ตอนที่ 192 ตกตะลึงทั้งโรงพยาบาล

หยางโปไม่พูดอะไรมากความ ก่อนหน้าที่อาการป่วยของหงอวี้ยังไม่รักษาหายขาด ความสำนึกในบุญคุณทั้งหมดนี้ก็ล้วนไม่อาจบรรลุได้ และเขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจเช่นกัน

ห้องถูกกั้นด้วยกระจก สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่เตียงผู้ป่วย

หยางโปขมวดคิ้ว เขารู้ดีว่าความลับเรื่องกระจกแสงจันทร์ไม่มีทางเก็บไว้ได้แน่ แต่ว่าถึงถูกเปิดโปงไปก็ไม่มีอะไรหนักหนา ขอให้อีกฝ่ายช่วยรักษาความลับให้ก็ใช้ได้แล้ว

ตอนนี้หงอวี้ได้สติอยู่ เขาเบิกตาจ้องมองหยางโป แต่กลับพูดอะไรออกมาไม่ได้

หยางโปหยิบกระจกแสงจันทร์ออกมา วางใส่ไว้ในมือของหงอวี้ ก่อนจะนั่งลงอีกด้าน รอคอยอย่างเงียบๆ

 

เมื่อแม่หงซิ่วซิ่วเห็นสิ่งที่หยางโปทำก็ตกใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะหันไปถามหงซิ่วซิ่วว่า “เมื่อวานเองก็เป็นอย่างนี้เหรอ?”

หงซิ่วซิ่วส่ายหน้า “เมื่อวานหนูไม่ได้สังเกตที่เขาทำเลย พอเขาออกไป ก็เห็นพี่ชายฟื้นขึ้นมาแล้ว”

“ของที่อยู่ในมือของเขาเมื่อกี้คืออะไรน่ะ? มีใครเห็นชัดๆ บ้างไหม?” แม่หงซิ่วซิ่วหันไปถามคนข้างกาย

“เหมือนจะเป็นเครื่องทองแดงครับ กลมกลม และก็ขนาดไม่ได้ใหญ่ครับ” บอดี้การ์ดตอบกลับมา เพราะเขาไม่ได้สวมแว่นตา สายตาของเขานับว่าดีที่สุดในคนทั้งหมดแล้ว จึงมองเห็นได้อย่างชัดเจน

“เป็นสีเขียว คงไม่ใช่เข็มทิศฮวงจุ้ยแบบขนาดเล็กหรอกนะ?” อีกคนคาดเดา เพราะจากที่หยางโปทำนั้น ทำให้คนมากมายตัดสินใจเอาเองให้เขารับบทเป็นหมอซินแส

 

ขณะเดียวกัน ในห้องควบคุมเองก็กำลังวุ่นวายเช่นกัน

เมื่อพยาบาลวัยกลางคนเห็นหยางโปเดินไปถึงด้านนอกห้องพักผู้ป่วย ก็รีบหันไปหานายแพทย์ข้างกายแล้วกล่าวว่า “หมอลูคัสคะ เป็นเขาค่ะ คนที่เมื่อวานมารักษาผู้ป่วยจนหายก็คือเขาค่ะ!”

ปีนี้ลูคัสอายุสี่สิบกว่าปี เป็นแพทย์เฉพาะทางด้านประสาทของโรงพยาบาลเบอร์ลินคูริสทาน และเป็นนายแพทย์เฉพาะทางด้านสมองและระบบประสาทที่มีชื่อเสียงในระดับสากล คนไข้ที่เข้ารับการตรวจรักษาในครั้งนี้มีอาการประหลาด ไม่สามารถที่จะตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงได้เลย เขาเองก็ไม่สามารถที่จะกำหนดแผนการรักษาที่เหมาะสมได้ ได้แต่มองอาการของผู้ป่วยที่ค่อยๆ แย่ลง แต่เขากลับทำได้เพียงรักษาทรงอาการไว้เท่านั้น นี่ทำให้เขาจนปัญญาเป็นอย่างมาก

 

แต่บ่ายเมื่อวาน เขาพลันได้รับรายงานจากพยาบาล แจ้งว่าคนไข้อาการดีขึ้น อยู่ๆ ก็ฟื้นขึ้นมา เรื่องนี้ทำให้เขาประหลาดใจเป็นอย่างมาก เพราะตามการคาดการณ์ของเขา ภายใต้สภาวะอย่างนี้ ยากที่คนไข้จะฟื้นขึ้นมาได้

หลังจากนั้น พยาบาลก็ได้บอกเขา ถึงสาเหตุที่ทำให้คนไข้ได้สติขึ้นมา คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเพราะหมอผีชาวจีนที่เข้ามาในห้องพักผู้ป่วยคนหนึ่ง หมอผีคนนั้นใช้เวลาแค่สั้นๆ ก็สามารถช่วยให้คนไข้ฟื้นคืนสติ เรื่องนี้ทำให้ลูคัสรู้สึกยากที่จะเชื่อได้

ต่อมาเขาเจาะจงที่จะดูภาพวงจรปิดในตอนนั้นโดยเฉพาะ พบว่าหมอผีเพียงถือกระจกทองแดงอันเล็กๆ ไว้ ก็ปลุกคนไข้ขึ้นมาได้แล้ว เรื่องนี้ทำให้แพทย์ทั้งโรงพยาบาลตะลึงงัน ถ้าใช้กระจกทองแดงบานเดียวก็สามารถรักษาจนหายได้จริงๆ อย่างนั้นยังจะให้แพทย์อย่างพวกเขาทำอะไร?

 

ภายในห้องควบคุมคนมารวมกลุ่มกันมากขึ้นเรื่อยๆ มีคนจำนวนมากที่ได้ยินเรื่องเล่าเรื่องนี้ ทุกคนทำเหมือนเรื่องนี้เป็นตำนาน ต่างก็คิดอยากจะมาดูสักหน่อย ในห้องควบคุมเกิดเสียงเอะอะโวยวาย ทุกคนแบ่งกันเป็นสองฝ่ายอย่างคึกคัก แล้วก็โต้เถียงกัน

เสียง “ชู่!” ดังขึ้น ทุกคนมองไปทางภาพวงจรปิด เห็นหยางโปเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย แล้วหยิบกระจกทองแดงอันนั้นออกมาจากกระเป๋า ในตอนนี้คนไข้ยังไม่สามารถที่จะขยับตัวได้ ทั้งสองคนไม่แม้จะพูดคุยอะไรกัน หยางโปเอากระจกทองแดงวางไว้ในมือของหงอวี้

“เป็นกระจกมหัศจรรย์อันนั้น!” พยาบาลที่เห็นมาเมื่อวาน ชี้กระจกทองแดงที่ภาพบนจอ พลางร้องออกมาอย่างตกใจ

 

ทุกคนต่างจ้องมองภาพบนจอเขม็ง ด้วยกลัวว่าจะพลาดอะไรไป

แต่แป๊บเดียวพวกเขาก็หมดหวัง ในภาพวงจรปิด หลังจากที่หยางโปวางกระจกเสร็จแล้ว ก็นั่งลง ไม่ทำอะไรอีก

การกระทำนี้ทำให้ทุกคนงงงวยเป็นอย่างมาก ลูคัสจ้องมองภาพบนจอ เห็นหยางโปนั่งอยู่ที่ด้านหนึ่ง ใช้เพียงสายตาจ้องมองหงอวี้ เขาอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “หรือว่าจะเป็นการรักษาด้วยพลังจิต?”

“รักษาด้วยพลังจิต?” มีคนไม่เข้าใจ

“ก็คือการอาศัยพลังจิตของตัวเอง โดยใช้กระจกบานนั้นเป็นสื่อกลาง วิธีแบบนี้ไม่ค่อยมีให้เห็นนัก” ลูคัสอธิบาย

 

กลุ่มคนรอบๆ ส่งเสียงอุทานอย่างตื่นตะลึง “หรือว่านี่จะเป็นไสยศาสตร์?”

หยางโปไม่ได้รับรู้เรื่องพวกนี้เลยแม้แต่น้อย ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังหงอวี้ เห็นกระแสปราณถูกดูดเข้าไปในกระจกเป็นสายๆ ความเร็วเมื่อเทียบกับเมื่อวานนี้จะต้องเร็วกว่าเล็กน้อย เขาพยักหน้าอย่างพึงพอใจ

ผ่านไปสิบกว่านาที ปราณที่ไหลออกมาก็น้อยลงเรื่อยๆ หยางโปเห็นได้ว่าปราณที่เหลืออยู่บางส่วนเปลี่ยนเป็นดื้อด้าน ยากที่จะถูกกระจกแสงจันทร์ดูดออกมาอีก

อีกทั้งเพียงแป๊บเดียวกระจกแสงจันทร์ก็ช้าลง จนไม่ดูดปราณอีกต่อไป แม้หยางโปจะไม่เข้าใจหลักการทำงานของกระจกแสงจันทร์ แต่เขาก็รู้ดีว่า กระจกแสงจันทร์คล้ายกับว่าจะมีความสุขในการดูดปราณเย็นจนไม่อาจพรรณาออกมาได้

 

หยางโปเก็บกระจกแสงจันทร์กลับมา เขาเห็นบนใบหน้าหงอวี้มีเลือดฝาดขึ้นมา ร่างกายของหงอวี้ที่เคยอ่อนเปลี้ย กลับหันมาพยักหน้าให้หยางโปได้ ก่อนจะพูดเสียงแหบกับเขาว่า “ขอบคุณ!”

หยางโปโบกมือ เขารู้ว่าหงอวี้ดีขึ้นไม่น้อยแล้ว “คุณพักผ่อนเถอะ!”

พูดจบ หยางโปก็เดินออกไปทางด้านนอก ปราณเย็นที่เหลืออยู่ดื้อด้านเกินไป ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยอีกหนึ่งถึงสองวัน

หยางโปหันกายเดินออกไป เมื่อถึงส่วนกระจกที่กางกั้น เขาก็ต้องตกใจขึ้นมา เนื่องจากเขาเห็นว่าที่ด้านนอกกระจกเต็มไปด้วยคนที่มุงล้อม ทั้งแพทย์ทั้งพยาบาลทั้งคนตระกูลหง

หยางโปก้าวเท้าออกมาจากประตูกระจก เสียงปรบมือด้วยความชื่นชมดังขึ้นในโถงทางเดิน

 

หยางโปเห็นชายวัยกลางคนอายุสี่สิบกว่าปีคนหนึ่งเดินมาทางเขา พูดรัวเร็วอยู่ไม่น้อย น่าเสียดายที่หยางโปไม่เข้าใจภาษาเยอรมัน ยากที่จะสื่อสารกันได้

แต่โชคดีที่หงซิ่วซิ่วเป็นล่ามพร้อมใช้ เธอรีบแทรกกายเข้ามาในกลุ่มคน หันไปหาหยางโปพร้อมแนะนำว่า “คุณหยาง ท่านนี้เป็นแพทย์เจ้าของไข้พี่ชายของฉันเองค่ะ คุณหมอลูคัส!”

หยางโปจับมือกับอีกฝ่าย ยิ้มพลางกล่าวว่า “สวัสดีครับ”

หลังจากจับมือ ลูคัสก็หันไปพูดกับหยางโปโดยตรงว่า “คุณหยาง อุปกรณ์ที่ใช้รักษาเมื่อกี้ของคุณคืออะไรกันแน่?”

 

หยางโปชะงักเล็กน้อย “ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษครับ”

ลูคัสชะงัก “คุณหยาง คุณรักษาหงอวี้ได้ยังไงกัน?”

หยางโปขมวดคิ้วอีกครั้ง เขาแน่ใจว่าที่ห้องมีกล้องวงจรปิด แต่เขาคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมาถึงเร็วขนาดนี้

หยางโปส่ายหน้า “ที่คุณเห็นไปนั้นก็ถูกต้องแล้ว”

ลูคัสยังคิดอยากถามต่ออีก แต่หยางโปกลับหันไปพูดกับหงซิ่วซิ่วว่า “ส่งผมกลับไปเถอะ!”

หงซิ่วซิ่วรีบสั่งให้บอดี้การ์เข้ามาในวงล้อม ก่อนพูดด้วยภาษาเยอรมันอย่างคล่องแคล่วว่า “ทุกคนหลีกทางหน่อยค่ะ คุณหยางยังมีธุระ”

 

ลูคัสดึงหยางโปไว้ “คุณหยาง คุณทิ้งวิธีติดต่อไว้ได้ไหมครับ ระหว่างพวกเรายังมีปัญหาทางวิชาการที่จะให้ศึกษาวิจัยกันอีกไม่น้อย!”

หยางโปส่ายหน้า “ผมไม่ใช่หมอจริงๆ ครับ”

พูดจบ หยางโปที่อยู่ในความคุ้มกันของบอดี้การ์ด ก็ปลีกตัวจากกลุ่มคนออกมาอย่างยากลำบากได้ในที่สุด

เมื่อหยางโปเข้าไปนั่งในรถ หงซิ่วซิ่วก็พูดอย่างรู้สึกผิดว่า “ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ ทำให้คุณยุ่งยากกว่าเดิมแล้ว”

หยางโปส่ายหน้า “เรื่องนี้ไม่ตำหนิคุณหรอก คุณสั่งพวกเขาไม่ได้อยู่แล้วนี่”

 

“พี่ชายฉันเขาจะหายเป็นปกติประมาณเมื่อไหร่คะ?” หงซิ่วซิ่วเอ่ยปากถาม

หยางโปใคร่ครวญเล็กน้อย “การรักษาของผมใช้เวลาไม่นาน พรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ก็น่าจะเสร็จแล้ว ต่อไปก็ต้องอาศัยพวกคุณดูแลเขาให้ดีแล้วล่ะ”

พูดจบ หยางโปก็ชะงักเล็กน้อย “ทางที่ดีคือต้องให้เขาครองตัวเป็นโสด”

ใบหน้าหงซิ่วซิ่วก็แดงก่ำ แล้วพยักหน้าเบาๆ