บทที่ 264 ตระหนักรู้ห้วงยุทธ์ชีวีอีกครั้ง

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

บทที่ 264 ตระหนักรู้ห้วงยุทธ์ชีวีอีกครั้ง

 

หลัวซิวเดินมาข้างหน้า ปี้เซียนเสว่เดินตามหลังเขา หลงหมิงที่หลอมรวมกับที่ว่างรอบๆ ก็ตามไปเช่นกัน

มังกรไร้ร่าง ผ่านค่ายกลจำนวนมาก โดยไม่สนใจการขัดขวาง แต่ค่ายกลโบราณ ที่แฝงไปด้วยการจู่โจมวิญญาณ ไม่สามารถใช้ความสามารถหลอมรวมกับที่ว่างผ่านไปได้

ตัวสำนึกระดับราชายุทธ์แผ่ซ่าน ตรงระหว่างคิ้วของหลัวซิว ปรากฏเป็นรอยจางๆ รูปกระบี่ดำ ไม่นานก็มาถึงหน้าม่านแสงค่ายกล

เมื่อเดินมาถึงที่นี่ เท่ากับว่าหลัวซิวต้องเผชิญกับการจู่โจมตัวสำนึก ฝึกจิตขั้น9 ถึงสามตัว แม้ตัวเองอยู่ในระดับราชายุทธ์แล้ว ก็รู้สึกกดดันเพิ่มขึ้นมาก

“ตามติดฉันมา” หลัวซิวเตือนปี้เซียนเสว่ ตัวสำนึกรูปกระบี่ดำตรงระหว่างคิ้ว พุ่งออกไป เพียงพริบตาระหว่างม่านแสงข้างหน้า ถูกแหวกเป็นช่อง

“เข้าไป”

เสียงของหลัวซิวดังขึ้น ปี้เซียนเสว่กับหลงหมิงรีบเข้าไปในช่อง หลังพวกเขาเข้ามาแล้ว หลัวซิวก็ก้าวเข้ามา ร่างผ่านม่านแสงเข้ามา

ตอนที่เขาผ่านม่านแสงค่ายกล ช่องที่แหวกออกมา ปิดลงอย่างรวดเร็ว กลับไปเป็นแบบเดิม

หลังเข้ามาในถ้ำหินแห่งนี้ พลังหยินสุดขั้วรุนแรงโถมเข้ามา พลังหยินสุดขั้วนี้รุนแรงและบริสุทธิ์ ทำให้ปี้เซียนเสว่ที่มีคุณสมบัติร่างเสวียนหยิน เกือบจะนั่งขัดสมาธิฝึกตน

“พลังหยินสุดขั้วของที่นี่บริสุทธิ์มาก ฉันว่าถ้าฝึกตนในนี้สักไม่กี่ปี ไม่แน่ฉันอาจถึงแดนราชายุทธ์ก็ได้” ปี้เซียนเสว่พูดอย่างตกใจ

“นี่แค่ปากถ้ำเท่านั้น เราเข้าไปดูข้างในกัน” หลัวซิวยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น

บริเวณปากถ้ำ ก็มีพลังหยินสุดขั้วบริสุทธิ์ขนาดนี้ หลัวซิวคาดหวังว่าลึกลงไปในถ้ำแห่งนี้ จะมีสมบัติที่ล้ำค่ากว่านี้หรือเปล่า

ข้างหน้ามืดสนิท ถึงขนาดที่ยื่นมือออกไป ก็มองไม่เห็นนิ้วมือตัวเอง หลัวซิวให้ปี้เซียนเสว่ตามหลังตัวเอง และเดินไปตามทางข้างหน้า

เดินอยู่นาน หลัวซิวก็ไม่เห็นใครสักคน ก่อนหน้านี้มีคนเข้ามาในถ้ำ ไม่รู้ว่าคนที่เข้ามาก่อนไปอยู่ที่ไหนกัน

ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน ข้างหน้ามีแสงสว่าง ทั้งสองเดินออกจากความมืด มาถึงสำนัก ที่มีลักษณะเป็นรูปวงรี

พื้นของสำนักแห่งนี้ หลอมมาจากอิฐสีเขียวเหลือบทอง มีแสงส่องสลัวๆ เห็นบรรยากาศรอบๆ อย่างเลือนลาง

ครืน!

ทันใดนั้น เสียงสั่นสะเทือนดังเข้ามาในห้วงหยั่งรู้ของหลัวซิว ระหว่างนั้นก็มีแสงสีดำ ที่แฝงไปด้วยลมปราณหยินเย็นยะเยือก จู่โจมเข้ามาในตัวหยั่งรู้ของหลัวซิว

ขณะเดียวกัน ปี้เซียนเสว่ที่อยู่ด้านหลังหลัวซิว ก็รู้สึกอย่างนี้เหมือนกัน สีหน้าซีดเผือด เพราะแสงดำที่ทะลุเข้ามาในตัวหยั่งรู้ แข็งแกร่งมาก ตัวสำนึกฝึกจิตขั้น6 ของเธอ ไม่สามารถต้านทานได้

หลัวซิวก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป คิดไม่ถึงว่าในนี้จะมีจู่โจมวิญญาณ เหมือนที่อยู่ในวิชาห้ามค่ายกลด้านนอก

ดวงตาทั้งสองข้างของเขา กลายเป็นสีดำขลับ ตัวสำนึกรูปกระบี่ดำออกมา ทำลายแสงดำที่พุ่งไปยังปี้เซียนเสว่

“หลงหมิง พาเธอถอยกลับไปตามทางอุโมงค์!” หลัวซิวส่งเสียงไปยังตัวสำนึกของหลงหมิง

มังกรไร้ร่างอย่างหลงหมิง ก็สัมผัสได้ถึงการจู่โจมวิญญาณ ของตัวสำนึกที่ก่อตัวเป็นแสงดำ รีบใช้พลังควบคุมเวลา พาปี้เซียนเสว่เคลื่อนตัวไป จู่ๆ ก็ย้อนกลับมายังอุโมงค์มืดด้านหลัง

เมื่อกลับมาในอุโมงค์มืด ความรู้สึกที่เหมือนโดนแสงสีดำจู่โจมตัวสำนึก หายไปในพริบตา

เห็นได้ชัดว่า แค่ไม่เข้าไปในสำนักข้างหน้า ก็จะไม่โดนแสงดำโจมตี

หลงหมิงมองไปข้างหน้า ภายในแสงสลัว เห็นหลัวซิวนั่งขัดสมาธิอยู่ในสำนัก ตัวสำนักกลายเป็นกระบี่ดำ ปะทะกับแสงดำที่สว่างวาบในสำนักอย่างต่อเนื่อง มีแรงกระเพื่อมเหมือนคลื่นในอากาศ

หลังหลุดออกจากอันตราย ปี้เซียนเสว่ยังกลัวไม่หาย ใบหน้าเล็กซีดเผือด เห็นหลัวซิวจัดการกับการจู่โจมวิญญาณในสำนัก เธอกังวลมาก แต่ไม่กล้าส่งเสียง เพราะกลัวจะรบกวนเขา

ระหว่างที่จัดการกับแสงดำ หลัวซิวหันมาพูดกับปี้เซียนเสว่ “เธอฝึกตนอยู่ในทางอุโมงค์ อย่าเพิ่งเข้ามาในสำนัก”

“อืม นายระวังด้วย” ปี้เซียนเสว่พยักหน้า

ในตำหนักรูปวงรี ตัวสำนึกจะโดนควบคุม อีกทั้งยังโดนแสงดำพุ่งเข้ามาไม่หยุด ทำให้ไม่รู้จะป้องกันทางไหน

ขณะจัดการกับแสงดำ หลัวซิวเห็นศพนอนกองอยู่ไม่ไกลสองสามศพ มีที่เพิ่งตาย ตัวหยังรู้ถูกทำลาย สติกระเจิดกระเจิง และมีที่กลายเป็นโครงกระดูกไปแล้ว ไม่รู้ตายมาเป็นเวลานานแค่ไหน

สำนักนี้มีแสงดำกะพริบ เป็นตัวสำนึกจู่โจม ที่ก่อตัวจากพลังหยินสุดขั้ว พลังที่แฝงอยู่ในนั้น มีห้วงแห่งความลี้ลับ รวมตัวจนกลายเป็นรูปร่าง ระดับพอๆ กับราชายุทธ์

ตัวสำนึกของหลัวซิว เป็นแค่ระดับราชายุทธ์เริ่มต้น ต้านทานสิ่งที่ไม่ธรรมดา ตัวสำนึกรูปกระบี่สีดำ โดนโจมตีหลายต่อหลายครั้ง

แต่ไม่นานเขาก็พบสิ่งน่าตกใจ หลังตัวสำนึกโดนโจมตีจนพังทลาย แล้วรวมตัวขึ้นมาใหม่ จะแข็งแกร่งมากขึ้น ตอนแรกยังไม่ชัดเจน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ตอนรวมตัวแต่ละครั้งเมื่อถูกทำลาย หลัวซิวสัมผัสได้ถึงพลังของตัวสำนึกของตัวเอง ยกระดับขึ้นเล็กน้อยอย่างชัดเจน

ถึงเป็นเพียงแค่เล็กน้อย แต่ถ้าฝึกพลังก่อรวมวิญญาณ อย่างน้อยต้องใช้เวลาประมาณเดือนกว่า ถึงจะยกระดับได้ขนาดนี้ แต่ที่นี่กลับใช้ระยะเวลาเพียงชั่วครู่

การค้นพบนี้ทำให้หลัวซิวทั้งตกใจและดีใจ เพราะเขามีตัวสำนึกระดับราชายุทธ์ ขณะที่เขาอยู่ในแดนฝึกจิต ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น จากผลการฝึกตนของตัวสำนึกที่นี่ กลัวว่าแค่เข้ามา ก็คงโดนทำลายตัวหยั่งรู้ สติกระเจิดกระเจิง

ศพที่นอนกองอยู่ไม่ไกล เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด

ในเมื่อสำนักไท่เสวียนในสมัยโบราณ วางถ้ำไว้ที่นี่ แน่นอนว่าไม่ใช่ปรมาจารย์ฝึกจิตคนไหนก็ได้ ที่จะมีคุณสมบัติมาฝึกตนที่นี่

เมื่อเป็นเช่นนี้ หลัวซิวฝึกตัวสำนึกในถ้ำแห่งนี้ ปี้เซียนเสว่กับหลงหมิงดูดซับพลังหยินสุดขั้วอันบริสุทธิ์ ในอุโมงค์ เพื่อยกระดับผลการฝึกตน เวลาผ่านไปเรื่อยๆ

ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน จากการที่พลังของตัวสำนึกยกระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลัวซิวพบว่าความเข้าใจของตัวเองต่อผังกฎดั้งเดิม เริ่มชัดเจนมากขึ้นเยอะ

ผังกฎดั้งเดิมภาพที่สอง มีความคืบหน้าใหม่

“พรึ่บ!”

แสงดำพุ่งเข้ามา ความเร็วเหมือนสายฟ้า

หลัวซิวคิดได้ ตัวสำนึกรูปกระบี่ดำกลายเป็นสีขาว เงาสีขาวเรียงเป็นแถว ก่อตัวเป็นม่านแสง

แสงดำปะทะกับม่านแสงเงากระบี่สีขาว ม่านแสงกระเพื่อมเล็กน้อย แต่ทำให้การโจมตีของแสงดำหายไป

นี่เป็นการใช้ห้วงยุทธ์แบบใหม่ ห้วงยุทธ์กระบี่ดับเบิลคิวหลังห้วงยุทธ์แห่งความตาย หลัวซิวใช้ประโยชน์จากช่วงฝึกตัวสำนึก ทำความเข้าใจกับห้วงยุทธ์แบบที่สาม ห้วงยุทธ์ชีวี!