ตอนที่ 1361 เผ่าวิญญาณ (3)
เย่กูมองฟ่านจั๋ว แล้วเงียบกริบ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย
ฟ่านจั๋วยังคงมองไปที่เย่กูอย่างสอบถาม
ทันใดนั้น ปากของเย่กูก็โค้งงอ เขาตะโกนออกมา “อ๊าก! โอ๊ย! เจ็บๆๆ!!!”
เสียงร้องโหยหวนดังออกมาจากปากของเย่กู เขากุมท้องด้วยสีหน้าบิดเบี้ยวเจ็บปวด ขณะที่นอนกลิ้งไปมาบนพื้น
ฟ่านจั๋วตกตะลึง เขาเงยหน้าขึ้นไปมองเย่เหม่ย
เย่เหม่ยก็นิ่งงันไปด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าทำไมเย่กูจึงมีปฏิกิริยาเช่นนี้
[เจ้าตัวร้ายแสดงละครอีกแล้ว!]
แต่คำพูดของฟ่านจั๋วเมื่อครู่ก็ทำให้เย่เหม่ยตกใจเช่นกัน เป็นความจริงที่เย่กูเป็นคนเผ่าวิญญาณ และบนใบหน้าของเขาก็สวมหน้ากากผูกวิญญาณเอาไว้จริงๆ แต่เย่เหม่ยไม่คิดว่าหรงรั่วจะสามารถบอกได้ว่าเย่กูเป็นคนเผ่าอะไรจากการมองแค่แวบแรก และไม่คิดว่าฟ่านจั๋วจะรู้เรื่องของเผ่าวิญญาณมากขนาดนี้
เพื่อช่วยเย่กูปกปิด เย่เหม่ยกับเย่ฉาสบตากันทันที และหิ้วปีกเย่กูที่แกล้งทำเป็นเจ็บปวดขึ้นมา ก่อนจะพูดอย่างแข็งกร้าวว่า “เราไม่รู้ว่าในสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดจะมีอันตรายอะไรบ้าง เอาเจ้านี่ไปด้วยจะได้เข้าใจสถานที่นี้ได้ดีขึ้น”
คำพูดของเย่เหม่ยขัดจังหวะและทำลายความอยากรู้อยากเห็นของหรงรั่วและฟ่านจั๋ว ยังไงซะ เป้าหมายหลักของพวกเขาในการเดินทางครั้งนี้ ก็คือการค้นหาสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด ไม่ใช่หาคนเผ่าวิญญาณ
“เอาล่ะ ถ้าเสี่ยวรั่วสนใจเผ่าวิญญาณ หลังจากเราทำความคุ้นเคยกับที่นี่มากขึ้นแล้ว ค่อยถามเขาเพิ่มเติมทีหลังก็ได้” ฟ่านจั๋วพูดพร้อมหัวเราะ
หรงรั่วพยักหน้า ดูเหมือนนางยังใจลอยอยู่นิดหน่อย
เฟยเหยียนเฝ้ามองสีหน้าของหรงรั่ว แล้วอดรู้สึกกังวลไม่ได้ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
จวินอู๋เหยาอุ้มจวินอู๋เสียเดินไปข้างหน้า ขณะที่จวินอู๋เสียยื่นหัวออกไปมองด้านหลังเพื่อดูพวกเขา
เย่กูดูซึมเศร้าอย่างมากขณะที่ถูกเย่เหม่ยกับเย่ฉาขนาบข้าง แต่เขายังสังเกตเห็นแมวดำตัวน้อยที่ยื่นหัวออกมาจากอ้อมแขนของจวินอู๋เหยา นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นนายท่านเจว๋ปฏิบัติกับสิ่งมีชีวิตอย่างเอาอกเอาใจขนาดนี้ หรือว่าเจ้าแมวดำนั่นจะเป็นภูติประจำตัวของจักรพรรดิแห่งความมืด?
แต่ไม่น่าจะเป็นไปได้เลยนี่……
พอความคิดแปลกๆนั้นผุดขึ้นมาในหัว สีหน้าเศร้าซึมของเย่กูก็จางหายไปเล็กน้อย เย่เหม่ยเองก็สังเกตเห็นว่าจวินอู๋เสียกำลังจ้องมองมาทางพวกเขา
[นั่นเป็นคนที่ฉลาดสุดๆเลยนะ!]
[พลาดนิดเดียวถูกจับได้แน่นอน!]
เย่เหม่ยแอบหยิกเย่กูทันที และพูดเสียงเบาว่า “อย่าให้ใครจับได้ซิ”
“ใครจะจับได้? คนที่มองข้าอยู่ตอนนี้ นอกจากเจ้าสองคน ก็มีแค่แมวตัวนั้นตัวเดียว” เย่กูพึมพำตอบกลับเบาๆ
เย่ฉาถอนหายใจอย่างจนปัญญา เย่เหม่ยกัดฟันและพูดว่า “มีวิญญาณที่น่าทึ่งอยู่ในแมวตัวนั้น วิญญาณนั่นเป็นยอดดวงใจของนายท่านเจว๋ของพวกเรา ถ้าเจ้าถูกจับได้ขึ้นมา เจ้าคิดถึงผลลัพธ์เอาเองแล้วกัน”
หลังจากโดนเย่เหม่ยเตือน เย่กูก็ควบคุมตัวเองมากขึ้น และแสร้งทำท่าทางไม่พอใจต่อไป แต่ในใจของเขายิ่งเกิดคำถามมากขึ้นเรื่อยๆ
จวินอู๋เสียใช้อุ้งเท้าชี้ทาง นำจวินอู๋เหยาไปยังจุดที่พวกบัวเมาอยู่
นางสลับวิญญาณกับเจ้าแมวดำภายใต้การปกป้องของจวินอู๋เหยา
ทันทีที่อิงซู่กับบัวเมาเห็นจวินอู๋เหยาปรากฏตัว ทั้งสองก็พากันเงียบกริบเหมือนก้อนหิน ไม่ขยับเขยื้อนจากจุดที่ยืนอยู่เลยแม้แต่นิ้วเดียว
หลังจากจวินอู๋เสียสลับวิญญาณกับแมวดำเสร็จ เย่กูที่เห็นกระบวนการทั้งหมดก็ตกตะลึง
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนที่สามารถสลับวิญญาณกับภูติประจำตัวของตัวเองได้ เขาก็รู้สึกอยู่ว่าวิญญาณของเจ้าแมวดำค่อนข้างแปลก แต่ไม่คิดว่ามันจะแปลกขนาดนี้
การที่วิญญาณของมนุษย์สามารถสลับที่กับภูติประจำตัวได้ เป็นเรื่องที่เกินความรู้ของเขาจริงๆ