ตอนที่ 190

Black Tech Internet Cafe System

คนที่อยู่เบื้องหลังฉันเนี่ยนะ!? ถ้าเจอได้ตัวเป็นๆ ฉันเจอเขาไปนานแล้ว!

 

ฟางฉีรู้สึกตะหงิดใจเล็กน้อยเหมือนว่าชายวัยกลางคนกำลังเรียกตัวเองว่าเป็นจักรพรรดิทางอ้อม อย่างไรก็ตามเขาเคยเห็นหน้าองค์จักรพรรดิมาก่อนและคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็ไม่ได้ดูเหมือนสักนิด

 

ฟางฉีตอบกลับอย่างไม่เต็มใจนัก “ท่านผู้ปลูกฝังเขาฝากบอกข้าว่าเขาไม่สนใจอะไรนอกเสียจากร้านอินเตอร์เน็ตเท่านั้น หากพวกท่านต้องการเจอเขาจริงๆ ก็ลองสร้างปัญหาในร้านและรอดูปฏิกิรริยาตอบโต้ด้วยตาตัวเอง”

 

“สร้างปัญหา?” จีวูทำหน้าไม่สบอารมณ์ “นี่เรามีความปรารถนาดี เจ้าบังคับให้ข้าร้ายงั้นหรือ?”

 

ฟางฉีตอบ “ข้าอยู่ทีนี่สบายดี ทำไมท่านต้องให้ข้าย้ายไปในวังด้วย นั่นเป็นการแสดงความปรารถนาดีของท่านงั้นหรือ ทั้งๆ ที่ข้าก็บอกท่านไปแล้วว่าไม่รับข้อเสนอ”

 

จีวูทำขมวดคิ้วพลางคิดหรือว่าผู้ปลูกฝังท่านนี้ไม่สนใจเกียรติยศชื่อเสียง เขาถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ “ท่านผู้ปลูกฝังอยู่ที่เจียงหนานแล้วสบายใจดีหรอ?”

 

“ท่านหมายความว่าอะไร? ก็เขาจะอยู่ที่นี่!” ฟางฉีตอบกลับ เขาเริ่มจับทางความคิดของจีวูได้จึงตอบกลับอย่างตัดบท เนื่องจาก ‘ท่านผู้ปลูกฝังลึกลับ’ ไม่ต้องการจะย้ายไปในวังของตาจิน เขาจะอยู่ที่คาเฟ่ไม่ย้ายไปที่อื่น

 

“ก็ดี!” จีวูลังเล แต่ก็รู้แล้วว่านี่เป็นคำตอบสุดท้ายที่เขาได้รับ ตราบใดที่คาเฟ่ยังคงอยู่ในปีเทศตาจินของเขา ยังไงเขาก็ยังคงได้รับประโยชน์จากมัน!

 

“แต่ก็นะมันใช้เวลามากในการเดินทางโดยเรือจิตวิญญาณเพื่อมาดูละครในวันพรุ่งนี้” หัวหน้าผู้รับใช้กล่าวเตือนจีวูด้วยความกังวล “ท่านมีงานสำคัญหลายอย่างที่ต้องสะสางในแต่ละวัน ท่านจะเสียเวลากับสิ่งนี้ได้อย่างไร?”

 

“ขอโทษที่พูดอย่างตรงไปตรงมา มันค่อยข้างเป็นเรื่องปกติที่คนร่ำรวยจะใช้เครื่องบินส่วนตัวในการเดินทางไปไหนมาไหน” ฟางฉีกล่าว “หากพวกท่านไม่มีเงิน พวกท่านก็ขึ้นรถไฟด่วนได้นี่แถมยังสามารถใช้ห้องโดยสารดื่มกาแฟอ่านหนังสือหรือพักผ่อนระหว่างเดินทาง หรือหากพวกท่านยากจนจริงๆ ท่านสามารถมาที่ร้านของข้าเพื่อเรียนรู้เทคนิคการควบคุมดาบก็ได้นะ เทคนิคนี้ใช้เวลาเดินทางไปกลับน้อยกว่าสองชั่วโมง!”

 

ทั้งสองมองหน้ากันอย่างสับสน “เครื่องบินส่วนตัวคืออะไร? รถไฟด่วน?”

 

ฟางฉีรู้ว่าเขาอยู่ในโลกที่ล้าหลังกว่าโลกเก่าของเขาคิดว่าโลกนี้ก็ควรจะมีสิ่งที่คล้ายคลึงกันบ้าง อย่างไรก็ตามเขารู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินคำอธิบายจากพวกเขา

 

“เจ้าหมายถึงห้องโดยสารส่วนตัวของเรือทางจิตวิญญาณใช่มั้ย?” จีวูทำหน้างง “ที่นั้นมีโต๊ะนั่งพักอันหรูหรา”

 

คนส่วนมากที่สามารถใช้เรือทางจิตวิญญาณได้ทุกคนล้วนมีสถานะที่สูง หากเป็นนักรบหรือคนธรรมดาพวกเขามักใช้เวลาเดินทางเท้ามากกว่าแม้จะช้าแต่ประหยัดเงินได้มากโข

 

ฟางฉีเอ่ย “ห้องผู้โดยสารคือห้องส่วนตัวของแต่ละคน เช่นห้องพักทำนองนั้น”

 

แม้ว่าเรือทางจิตวิญญาณส่วนใหญ่จะไม่ได้รวดเร็วเท่าเทคนิคการควบคุมดาบ แต่มันก็ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงในการเดินทางไปยังเมืองอื่น!

 

มันไร้ประโยชน์ที่จะต้องมีห้องโดยสารส่วนตัวเพราะมันไม่ใช่โรงแรม! แถมใช้ยังเวลาไม่นานเพื่อเดินทางไปและกลับ ..

 

ฟางฉีทำหน้าเพลีย “ไม่แปลกใจที่ไม่มีใครใช้บริการมันเท่าไร นอกจากจะราคาสูงแล้วยังไม่คุ้มค่าอีก”

 

จีวูยืนนิ่ง .. ต้องยอมรับว่าฟางฉีพูดถูก แม้จะพูดออกนอกเรื่องแต่บอกเลยว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นชวนคิดจริงๆ

 

เช่นสำนักซียี่ที่ต้องการมาเข้าร่วมการสอบระดับชาติ พวกเขาเดินทางโดยใช้เรือลำเล็กๆ ซึ่งนั้นไม่สามารถพาคนจำนวนมากหรือแม้แต่นักรบระดับสูงเดินทางมาได้ในเวลาพร้อมเพียงกัน ต้องคอยทยอยกันมาจึงเกิดการเสียเวลา

 

หรืออีกเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกัน ..

 

ในการดูแลเรือจิตวิญญาณมันจำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายจำนวนมากและประเทศของเรากำลังสูญเสียเงิน สำหรับเรือขนาดกลางหรือเล็ก เมื่อเทียบกันแล้วมันทำกำไรไม่ได้มากนัก รายได้หลักคือการขนส่ง

 

ใช่ .. มันเป็นปัญหาที่แม้แต่จักรพรรดิแห่งตาจินเองยังรู้สึกว่าแก้ไขได้ยาก

 

เมื่อได้ยินฟางฉีพูดถึงสิ่งต่างๆ เช่นรถไฟด่วน เขารู้สึกทึ่งเหมือนสมองกำลังตื่นตัวเริ่มรับรู้ว่ามีวิธีที่จะทำให้ประเทศมีการคมนาคมที่ราบรื่นและราคาไม่แพงแล้ว!

 

“ข้ารู้สึกประหลาดใจกับความคิดของเจ้ามาก!” จีวูเอ่ย “ข้ากำลังคิดว่าเจ้ามีคำแนะนำหรือรายละเอียดหรือไม่?”

 

ฟางฉีทำหน้างง .. และค้นพบว่าตัวเองกำลังพูดกับชายวัยกลางคนเรื่องการขนส่ง

 

 

ขณะเดียวกันฝั่งกลุ่มพันธมิตรวู่เว้ย

 

ในฐานะพันธมิตรกองกำลังกลุ่มบลูเฟรมของวังหลิวหยุนและกลุ่มโอเซียนคือสองกลุ่มที่ทรงพลังที่สุด

 

ณ สนามอันกว้างใหญ่และงดงามซึ่งสร้างจากหินสีขาวจากฝีมือของสาวกของกองกำลังกลุ่มวู่เว้ย ตอนนี้พวกเขายืนเรียงแถวกันอย่างมีระเบียบ

 

“ยินดีต้อนรับ!” ชายหนุ่มรูปงามในชุดคลุมสีขาวเดินผ่านเหล่าสาวกด้วยท่าทางสง่างามสีหน้าของเขาดูเย็นชา

 

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและหันไปมองชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้า “ท่านอาจารย์ของท่านอยู่ที่ไหน!?”

 

“ท่านอาจารย์รอท่านอยู่ในห้องโถงใหญ่!” ชายวัยกลางคนตอบกลับพร้อยผายมือเชิญ

 

“ไม่ต้องพิธีการก็ได้” ชายหนุ่มชุดขาวส่งเหรียญหยกให้ชายวัยกลางคน “ดินแดนแห่งการเพาะปลูกจะเปิดขึ้นทุกๆ 30 ปีนี่คือเหรียญหยกขาว”

 

อาณาจักรแห่งการเพาะปลูกเป็นสถานที่ในตำนวนตั้งแต่สมัยโบราณ ที่นี่มีสมบัตริล้ำค่ามากมาย ทางเข้าทั้งสามทางนั้นได้รับการปกป้องจากกลุ่มฤๅษีีโบราณมีชื่อที่รู้จักกันดีคือ นักบวชผู้รักษาประตู

 

นักบวชสามกลุ่มไม่เคยมีส่วนร่วมในความขัดแย้งระหว่างประเทศและไม่เป็นพันธมิตรกับกองกำลังใดๆ พวกเขาไม่สนใจทางโลก

 

ดินแดงแห่งการเพาะปลูกจะถูกเปิดขึ้นทุกๆ สามสิบปีและนักบวชทั้งสามกลุ่มจะเชื้อเชิญผู้ฝึกฝนทุกกลุ่มจากทั่วสาระทิศเพื่อเข้าร่วมการชิงคุณสมบัติในการเข้าสู่อาณาจักรแห่งการเพาะปลูก

 

เนื่องจากมีผู้เพาะปลูกไม่กี่คนที่จะสามารถเข้าสู่อาณาจักได้ ดังนั้นกองกำลังหลักอย่างวู่เว้ยจึงรวบรวมคนเพื่อเข้าแข่งขัน

 

ตั้งแต่มีการแย่งชิงเพื่อเข้าสู่อาณาจักรแห่งการเพาะปลูก เรื่องนี้ทำให้แต่ละคนมีความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะได้เข้าถึงมัน แม้จะมีข้อกำหนดที่รุนแรงก็ตาม!