเปล่งรัศมีสีทองเรืองรอง!
พลังชีวิตจากน้ำลายมังกรได้ถูกถ่ายเทเข้าสู่กายของหลินเมิ่งหานผ่านสัญลักษณ์แห่งความเป็นชายที่เชื่อมกายของคนทั้งคู่ไว้ หลินเมิ่งหานสัมผัสได้ว่าความรู้สึกนี้นอกจากให้ความรู้สึกซาบซ่านที่น่าถวิลหาแล้ว ยังอ่อนโยน ให้ความรู้สึกสบาย และดูเหมือนจะมีประโยชน์ต่อร่างกายด้วย
และในระหว่างการหมุนเวียนระหว่างสองกายนั้น พลังชีวิตจากน้ำลายมักร และพลังหยินที่เยือกเย็น ก็สามารถผสมผสานเข้ากันได้เป็นอย่างดี ทำให้เส้นลมปราณและกำลังของบุรุษและสตรีต่างก็แข็งแกร่งขึ้นทันที!
ตูม!!
หลังจากระเบิดความสดชื่นที่ไม่สามารถอธิบายได้ หลิงหยุนก็สามารถเข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-6 ได้แล้ว เช่นเดียวกับหลินเมิ่งหานที่กำลังภายในกลับแข็งแกร่งขึ้นอีกเช่นกัน
การจะฝึกบ่มเพาะจนมาถึงขั้นโฮ่วเทียน-7 ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่เพราะพลังหยินและพลังชีวิตจากน้ำลายมังกรในกายหลิงหยุน ไม่เพียงทำให้หลินเมิ่งหานสามารถพัฒนาขึ้นมาถึงขั้นโฮ่วเทียน-7 แต่ยังขึ้นไปจนถึงขั้นโฮ่วเทียน-8 และหลังจากที่เข้าสู่ระดับต้นของขั้นโฮ่วเทียน-9 ทุกอย่างก็เริ่มหยุดนิ่ง!
จุดตันเถียนของหลินเมิ่งหานเริ่มนิ่ง และเส้นลมปราณต่างๆก็ขยายขึ้นหลายเท่า และเมื่อร่างกายของหลินเมิ่งหานเริ่มค่อยๆหยุดนิ่ง หลิงหยุนจึงเริ่มสำรวจดูร่างกายของตนเองบ้าง
แม้หลินเมิ่งหานจะไม่เคยฝึกบ่มเพาะมาก่อน แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ตราบใดที่กำลังภายในของเธอพัฒนาเข้าสู่ขั้นต่างๆได้แล้ว การฝึกฝนก็เป็นเรื่องง่ายนิดเดียว เหมือนกับคนที่หิวข้าว หากมีอาหารอยู่ตรงหน้า ก็แค่หยิบขึ้นมากินเท่านั้นเอง!
หลิงหยุนเข้าสู่ระดับเริ่มต้นของขั้นปรับร่างกาย-6 แม้จะดูเหมือนว่ากำลังภายในของเขาก้าวหน้าเพียงแค่สองขั้น แต่อย่าลืมว่า แต่ละขั้นนั้นแข็งแกร่งอย่างที่สุด!
จากการเข้าสู่ขั้นปรับร่างกายใหม่ทั้งสองขั้นด้วยวิธีนี้ ความแข็งแกร่งของมันกลับเพิ่มขึ้นป็นสองเท่าหากเทียบกับขั้นที่เขาผ่านฝึกมาก่อนหน้านี้!
หลิงหยุนมีความสุขอย่างมากที่สามารถก้าวหน้าได้อีกสองขั้น! พลังหยินในกายของหลินเมิ่งหานนั้นช่างมีประโยชน์มากจริงๆ!
และนี่ก็นับว่าเป็นข้อได้เปรียบข้อที่สองจากการฝึกวิชาพลังลับหยินยางของหลิงหยุน เพราะธรรมชาติของสตรีนั้นเกิดมาพร้อมกับพลังหยิน แต่การฝึกเช่นนี้จะทำให้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น หรือน้อยลงนั้น ก็ขึ้นอยู่กับสตรีนางนั้นด้วย เพราะหากไม่ใช่สตรีที่มีพลังหยินบริสุทธิ์แล้วล่ะก็ การฝึกก็นับว่าเสียเวลาเปล่า..
และสำหรับระดับความก้าวหน้านั้น ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง เช่นความแข็งแกร่งของสตรี พรสวรรค์ กระดูก และระดับกำลังภายใน รวมถึงลักษณะทางกายภาพอื่นๆ ทุกอย่างมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน จึงให้ผลแตกต่างกันไป
ร่างกายของหลิงหยุนค่อยๆสงบลงแล้ว เขาเริ่มใช้วิชาพลังลับหยินหยางอีกครั้ง ดวงตาสีดำและดวงตาสีขาวที่อยู่บนตัวมัจฉาหยิน และมัจฉาหยางนั้นเด่นชัดมาขึ้นกว่าเดิม และนี่เรียกว่าดวงตาหยินหยางซึ่งเกิดจากการฝึกวิชาพลังลับหยินหยางนี้
หากดวงตาหยินหยางนี้สมบูรณ์เมื่อใด จะเกิดสิ่งที่มหัศจรรย์อย่างมาก เพราะจะสามารถทำให้คนผู้นั้นมองทะลุภาพลวงตาได้!
พลังอมตะที่อยู่หว่างคิ้วของหลิงหยุนค่อยๆมีสีทองเข้มขึ้น และนั่นนับว่าเป็นสัญญาณที่ดี
หลิงหยุนวางร่างที่อ่อนปวกเปียกของหลินเมิ่งหานลง แต่เขายังคงไม่ถอยออกจากร่างของเธอ หลิงหยุนยังคงนอนนิ่งทับเรือนร่างของหลินเมิ่งหานที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ และปล่อยให้การไหลเวียนของพลังหยินและหยางค่อยๆหยุดลงเองอย่างช้าๆ จนนิ่งไปในที่สุด
“สามี.. นี่นายทำอะไรกับฉัน?” หลินเมิ่งหานไม่ถึงกับสลบไสล เธอรู้สึกจิตใจตื่นรู้และรู้ว่าร่างกายของเธอเปลี่ยนไปอย่างมาก จึงได้แต่ถามขึ้นด้วยความสงสัย
“..อย่าเพิ่งขยับร่างกาย อยู่นิ่งๆครู่หนึ่งก่อน เรียบร้อยแล้วผมจะบอกคุณเอง..”
จากนั้นหลิงหยุนก็เงียบไป และทั้งคู่ก็นอนร่างทับกันนิ่งอยู่แบบบนั้น
ดวงตาคู่สวยของหลินเมิ่งหานเอ่อไปด้วยน้ำตาแห่งความสุข คืนนี้ไม่เพียงหลิงหยุนทำให้เธอมีความสุขอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน แต่เธอมีความสุขทั้งทางกายและจิตใจ เธอจะไม่มีวันลืมค่ำคืนนี้เลยตลอดชีวิต!
ผ่านไปกว่าสองชั่วโมง และก็เป็นเวลาเกือบตีห้า ทุกอย่างจึงสิ้นสุดลง..
หลิงหยุนลุกขึ้น และพาตัวเองออกจากร่างของหลินเมิ่งหาน จากนั้นจึงนั่งขัดสมาธิและเริ่มฝึกพลังลับหยินหยางต่อ..
ส่วนหลินเมิ่งหานนั้นทั้งเหนื่อยล้าและหมดเรี่ยวหมดแรง จึงได้นอนหลับไป และริมฝีปากยังคงแย้มยิ้มอย่างมีความสุข