ตอนที่ 363 สมน้ำสมเนื้อ
อันหลิงอีโดนจับข้อมือเอาไว้จึงยากขยับมือเพื่อจัดการอันหลิงเกอต่อ เพราะแม้ข้อมือของอันหลิงเกอมีขนาดเล็ก แต่ด้านพละกำลังกลับมากกว่าสตรีทั่วไปจึงทำให้อันหลิงอีสลัดมิหลุด
เมื่อโดนอันหลิงเกอจับไว้เช่นนี้ ความโอหังของอันหลิงอีก็หายไปเกือบครึ่ง นางจึงยิ้มเย็นออกมา แววตาที่ชั่วร้ายทอประกายดำมืด
“พี่หญิงใหญ่ก็มีเรื่องที่มิรู้เหมือนกัน น่าเสียดายที่เจ้าอยากรู้ แต่ข้ามิอยากบอก”
ใบหน้าพริ้มพรายของอันหลิงเกอเมื่อโดนแสงแดดส่องกระทบกลับเห็นเหมือนหมอกจาง ๆ ลอยขึ้นมา ดูคล้ายเป็นภาพลวงตามากกว่าเป็นมนุษย์จริง ๆ
อยู่ ๆ นางก็ยกยิ้ม ดวงตาแฝงไว้ด้วยความเย้ยหยัน “เจ้าแค่กลัวว่าข้าจักแอบพาคนมาซุ่มฟังคำสารภาพของเจ้าแล้วเอาไปเปิดโปงต่อหน้าท่านพ่อเสียมากกว่า”
อันหลิงอีเกลียดการยั่วยุเช่นนี้มากที่สุด นางเกลียดสายตาดูแคลนของอันหลิงเกอ ราวกับว่านางต้องก้มหัวให้ตลอด เป็นได้แค่บุตรีอนุภรรยาที่มิมีวันเชิดหน้าชูตาได้ !
แววตาของอันหลิงอีวาวโรจน์ด้วยความโกรธแค้น น้ำเสียงฟังแล้วแสบแก้วหู “เจ้าอย่าคิดว่าการที่วางแผนให้ท่านพ่อส่งข้าออกนอกจวนได้จักแปลว่าเขารักเจ้า เพราะบุตรีที่เขารักที่สุดคือข้า ในสายตาของท่านพ่อคือเจ้ามิมีค่าอันใดเลย ! ”
อันหลิงอีมิได้กลัวอันหลิงเกอไปฟ้องบิดาแม้แต่น้อยเพราะหลังจากนางถูกส่งไปที่เรือนจวงจื่อก็ร่วมมือกับท่านตาจัดฉากฆ่าตัวตายขึ้นมา ตอนนี้ท่านพ่อได้ทราบข่าวและกำลังเกิดความสงสารนางอย่างหนัก หากอันหลิงเกอไปฟ้องท่านพ่อก็จักทำให้เขาพาลรังเกียจตนเท่านั้น !
นางหัวเราะออกมาเยี่ยงผู้ชนะ ดวงตากลมโตโค้งราวพระจันทร์เสี้ยว “หากเจ้าแน่จริงก็ไปฟ้องท่านพ่อสิ มาดูกันว่าท่านพ่อจักเชื่อเจ้าหรือข้า ! ”
“อันหลิงอี เจ้ามิกลัวโดนฟ้าผ่าหรืออย่างไร ? ”
เมื่อเห็นท่าทางมิเกรงกลัวสิ่งใดของอันหลิงอีแล้ว อันหลิงเกอก็ยิ่งโกรธมากขึ้น ภายในดวงตาดำขลับแผดเผาไปด้วยไฟแห่งความโกรธแค้น แต่คำที่เปล่งออกมาแฝงไว้ด้วยความเย็นยะเยือก “เจ้าทำเลวจนเคยตัว มิช้าต้องได้รับผลกรรม ! ”
“ข้าทำเลวจนเคยตัวหรือ ? เหตุใดเอ่ยราวกับเจ้าเป็นคนดีเสียมากมายเล่า ? ”
อันหลิงอีเบะปากเหมือนได้ยินเรื่องน่าขันก็มิปาน นางยิ้มเย็นให้อันหลิงเกอ “หากมิใช่เพราะเจ้าแล้วข้าจักเกือบเสียความบริสุทธิ์ได้อย่างไร จักติดกามโรคแล้วโดนส่งตัวออกนอกจวนได้หรือไร ! ”
“อันหลิงเกอ เจ้ามันจอมแผนการที่ใจดำอำมหิต ยังมีหน้าตำหนิว่าข้าทำเลวจนเคยตัวอีกหรือ ? ”
“เราสองคนก็มิต่างกันหรอก เจ้าจักมาตำหนิคนอื่นทั้งที่ตนก็เลวได้อย่างไร ? ”
ใบหน้าที่ดูงดงามของอันหลิงอีบัดนี้ดูบิดเบี้ยว ดวงตากลมโตคู่นั้นเต็มไปด้วยความมิพอใจ
ถ้ากล่าวถึงฐานะนางที่เป็นบุตรีอนุภรรยา ส่วนอันหลิงเกอเป็นบุตรีภรรยาเอก พวกนางก็ล้วนเป็นคุณหนูของจวนโหวเช่นกัน ทว่านางมีท่านน้าเป็นถึงกุ้ยเฟยคอยหนุนหลัง ด้านอันหลิงเกอมิมีอันใดเลย
ถ้ากล่าวถึงเรื่องหน้าตา นางยอมรับว่าตนด้อยกว่าอันหลิงเกอเล็กน้อย แต่อันหลิงเกอใจดำอำมหิตเพียงนี้มู่ซื่อจื่อยังชอบได้ลงคอ ทว่ากับนางนั้นกลับมิชายตาเหลือบมองเลยสักนิด
อันหลิงเกอตกใจในคำตำหนิของอันหลิงอีอยู่ครู่หนึ่ง ผ่านไปครู่เดียวก็ตระหนักได้ว่าอันหลิงอีมิสำนึกเลยสักนิด “ที่เจ้าเกือบเสียความบริสุทธิ์ก็เพราะเจ้าวางยาข้าก่อน อยากใส่ร้ายว่าข้ามั่วโลกีย์ อยากให้ผู้อื่นเห็นว่าข้าเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว เพื่อจักได้เสื่อมเสียชื่อเสียง”
“ที่เจ้าติดกามโรคก็เพราะเจ้ากับหลี่อี๋เหนียงร่วมมือกันป้ายเลือดบนเข็มปักผ้า ข้าแค่มิตกหลุมพรางของพวกเจ้าเท่านั้น การที่เจ้าคิดทำร้ายผู้อื่นแต่ผลร้ายย้อนกลับหาตน แล้วจักมาโทษว่าเป็นความผิดข้าได้เยี่ยงไร ? ”
“การที่เจ้าโดนไล่ออกนอกจวนก็เพราะก่อเรื่องเอง สร้างความวุ่นวายจนทำให้จวนมิสงบสุข ท่านพ่อต้องการให้เจ้าได้รับบทเรียนจึงตัดสินใจเช่นนี้”
“การที่เจ้าตกต่ำเยี่ยงนี้ล้วนเป็นเพราะตัวเจ้าเอง ยังมีหน้ามาโทษว่าเป็นความผิดของข้าอีกหรือ ? มิพบกันแค่มิกี่วัน ดูท่าทางแล้วหนังหน้าของเจ้าจักหนาขึ้นมิน้อยเลย”
อันหลิงอีโดนอันหลิงเกอต่อว่าจนมิเหลือชิ้นดี ทำให้นางโกรธจนหน้าดำหน้าแดงพร้อมโพล่งออกมา “ถ้าเอ่ยถึงเรื่องหนังหน้าที่หนา ข้าคงสู้หญิงไร้ยางอายเยี่ยงเจ้ามิได้หรอก ! อย่าคิดว่าข้ามิรู้เจ้าไปทำเรื่องงามหน้าอันใดเอาไว้ ข้าจักบอกให้ว่าจดหมายที่มู่ซื่อจื่อเขียนถึงเจ้า ข้ารู้มาตั้งนานแล้ว ! ”
“ตั้งแต่เมื่อไร ? ”
อันหลิงเกออึ้งงันไปอีกครั้ง แววตาที่สับสนเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา “เจ้าแอบอ่านจดหมายข้าหรือ ! ”
“ทำไมเล่า ? เจ้าแอบทำอันใดลับหลัง พอโดนจับได้ก็มิพอใจหรือ ? ”
เมื่อเห็นแววตาเย็นชาของอันหลิงเกอ นางก็มิยอมแพ้เช่นกัน นางจ้องตอบอย่างดุดัน “ข้าทนมองเจ้ายั่วยวนมู่ซื่อจื่อมิไหวเท่านั้น ดูเจ้าสิ เรื่องดีงามมิเรียนรู้แต่เอาเยี่ยงอย่างเรื่องสกปรกของมารดา สมกับที่ว่าผู้ใหญ่ประพฤติมิชอบ ผู้น้อยก็จักเลียนแบบในทางที่ผิด เจ้าสองแม่ลูกก็เลวพอกันทั้งคู่ ! ”
“อันหลิงอี เจ้าบังอาจเกินไปแล้ว ! ”
คำด่าทอของอันหลิงอีจักพ่นใส่นางคนเดียวก็ได้ แต่ถึงขั้นทำให้มารดาเสื่อมเสียชื่อเสียงไปด้วย อันหลิงเกอจึงทนมิไหวแล้วยกมือขึ้นตบที่ใบหน้าอันหลิงอีทันที !
“อันหลิงอี เมื่อก่อนข้ายังปรานีเจ้าเพราะคิดว่าเจ้าเป็นน้องสาว”
อันหลิงเกอสูดลมหายใจเข้าลึกและมีสติอีกครั้งหลังจากตกใจไปเมื่อครู่ ตอนนี้นางจ้องอันหลิงอีด้วยแววตาดุดัน น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “ในเมื่อเจ้ายอมรับเอง เช่นนั้นเจ้าก็คือศัตรูของข้า นับแต่นี้ต่อไปอย่าหวังว่าข้าจักปรานีอีก ! ”
อันหลิงอีก็ตกใจมิน้อยกับฝ่ามือที่ตบมาอย่างกะทันหัน นางกุมใบหน้าที่ปวดแสบปวดร้อนเอาไว้พลางจ้องอันหลิงเกอโดยไร้ความเกรงกลัว “เจ้ากล้าตบข้าหรือ ? ”
“ใช่ ข้าตบเจ้า ! ”
เมื่ออันหลิงเกอกล่าวจบ ฝ่ายอันหลิงอียังมิทันตอบโต้ก็โดนตบหน้าซ้ำสอง !
“การตบเมื่อครู่เพราะเจ้าทำให้ชื่อเสียงของท่านแม่ข้ามัวหมอง ส่วนการตบครั้งนี้เพราะเจ้าแอบอ่านจดหมายของข้า ข้าจึงตบสั่งสอน ! ”
การตบของอันหลิงเกอค่อนข้างรุนแรงจึงทำให้อันหลิงอีที่เพิ่งเงยหน้าขึ้นมาต้องเซถอยหลังไปทันที
อันหลิงเกอมองใบหน้าบวมแดงของอันหลิงอีแล้วยังรู้สึกถึงความแค้นมากมายในอกจนอยากฆ่าอันหลิงอีให้ตายเสียตรงนี้เพื่อเป็นการแก้แค้นให้ตนในชาติก่อน !
แต่ยังทำมิได้เพราะตอนนี้ยังมิถึงเวลา หากนางฆ่าอันหลิงอีก็เท่ากับนางทำลายทุกอย่างหมดสิ้น ถึงเวลานั้นนางจักแก้แค้นหลี่อี๋เหนียงได้อย่างไร ?
เมื่อหมดอารมณ์เถียงต่อ อันหลิงเกอจึงกำหมัดแน่นเพื่อระงับโทสะเอาไว้แล้วเดินออกจากศาลาฉิงเฟิงโดยมิเหลียวหลังมามองอีก
“นางสารเลว ! ”
เมื่อเห็นเงาของอันหลิงเกอเดินจากไปแล้ว อันหลิงอีก็โมโหจนอยากถ่มน้ำลายตามหลังอีกฝ่ายเสียจริง “มันเป็นใครจึงกล้าตบหน้าข้าเช่นนี้ ! ”
“คุณหนูอย่าโกรธไปเลยเจ้าค่ะ ถึงอย่างไรเราก็ทำงานสำเร็จมิใช่หรือเจ้าคะ ? ”
สาวใช้รีบประคองอันหลิงอีแล้วจ้องไปทางเงาร่างของอันหลิงเกอพร้อมกระซิบเตือนเบา ๆ “พวกเรารีบกลับกันเถิดเจ้าค่ะ คนผู้นั้นคงตอบจดหมายมาแล้ว”
อันหลิงอีนึกถึงเป้าหมายของตนพร้อมยกมือลูบใบหน้าที่บวมแดง แววตาวาวโรจน์ด้วยความเคียดแค้น แต่สุดท้ายก็ยอมกลับจวนตระกูลหลี่โดยดี