“ท้ายที่สุดแล้วเกิดอะไรขึ้น? มีเรื่องอะไรที่เกิดขึ้นกับตำหนักสืบทอด?”

ผู้อาวุโสจำนวนมากของสำนักวิญญาณต่างก็มองผู้คุ้มกันคนนี้ด้วยสีหน้าที่ตึงเครียด สัญชาตญาณของพวกเขากำลังบ่งบอกว่านี่เป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดที่เกิดขึ้นกับตำหนักสืบทอดนั้นล้วนเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างถึงที่สุด ไม่สามารถที่จะเพิกเฉยได้

“หากดูจากผิวเผินก็คงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีเพียงแค่การที่ผู้อาวุโสบางคนหมดสติไปและไม่ได้รับอาการบาดเจ็บที่ร้ายแรงนัก ทว่าข้ารู้สึกได้ว่าทักษะลับบางอย่างของชนเผ่าวิญญาณพวกเราอาจจะถูกขโมยไป”

ผู้คุ้มกันคนนี้พูดออกมาอย่างเคร่งขรึม สีหน้าของเขานั้นมืดมนอย่างถึงที่สุด

“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าถูกขโมยไป? ต่อให้จะสามารถเข้าไปในตำหนักสืบทอดได้ ทว่าศิลาจารึกนั้นเป็นสมบัติลับของพวกเราชนเผ่าวิญญาณ หากไม่ใช่ผู้คนของชนเผ่าวิญญาณล่ะก็ เป็นไปไม่ได้ที่จะรับการสืบทอดทักษะจากศิลาจารึก”

บางคนที่ถามขึ้นมา

ผู้คุ้มกันมีสีหน้าที่แปลกประหลาดและพูดออกมาว่า “เพราะว่าบนกำแพงของตำหนักสืบทอดนั้นมีข้อความที่เจ้าโจรขโมยนั่นได้เขียนไว้: ช่างผิดหวังจริงๆ ไม่คาดคิดว่าการป้องกันของสำนักวิญญาณจะหละหลวมเช่นนี้ ข้าได้ขโมยทักษะลับของชนเผ่าวิญญาณมา ถือว่าเป็นของที่ระลึก ลงนาม อู๋ไท่โต่ว”

“อะไรนะ อู๋ไท่โต่ว?!”

ได้ยินเช่นนี้ ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างก็สะดุ้งตกใจทันที ไม่กล้าที่จะเชื่อสิ่งที่ตนเองได้ยิน พวกเขาต่างก็จ้องมองไปที่ผู้คุ้มกันคนนี้อย่างไม่ละสายตา

โดยเฉพาะจ้าวสำนักฉางซื่อเซิง สายตาที่เขามองเหมือนกับว่าจะกินคนๆนั้นก็ว่าได้ จิตสังหารทะยานขึ้นสู่สวรรค์ เหมือนกับว่าจะสามารถเจาะทะลวงผ่านสวรรค์ก็ว่าได้

“ใช่ อู๋ไทโต่ว นี่พวกท่านรู้หรือว่าเขาเป็นใคร?” การที่ผู้คุ้มกันคนนี้ถูกจ้องมองโดยผู้คนจำนวนมาก อีกทั้งยังมีจิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมานั้น เขาก็รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย เหมือนกับถูกจับจ้องโดยอสูรที่ดุร้ายก็ว่าได้

“รู้สิ ต่อให้จะกลายเป็นเถ้าถ่าน ข้าก็ยังคงรู้ว่าเจ้าบัดซบนั่นเป็นใคร เขาได้ปั่นหัวผู้คนทั่วทั้งทวีปของพวกเรา เห็นพวกเราเป็นคนโง่เขลาที่สามารถหลอกลวงได้อย่างง่ายดาย เขาเพิ่งที่จะขโมยหินวิญญาณไปจากที่นี่เป็นจำนวนกว่าสามแสนก้อน จำนวนกว่าสามแสนก้อน เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันหมายความว่าอะไร อ๊าก!”

ผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณคำรามออกสู่ท้องฟ้า เมื่อคิดได้ว่าหินวิญญาณจำนวนกว่าสามแสนก้อนได้หายไปในอากาศและเข้าไปอยู่ในกระเป๋าของปีศาจต่างถิ่นนั้น เขาก็รู้สึกโศกเศร้าอย่างมาก เหมือนกับว่าเลือดเนื้อในร่างกายของตนเองถูกตัดออกไปก็ว่าได้

หินวิญญาณกว่าสามแสนก้อน?!

หัวหน้าผู้คุ้มกันของสำนักวิญญาณคนนั้นก็ตกใจอย่างมาก ทั่วทั้งร่างกายสั่นเทา นี่คือตัวเลขที่น่าสะพรึงกลัว อันที่จริงเขาไม่สามารถที่จะจินตนาการได้ด้วยซ้ำว่ามันมีมูลค่าเป็นเงินจำนวนมากแค่ไหน นี่จะต้องเป็นตัวเลขที่น่าอัศจรรย์อย่างแน่นอน

คนอื่นๆก็มีสีหน้าที่ซีดเซียว นึกขึ้นได้ว่าตนเองได้มอบหินวิญญาณให้กับเจ้าปีศาจต่างถิ่นนั่นอย่างโง่เขลา พวกเขาก็รู้สึกโกรธแค้นขึ้นมา ต้องการที่จะตบใบหน้าของตนเอง นี่มันไม่ใช่เป็นการโยนเงินให้กับศัตรูอย่างนั้นหรือ?

ยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้านี้พวกเขาต่างก็ร่าเริงกันอย่างมาก

คิดได้ถึงจุดๆนี้ พวกเขาก็ปรารถนาที่จะขุดหลุมฝังตัวเอง ช่างเป็นการทำให้ตัวเองเสียหน้าอย่างแท้จริง

“เวรเอ๊ย เจ้าบัดซบนี่ช่างยโสโอหังเกินไป ยโสโอหังอย่างที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ขโมยทักษะลับของสำนักวิญญาณของพวกเราไปไม่พอ ไม่คาดคิดว่าจะกล้าเป่าประกาศชื่อของตนเองอย่างเปิดเผยเช่นนี้ เกรงกลัวว่าคนอื่นๆจะไม่รู้ว่านี่เป็นการกระทำของเขา เจ้านี่จะยโสโอหังไปจนถึงขั้นไหนกัน เมื่อไหร่กันที่พวกเราเป็นเพียงแค่มดปลวกที่เขาจะสามารถบี้ได้ง่ายๆ?” ผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณอีกคนหนึ่งที่คำรามออกมา

เขานั้นโมโหจนกัดฟันอย่างแน่น เขาใช้ชีวิตอยู่มานานกว่าห้าร้อยปี ได้พบเจอปีศาจต่างถิ่นมานับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นปีศาจต่างถิ่นที่โหดเหี้ยมหรือว่าชั่วร้ายเพียงใด เขาก็เคยพบมาหมดแล้ว

ทว่าเขานั้นไม่เคยเห็นปีศาจต่างถิ่นที่ยโสโอหังเช่นนี้มาก่อน ขโมยทักษะลับของพวกเขาไปไม่พอ ทว่ายังเขียนข้อความบอกว่าเป็นของที่ระลึก ทำเหมือนกับตนเองมาท่องเที่ยวในทวีปแห่งนี้และได้ทิ้งข้อความขอบคุณพวกเขาสำหรับความมีน้ำใจ

ของที่ระลึกตูดเจ้าสิ! พวกเขาต่างก็ปรารถนาที่จะจับเจ้าชายคนนี้ถลกหนังออกมาทันที ฉีกร่างกายให้เป็นพันๆชิ้นและโยนให้สุนัขกิน

นี่มันเป็นการตบใบหน้าของพวกเขาอย่างโหดเหี้ยม ตบจนใบหน้าบวมเป่งและแทบที่จะไม่สามารถหายใจได้

พวกเขาแต่ละคนต่างก็รู้สึกได้ถึงความอัปยศอดสูที่จะต้องจดจำไปตลอดชีวิต ต่อให้ภรรยาของตนเองจะมีชู้ ก็ยังคงไม่ได้รู้สึกแย่ได้เท่านี้

“บัดซบ เขาไม่ใช่เพียงแค่หลอกลวงเอาหินวิญญาณของพวกเราไปเป็นจำนวนมาก ไม่คาดคิดว่าจะใช้โอกาสนี้ในการลักลอบเข้าไปในตำหนักสืบทอดภายในสำนักวิญญาณสาขาหลัก แย่งชิงทักษะลับของชนเผ่าวิญญาณของพวกเราไป พวกเราและเขาจะต้องมีความอาฆาตแค้นอย่างที่ไม่มีที่สิ้นสุดอย่างแน่นอน!”

“ไม่สามารถให้อภัยได้ ไม่สามารถให้อภัยไอ้ลูกหมานั่นอย่างแน่นอน ข้าขอสาบานว่าจะจับตัวเขามาให้ได้และฉีกร่างกายของเขาให้เป็นพันๆชิ้น”

“อันที่จริงเจ้าบัดซบนั่นอยู่ที่ใดกัน พวกเราจะออกไปตามล่าเขาทันที จะต้องสังหารเขาให้ได้ อ๊าก!”

“นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เจ้าอู๋ไท่โต่วคือศัตรูหมายเลขหนึ่งของชนเผ่าวิญญาณของพวกเรา ข้าขอสาบานว่าจะต้องสังหารเขาให้ได้!”

ยอดฝีมือของชนเผ่าวิญญาณแต่ละคนต่างก็คำรามออกมา จิตสังหารกำลังเดือดดาล เกือบที่จะก่อตัวขึ้นเป็นสสาร จิตสังหารนั้นเข้มข้นจนเหมือนกับว่าจะทำปฏิกิริยากับโลกก็ว่าได้ ทำให้ท้องฟ้าและแผ่นดินแปรปรวน

ทั่วทั้งท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยก้อนเมฆสีเลือด แม้แต่แสงอาทิตย์ก็สลัวลง สายลมที่หนาวเหน็บพัดผ่าน เสียงคร่ำครวญของภูตผีวิญญาณดังขึ้นมา ทุกๆคนต่างก็รู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บที่แทรกซึมเข้าไปถึงกระดูก

“ทว่าการที่เจ้าปีศาจต่างถิ่นนั่นได้ทำเรื่องที่สั่นสะท้านสวรรค์เช่นนี้ คาดการณ์ได้ว่าคงจะหลบหนีออกไปโดยที่ไร้ร่องรอย หลบหนีออกไปจากทวีปโลหิตวิญญาณ เป็นไปได้อย่างไรที่พวกเราจะตามจับเขาได้อีก?” บางคนที่พูดออกมาอย่างสิ้นหวัง

พวกเขาชนเผ่าวิญญาณนั้นถูกกลุ่มอิทธิพลมากมายในจักรวาลที่จับตาดูอยู่ แม้แต่แมลงวันก็ไม่สามารถที่จะบินออกไปจากทวีปโลหิตวิญญาณได้ หากฝ่ายตรงข้ามได้ออกไปจากทวีปโลหิตวิญญาณล่ะก็ จากนั้นพวกเขาก็ไม่มีทางเลือกใดๆ ทำได้เพียงแค่มองดูฝ่ายตรงข้ามที่หลบหนีออกไปอย่างไร้หาทาง

ทันใดนั้นทุกๆคนก็รู้สึกหดหู่ สิ่งที่น่าสิ้นหวังที่สุดก็คือการที่ตนเองทำได้เพียงแค่มองดูศัตรูที่โลดแล่นอย่างอิสระอยู่เหนือกฎหมาย ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ นี่มันเป็นเรื่องที่น่าหดหู่อย่างถึงที่สุด

“ไม่ต้องกังวลไป”

ฉางซื่อเซิงแสยะออกมา “ต่อให้เขาจะออกไปจากทวีปโลหิตวิญญาณก็ไม่สามารถที่จะหลบหนีไปไหนได้ พวกเราจะกระจายข่าวเรื่องที่เขามีหินวิญญาณกว่าสามแสนก้อนอยู่ในการครอบครองทันที ทำให้ทุกๆคนทั่วทั้งทวีปล่วงรู้ถึงเรื่องนี้และทำให้พวกปีศาจต่างถิ่นทั่วทั้งจักรวาลล่วงรู้เช่นกัน”

“เมื่อถึงเวลานั้น ผู้ที่ต้องการสังหารเขาภายในจักรวาลนั้น คาดการณ์ได้ว่าคงจะมีมากกว่าผู้คนของชนเผ่าวิญญาณของพวกเราเสียอีก”

เขาได้เผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมา

“ใช่ แม้แต่ในจักรวาลหินวิญญาณก็ถือว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่าอย่างถึงที่สุด ไม่ได้มีมูลค่าที่น้อยเลย”

“พูดถูก การที่ทุกๆปีกลุ่มของปีศาจต่างถิ่นจะทำทุกวิถีทางเพื่อเดินทางมาที่ทวีปโลหิตวิญญาณนั้น ไม่ใช่เพื่อครอบครองหินวิญญาณเหล่านี้หรือ? เห็นได้ชัดว่าพวกเขานั้นต่างก็หวังที่จะได้ครอบครองหินวิญญาณกันทั้งนั้น”

“บนตัวของเจ้านั่นมีหินวิญญาณอยู่กว่าสามแสนก้อน หากข่าวเรื่องนี้ได้แพร่งพรายออกไป เหล่าปีศาจต่างถิ่นที่ต้องการครอบครองหินวิญญาณนั้นจะต้องถาโถมเข้าหาเขาอย่างแน่นอน”

“ต่อให้เจ้านักต้มตุ๋นอู๋ไท่โต่วจะร้ายกาจเพียงใด สองมือก็ยากที่จะต่อกรกับสี่มือ จะต้องตายภายใต้การห้อมล้อมของกองทัพศัตรู ไม่มีโอกาสที่จะได้มีชีวิตอยู่อีกต่อไป”

“ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่มีวิธีการในการสังหารเจ้าปีศาจต่างถิ่นนั่นด้วยตนเอง ทว่าตราบใดที่เขาตายไป พวกเราก็จะมีความสุขเช่นกัน”

“ชาญฉลาดจริงๆ แผนการนี้ช่างชาญฉลาดจริงๆ”

“ทว่าหากปล่อยข่าวนี้ออกไป จากนั้นพวกเราจะไม่เสียหน้าครั้งใหญ่หรือ?”

“จะต้องกังวลเรื่องเสียหน้าไปอีกทำไมกัน?! เขาได้ปล้นขโมยทักษะลับของชนเผ่าวิญญาณไป อีกทั้งยังได้หลอกลวงหินวิญญาณจำนวนกว่าสามแสนก้อนไปจากพวกเรา ข้าต้องการความตายของเขาเพื่อที่จะบรรเทาความโกรธแค้นครั้งนี้ ไม่คาดคิดว่าจะกล้าหลอกลวงพวกเราเช่นนี้ ข้าจะต้องสังหารเขาให้ได้”

“ใช่ ต่อให้จะไม่ได้หินวิญญาณกลับคืนมาก็ไม่เป็นไร ทว่าเจ้าอู๋ไท่โต่วนั่นจะต้องตาย”

ผู้คนต่างก็โมโหจนกัดฟันอย่างแน่น พวกเขานั้นต่างก็เกลียดชังเจ้าปีศาจต่างถิ่นอู๋ไท่โต่วไปจนถึงไขกระดูกดำ

“รีบออกไปเผยแพร่ข่าวเรื่องนี้ทันที ออกหมายจับตัวเจ้าปีศาจต่างถิ่นอู๋ไท่โต่วนี่ทันทีโดยที่ไม่ต้องคำนึงว่าจะจับเป็นหรือจับตาย!” ฉางซื่อเซิงคำรามออกมา ทันใดนั้นก็ได้ถ่ายทอดคำสั่งออกไป

“รับทราบ!”

ผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณจำนวนมากต่างก็ตะโกนออกมาอย่างโมโห ทันใดนั้นก็เริ่มเคลื่อนไหวทันที

ซู่ ซู่ ซู่!!!

พวกเขาแต่ละคนต่างก็กลับไปที่เมืองฮวายหนิง จากนั้นก็แยกตัวออกไปตามเมืองต่างๆ ใช้พลังอำนาจและอิทธิพลทั้งหมดของสำนักวิญญาณ ปล่อยข่าวเรื่องหมายจับของเจ้าอู๋ไท่โต่ว ทำให้ทุกๆคนได้รู้ถึงเรื่องนี้

ซึ่งแม้แต่นักวิทยายุทธของนอกจักรวาลที่อยู่ในทวีปโลหิตวิญญาณก็ได้ล่วงรู้ถึงข่าวนี้เช่นกัน