ชายชรากล่าวด้วยเสียงสูง “นายกรัฐมนตรีีและคนอื่นๆ ต่างติดอกติดใจในละครเรื่องกระบี่เทพสังหารสุดๆ พวกเขากล่าวว่าได้พบคาถาและเทคนิคที่แท้จริงมันวิเศษมาก ซึ่งเหมาะแก่การรับชมเป็นไหนๆ”
เนื่องจากจีวูไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนของเขา พวกเขาจึงแทนตัวเองว่าท่านขุนนางกับหัวหน้าคนรับใช้
“อืม ..” จีีวูพยักหน้า “นายกรัฐมนตรีีบอกกับฉันว่าสาวกทั้งหมดของกลุ่มเมฆเขียวสามารถใช้เทคนิคการควบคุมดาบมันมีีความวิเศษยิ่งกว่ากลุ่มพันธมิตรวู่เว้ยในประเทศของเราเสียอีก!”
เขาโบกมือ “ท่านหัวหน้านานๆ พวกเราจะเดินมาที่เจียงหนาน ไปดูละครกระบี่เทพสังหารกันเถอะ!”
“ขอรับ!” หัวหน้าหยูรีีบพุ่งตัวไปยังเคาน์เตอร์
ในขณะเดียวกันจีวูมองไปรอบๆ คาเฟ่ “ตามรายงานของเกร์ ร้านนี้มีปรมาจารย์ผู้ปลูกฝังลึกลับอยู่เบื้องหลัง แม้เขาจะไม่สามารถเข้าถึงข้างในได้ก็ได้เถอะ แต่ฉันก็ยังอยากรู้อยู่ที่ว่าที่นี่นั้นมีอะไรกันแน่” เขาพึมพำ
เขาพบโซฟาที่นั่งใกล้กระจกพลางนั่งลงคิดตามคำที่นายกรัฐมนตรีเคยกล่าวไว้ว่าละครเรื่องกระบี่เทพสังหารสามารถเพิ่งความแข็งแกร่งในด้านการฝึกฝนจากการรับชมได้ คล้ายกับผ่านการบ่มเพาะ ฉันอยากจะรู้จริงๆ ว่าจะเป็นอย่างที่เขาเคยกล่าวไว้หรือไม่ หากเป็นความจริงร้านนี้จะนำโชคลาภมาสู่ตาจินแน่นอน
ด้วยความคิดเช่นนี้เขาจึงเลือกที่จะเดินทางมาพิสูจน์ด้วยตัวเอง .. นั่งพักพลางคิดจู่ๆ กลิ่นหอมก็วิ่งมาเตะปลายจมูก
กลิ่นหอมอันชวนหิวแบบนี้คืออะไรกัน จีวูรู้สึกประหลาดใจ ไม่ว่าจะเป็นอาหารพื้นบ้านอาหารในวังหรืออาหารป่าหายากแค่ไหนฉันก็ได้ลิ้มลองมาทั้งหมดแล้ว แต่ไม่เคยได้กลิ่มหอมชวนลิ้มลองแบบนี้มาก่อนเลย!
ชายสองคนเดินผ่านเขาไป ..
“อาจารย์เฉินท่านเยี่ยมมาก! สาวกที่มีความสามารถมากหมายในห้องเรียนของท่าน”
“โชคก็แค่เข้าข้างข้า!”
พวกเขาคุยกันพลางยืนถือถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขณะหาที่นั่ง ชายวัยกลางคนชุดคลุมสีเหลืองหน้าตาเคร่งขรึมเอ่ยถาม “พวกท่านกินอะไรกันน่ะ!?”
“บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป!” เฉินจงชี้ไปที่เคาน์เตอร์ “ท่านลองถามเด็กผู้หญิงคนนั้นได้”
ขณะเดียวกันอึนหยูเองกำลังจะเดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อเปิดใช้งานละคร จีวูพยักหน้า “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนั้นหอมมากไปซื้อให้ข้าที”
“รับทราบนายท่าน!” ในไม่ช้าหัวหน้าอึนหยูเดินกลับมาพร้อมถ้วยบะหมี่สองถ้วย
จีวูรับถ้วยแล้วสูดหายใจเข้า “หืม .. มันหอมน่ากินมาก! หากไม่นับผู้ปลูกฝังทรงพลังที่อยู่เบื้องหลัง ร้านนี้ต้องมีพ่อครัวที่ดีกว่าในราชวังของฉันด้วยแน่ๆ”
เขากัดหนึ่งคำพร้อมตามด้วยน้ำซุปที่อุดมไปด้วยกลิ่นสมุนไพร “มันเป็นหนึ่งในอาหารที่ดีที่สุดในโลก! เจ้าได้ถามพวกเขาหรือเปล่าใครทำบะหมี่นี่?”
“เอ่อ ..” อึนหยูยืนนื่ง “ความจริงแล้วข้าน้อยทำเอง ..”
จีวูอึ้ง “ท่านหัวหน้าหยูไปเรียนรู้ทักษะนี้เมื่อไรกัน!?”
อึนหยูตอบ “ข้าน้อยก็แค่ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในถ้วยแล้วเทน้ำร้อนตามและรอเพียงสองสามนาที ใครๆ ก็สามารถทำอาหารอันโอชะนี้ได้”
“นี่เป็นะบหมี่ที่สุดยอดมันต้องเป็นจานพิเศษของที่นี่แน่ๆ” อึนยูพูดพลางชี้นิ้วไปที่ไส้กรอกในถ้วยของจีวู “ไส้กรอกนี้คือพระเอกตัวสำคัญของอาหารถ้วยนี้!”
ในไม่ช้าพวกเขาก็เพลิดเพลินกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปพร้อมไส้กรอกแสนอร่อย
“ท่านขุนข้าจะไปนำโค้กมาให้ท่านได้ลิ้มลองเด็กผู้หญิงคนนั้นบอกว่ามันรู้สึกดีมากหากดื่มพลางดูละครไปพร้อมกัน” อึนหยูกล่าว “หลังจากนี้ก็ตามด้วยฮาเก้นดาส เขาบอกกันว่ามันอร่อยกว่าภูเขาน้ำแข็งกรอบเสียอีก!”
“มีขั้นตอนมากมายในการดูละครจริงๆ” จีวูพยักหน้าเอนหลังดูละครพร้อมกินของว่าง
– หกชั่วโมงต่อมา –
“ตอนที่เจ็ดและแปดอยู่ไหน!?” จีวูยืนขึ้น
“ข้าถามพวกเขาแล้ว ดูเหมือนว่ายังไม่มีเพิ่มเติมเนื่องจากต้องรอการถ่ายทำ”
“พวกท่านโชคดีมากละครจะเพิ่มตอนวันพรุ่งนี้” เฉินจงที่นั่งอยู่ไม่ไกลที่เวลาเพิ่งเอ่ย “พวกข้ารอมานานกว่าครึ่งสัปดาห์แล้ว!”
“ละครกระบี่เทพสังหารสนุกมาก เป็นละครเกี่ยวกับผู้ปลูกฝังสำหรับนักรบธรรมดาแล้วคงยังต้องใช้เวลาอีกมาเพื่อเรียนรู้จากละคร”
“เจ้าพูดถูก ข้าว่าพวกเขาสร้างละครมาเพื่อเน้นการฝึกฝนของเหล่านักรบ เจ้าเห็นมั้ยขนาดเซียนกระบี่เทพสังหารนั้นยังเป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้ฝึกฝนเลย ส่วน Diablo เป็นเกี่ยวกับคนต่างชาติแถมยังสอนทักษะบางอย่างที่แตกต่างออกไปจากโลกของเรา .. พวกเรายังต้องใช้เวลาอีกมากในการฝึกฝนและเรียนรู้”
ชายหนุ่มสองสามคนพูดคุยกันระหว่างเดินออกจากคาเฟ่
จีวูขมวดคิ้วเมื่อได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดคุยกัน “ประเด็นที่พวกเขาพูดคุยกันน่าสนใจดี คาเฟ่นี้อัศจรรย์จริงๆ หัวหน้าหยูไปถามพวกเขาทีว่า พวกเขาขายคอมพิวเตอร์มั้ย”
เนื่องจากจักรพรรดิองค์นี้ไม่สามารถควบคุมทุกสิ่งในตาจินได้อย่างสมบูรณ์เขาเองก็ยังคงระวังตัวจากผู้ปลูกฝังเบื้องหลังร้านนี้เช่นกัน
…
“ขาย?” ฟางฉีที่เพิ่งเล่น Diablo จบหันมองชายชราและชายวัยกลางคนที่กำลังขอซื้อคอมพิวเตอร์จากเขา
ชายชราเอ่ยขึ้นด้วยเสียงสูงพร้อมชูห้านิ้ว “ข้าให้ราคาห้าหมื่นคริสตัลเจ้าว่าไง? เจ้ามีสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณมากมาย มันคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรที่จะแบ่งขายสักชิ้นหรอกใช่มั้ย?”
ฟางฉีทำหน้าขรึมเมื่อคิดถึงมูลค่าที่พวกเขาตีให้สูงขนาดนี้ แต่อย่างไรในอนาคตอันใกล้เขาเองก็อาจทำยอดได้ตามจำนวนเงินที่พวกเขาเสนอมาก็เป็นได้
“ท่านคิดว่าต้องการถึงห้านหมื่นคริสตัลเลยหรือ?”
อึนหยูทำหน้าอึกอัก
ขณะเดียวกันคนที่ยืนอยู่ข้างหลังของเขาแทรกตัวเข้ามาพร้อมยื่นข้อเสนอ “ท่านมีความสนใจที่จะย้ายร้านหรือขยายไปที่อื่นบ้างมั้ย?”
ฟางฉีทำหน้าสับสนเมื่อมองดูใบหน้าที่สง่างามปนอารมณ์ที่เคร่งขรึมของชายผู้ยื่นข้อเสนอ เขารู้สึกเหมือนเคยเห็นชายคนนี้ที่ไหนสักแห่ง
“ข้าทำที่นี่ก็ดีอยู่แล้ว ทำไมข้าต้องย้ายไปไหน”
“แล้วหากย้ายไปอยู่ในพระราชวังละ?” จีวูค่อนข้างมั่นใจในข้อเสนอที่มอบให้ฟางฉี “ท่านมีความสนใจหรือไม่?”
ฟางฉีรู้สึกแปลกใจมากขึ้นกว่าเดิม “องค์ชายและองค์หญิงยังเดินทางมาที่นี่ทุกวันเพื่อเล่นเกม ทำไมข้าต้องย้ายไปที่ราชวัง?”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังพูดอยู่กับใคร!?” หัวหน้าหยูตะโกน
“หัวหน้าหยู!” จีวูเรียกชื่อเขาเพื่อเตือนสติจากนั้นเขาหันกลับไปจ้องหน้าฟางฉีอีีกครั้ง “นี่เจ้าของร้าน ถ้าท่านจักรพรรดิแห่งตาจินเชิญผู้ปลูกฝังที่อยู่เบื้องหลังของเจ้าไปที่ราชวังและขอให้เจ้าย้ายไปที่นั้นเจ้าจะทำอย่างไร?”
“คำเชื้อเชิญจากท่านจักรพรรดิหรอ?” ฟางฉีลังเล
“ท่านถูกส่งตัวมาโดยท่านจักรพรรดิหรือ?” ฟางฉีมองพวกเขา
จีวูยืนนิ่งไม่ปฏิเสธคำถามใด “ท่านจักรพรรดิจะปฏิบัติต่อแขกของเขาในฐานะผู้มีเกียรติ”
“นี่เป็นเกียรติที่ควรค่าแก่การได้รับและหายากอย่างมาก!” อึนหนูกล่าวด้วยความภูมิใจ “หลังจากได้รับคำเชื้อเชิญแล้วท่านจักรพรรดิของเราจะประทานตำแหน่งให้แก่เจ้า”
“ไม่เห็นน่าสน” ฟางฉีหยักไหล่
จีวูสูญเสียคำพูด
หัวหน้าผู้รับใช้รู้สึกโกรธทันที “เจ้านี่มีโอกาสแต่ไม่สนใจ! มันยากมากรู้ตัวมั้ย?”
จีวูรู้สึกไม่พอใจเช่นกัน “ขอข้าพบกับผู้ปลูกฝังที่อยู่เบื้องหลังเจ้าหน่อย”
ไม่สำคัญว่าผู้อยู่เบื้องหลังจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่นี่มันเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มีแขกผู้มาเยือนเป็นถึงผู้ปกครองประเทศ!