ฉู่ฉีเฟิงเพียงเบนสายตาหนีอย่างเย็นชา “หย่วนซาน ส่งนางกลับ”
จบคำก็เตรียมจะขี่ม้าจากไป
“ท่านชาย!” ฮั่วชิงเอ๋อร์ร้อนใจ รีบวิ่งตามไปแล้วกางแขนขวางหน้าม้าเขา เอ่ยอย่างไม่สบายใจว่า “ท่านชาย ข้า…มีเรื่องจะบอกเจ้า!”
ฉู่ฉีเฟิงอยู่บนหลังม้าสูง ดวงหน้าหล่อเหลาไร้ซึ่งอารมณ์ให้เห็น ทั้งไม่เหลือบตาเหลียวมองนางสักนิด
ฮั่วชิงเอ๋อร์มองแววตาที่เย็นเยือกจากก้นบึ้งของเขา หัวใจก็ปวดหนึบ กรอบตาเริ่มแดงระเรื่อ
ผ่านไปสักพักนางถึงสะกดอารมณ์เอาไว้ได้ กัดฟันเอ่ยว่า “ข้าจะพูดแค่ไม่กี่คำ ท่านชาย…”
ฉู่ฉีเฟิงไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่ในที่สุดก็ดึงสายตากลับมามองนาง
ได้สบตากับดวงตาดำมืดไร้ที่สิ้นสุดของเขา หัวใจของฮั่วชิงเอ๋อร์พลันเต้นไม่เป็นจังหวะ รีบก้มหน้าหลบทันที
ฉู่ฉีเฟิงไม่มีท่าทีจะเคลื่อนไหว
ฮั่วชิงเอ๋อร์แม้ใจจะวิตก แต่ก็รู้ดีว่าเมื่อยืนอยู่ต่อหน้าเขา ตนไม่มีสิทธิ์จะพูดอะไรทั้งนั้น…
ฉู่ฉีเฟิงยอมหยุดฟังนาง ถือเป็นการอ่อนข้อและเมตตาอย่างหาที่สุดไม่ได้แล้ว
“ท่านชาย ข้ารู้ว่าท่านพ่อของข้ามีความผิด แต่ตอนนี้เขาก็กินอยู่อย่างเป็นทุกข์ ถือว่าเขาได้รับกรรมของเขาแล้ว” ฮั่วชิงเอ๋อร์กล่าวพลางสูดหายใจลึก ดวงตามีน้ำตาเอ่อ “เห็นแก่ที่เราเติบโตมาด้วยกัน ขอเจ้าเมตตาสักครั้ง เจ้า…”
“อย่างไรเล่า?” นางเอ่ยเร่งร้อน แต่ฉู่ฉีเฟิงกลับนิ่งไม่หวั่นไหว
ฮั่วชิงเอ๋อร์ถูกคำถามเขาทำเอาอึ้งไป
จูหย่วนซานเห็นเขามองมา ก็รีบส่งจดหมายในมือให้
ฉู่ฉีเฟิงกำจดหมายไว้ในมือ แล้วหัวเราะหยัน “วันนี้เจ้าพกจดหมายฉบับหนึ่งมาหาข้า พูดเหมือนมาขอขมาแทนพ่อเจ้า แต่ความจริงเจ้ามาเพื่อขอให้ข้าไว้ชีวิตเขากระมัง!”
พวกเขาพี่น้องกับฮั่วชิงเอ๋อร์ต่างเป็นเพื่อนที่โตมาด้วยกัน แม้ไม่ได้สนิทสนม แต่นิสัยของฮั่วชิงเอ๋อร์เขาย่อมรู้อยู่บ้าง
แต่ให้ฮั่วกังทำผิดเพียงใด ต่อให้การกระทำเช่นนี้ของนางจะเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดต่อพี่น้อง ทว่า…
ในฐานะบุตรสาวของฮั่วกัง นางไม่มีทางยืนมองและเพิกเฉยต่อความเป็นตายของบิดาตนแน่
ฮั่วชิงเอ๋อร์ถูกเขาเปิดโปง หน้าจึงขึ้นสีด้วยความอับอาย ไม่นานก็เอ่ยด้วยเสียงเบาว่า “อย่างไรเขาก็เป็นบิดาข้า!”
ฉู่ฉีเฟิงยิ้มเยาะ ถามกลับว่า “แล้วอะไรทำให้เจ้าคิดว่าการแสดงความจริงใจเล็กน้อยเช่นนี้ มันจะทำให้ข้าเมตตาเจ้า? คุณหนูฮั่ว เจ้าไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”
ฮั่วกังทำเรื่องสุดโต่ง แต่ฮั่วชิงเอ๋อร์หาได้มีเรื่องใดที่ทำผิดต่อพวกเขาสองพี่น้อง
อีกอย่าง…
คนที่พอจะรู้จักพวกเขาสองพี่น้องต่างก็รู้ดี ว่าพวกเขาจะไม่พาลใส่ผู้อื่น
ดังนั้นครั้งนี้ที่ฮั่วชิงเอ๋อร์มาหาเขาก่อน ทั้งยังนำหลักฐานกระทำความผิดที่ทั้งฮั่วกังและฉู่อี้เจี่ยนต่างไม่มีมามอบให้ อาศัยจะแสดงความจริงใจนี้ต่อเขา…
นางหยิบยื่นน้ำใจอันยิ่งใหญ่มาให้ แต่กลับสร้างความลำบากใจให้พวกเขาสองพี่น้องนัก
ดวงหน้าของฮั่วชิงเอ๋อร์กลายเป็นสีแดงจัด
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่นางคำนวณใจคน วางเดิมพัน…
กับไพ่ที่เรียกว่าความรู้สึก
นางกำลังเดิมพัน เดิมพันว่าฉู่ฉีเฟิงไม่มีทางรับจดหมายฉบับนี้ เพราะว่า…
อีกฝ่ายรู้ดีว่าหากทำเช่นนั้น มันมีความหมายเช่นไรต่อนาง
ฉู่ฉีเฟิงทำเป็นมองไม่เห็นความกระสับกระส่ายของนาง
เขาไม่ต้องการเสียเวลาอยู่ตรงนี้ต่อ จึงเอ่ยเสียงเย็นว่า “เจ้าชนะแล้ว หยิบยื่นน้ำใจหนักอึ้งเช่นนี้มาให้ ข้าไม่มีทางรับไว้เรื่อยเปื่อยแน่ ดังนั้นเจ้าเก็บของกลับไปเสีย วันนี้ให้ถือเสียว่าเราไม่เคยพบกัน!”
ฮั่วชิงเอ๋อร์ได้ฟังหัวใจก็เริ่มเห็นความหวังริบหรี่ แต่เพียงเสี้ยววินาที หลังจากที่นางได้เห็นสีหน้าแข็งทื่อของอีกฝ่าย หัวใจก็เหมือนร่วงหล่นลงเหวลึก
“ท่านชาย ข้า…” ฮั่วชิงเอ๋อร์อ้าปากจะพูด ฟังออกว่าเจือเสียงสะอื้นอยู่ “ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นความผิดของท่านพ่อข้า แต่บัดนี้เขาก็ตกต่ำย่ำแย่เต็มที ทั้งยังอยู่ในสายตาเจ้ากับองค์รัชทายาท ไม่มีทางที่เขาจะเคลื่อนไหวได้อีกแล้ว ดังนั้นข้าขอร้องเจ้าได้หรือไม่ เมตตาเขา ไว้ชีวิตเขาด้วยเถอะ! หรือจะให้ข้ากับท่านแม่ไปเกลี้ยกล่อมให้เขาลาออกจากกองทัพก็ย่อมได้ จากที่นี่ไปชั่วชีวิต ได้หรือไม่?”
เห็นว่าฉู่ฉีเฟิงยังนิ่งงัน ฮั่วชิงเอ๋อร์ก็ยิ่งลนลาน
นางก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว กระตุกชายเสื้อคลุมของฉู่ฉีเฟิงจากด้านล่าง ใช้สายตาคาดหวังเจือไปด้วยความวิงวอน
นัยน์ตาของฉู่ฉีเฟิงก็ยังเยียบเย็นไม่ต่างจากเก่า
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางรู้สึกว่านี่เป็นครั้งที่ฉู่ฉีเฟิงดึงดันและแข็งทื่อมากกว่าครั้งไหนๆ
ท่าทางเช่นนี้ของเขา ช่างทำให้คนรู้สึกไม่สบายตัวเอาเสียเลย
เขาไม่จำเป็นต้องเปิดปาก แค่สายตาเย็นเยียบที่มองมา หนังศีรษะของฮั่วชิงเอ๋อร์ก็ชาหนึบไปหมด หัวใจสั่นไหวเป็นระยะ ก่อนจะค่อยๆ ดึงมือกลับด้วยความแข็งทื่ออย่างไม่รู้ตัว
“เขาทำเรื่องเช่นนั้นลงไป อย่าว่าแต่ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้เขารอดตัวไปได้ แต่ต่อให้ข้ายอมปล่อย เจ้าคิดว่าเขาจะถอยหนีอย่างปลอดภัยได้งั้นรึ?” ฉู่ฉีเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ริมฝีปากของฮั่วชิงเอ๋อร์ขยับ จู่ๆ ก็รู้สึกขวัญหาย…
ความจริงนางตัดสินใจแทนฮั่วกังไม่ได้
แม้จะรู้เช่นนั้น แต่นางไม่อาจปล่อยให้เขาจนตรอก
ฉู่ฉีเฟิงเพิ่งจะพูดจบ ก็เอ่ยต่อทันทีด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “อีกอย่าง…แค่เรื่องที่เขาทำกับสวินหยาง ข้าก็ไม่มีทางปล่อยเขาอยู่แล้ว!”
แค่คิดว่ามีคนวางแผนทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชีวิตของฉู่สวินหยาง เขาก็รู้สึกโกรธแค้นไปหมด
ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นฮั่วกัง หรือกระทั่งฮ่องเต้…
ก็เพียงพอให้เขาทำทุกทางเพื่อหั่นมันผู้นั้นเป็นชิ้นๆ ได้แล้ว
ฮั่วชิงเอ๋อร์พยายามจะพูดอะไรต่อ แต่ฉู่ฉีเฟิงไม่เปิดโอกาสให้นางได้เปิดปาก โยนจดหมายคืนให้จูหย่วนซานแล้วขี่ม้ามุ่งหน้าไปทางด้านในตรอกถนน
ฮั่วชิงเอ๋อร์ยืนอยู่ที่เก่า สายตาทั้งล่องลอยทั้งหวาดกลัว
เดิมนางก็รู้ว่าฉู่ฉีเฟิงไม่ได้คิดอะไรกับนาง แต่ก็ยังมาด้วยความหวังเล็กๆ ที่แสนจะเลือนราง ทว่าตอนนี้…
นางก็แค่คนที่หลอกตัวเองคนหนึ่ง!
ใช่สิ นางคิดหวังให้ตำแหน่งตัวเองในใจเขาอยู่เหนือกว่าฉู่สวินหยางอยู่หรือไง? ก็แค่ความฝันลมๆ แรงๆ เท่านั้น
————————————————-