บทที่ 401 ตรวน
บทที่ 401 ตรวน
ร่างของเสี่ยวเสวียปรากฏขึ้นที่กลางอากาศ ด้วยความเร็วที่เป็นที่กล่าวถึง ทำให้ทุกคนเห็นร่างนั้นเป็นเพียงเงาสีขาวที่พุ่งผ่านไปรับเสี่ยวไป๋ที่กำลังร่วงหล่นลงมาเท่านั้น
“อึ่ก!”
เสี่ยวเสวียจัดท่าทางของตนแล้วพร้อมจะพาเสี่ยวไป๋ที่อยู่บนหลังกลับไป เพราะสภาพของนางฟ้าตัวน้อยนี้เห็นได้ชัดเลยว่าปีกฝั่งซ้ายของเธอบาดเจ็บอยู่ ไม่เพียงแต่มันจะห้อยลงมาราวกับไร้เรี่ยวแรง แต่มันยังมีร่องรอยของการถูกเผาไหม้จากเพลิงปีศาจเมื่อครู่หลงเหลืออยู่บนปีกด้วย
ตอนนี้เรียกว่าเป็นสถานการณ์คับขันแล้วก็ว่าได้ เสี่ยวไป๋บาดเจ็บและไม่สามารถหยุดลิชคิงได้ ขณะที่พื้นที่ต้องสาปก็ถูกสั่งใช้งานมากว่า 5 นาทีแล้ว บอสกลุ่มแรกปรากฏตัว ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงบอสตัวเล็กเลเวล 5 แต่ด้วยจำนวนของทหารอันเดดที่มีจำนวนมาก มันก็พากันวิ่งทะลวงเข้าไปโถมใส่กัปตันโบลตันที่สมรภูมิด่านหน้าทันที!
กัปตันโบลตันและคนอื่น ๆ เหลือพลังชีวิตอยู่ไม่มากแล้ว พวกเขาเพิ่งจะกำจัดบอสทั่วไปและบอสระดับสูงไป ตอนนี้บอสก็เหลือแต่พวกที่มีพลังสูง ๆ เท่านั้น!
“อ๊า!”
เสี่ยวไป๋มองลงไปยังหลังของเสี่ยวเสวียก่อนจะส่งเสียงร้องออกมา และมันก็ทำให้เสี่ยวเสวียพลิกตัวกลับไปยังอีกทางแทนด้วยความไม่เต็มใจนัก ทั้งสองกำลังมุ่งหน้าไปยังสมรภูมิแนวหน้าอีกครั้ง
ดาบขนาดใหญ่ของเธอถูกยกขึ้นเหนือหัวและชี้ขึ้นไปยังท้องฟ้า
เคร้ง!
เสียงระฆังดังกังวาลไปทั่วดินแดนต้องสาป จากนั้นเมฆหมอกสีเทาที่ปกคลุมท้องฟ้าไว้ก็เคลื่อนตัวออกราวกับถูกแหวกพร้อมกับแสงสว่างจากพระเจ้าที่ส่องสว่างลงมาบนผืนโลก!
“อ๊ากกกก อ๊ากกกกกก”
บนสนามรบที่กำลังอาบไปด้วยแสงแห่งพระเจ้านั้น เหล่าทัพของทหารโครงกระดูกต่างก็พากันร้องด้วยความเจ็บปวด แม้ว่าแสงศักดิ์สิทธิ์นั้นจะไม่สามารถทำให้มันตายได้ แต่ก็ทำให้มันเจ็บปวดและอยู่ไม่สุขได้เหมือนกัน
แสงสว่างที่ส่องลงมานั้นสว่างขึ้นเรื่อย ๆ ทันใดนั้น ราวกับท้องฟ้าถูกผ่าออก ดาบศักดิ์สิทธิ์เล่มใหญ่ราวกับตึกระฟ้าก็ค่อย ๆ พุ่งลงมาจากเบื้องบนและกระแทกเข้าใส่สมรภูมิอย่างแม่นยำ!
ตู้ม!!
ผืนดินสั่นสะเทือนไปทั่วพร้อมกับมวลแสงสว่างจ้าที่กระจายเข้าสู่สายตาของทุกคนจนเกือบจะทำให้ตาบอดได้ เสียงระเบิดที่ดังกังวานไปไกลหลักกิโลทำให้ทุกคนต้องรีบยกมือขึ้นปิดหูเอาไว้ก่อน
“นะ…นี่มัน สกิลพื้นที่ของเสี่ยวไป๋!?”
“ไม่ผิดแน่! นี่คือสกิลระดับตำนานของนางฟ้าของเจ้าแห่งฮีลเลอร์!”
หลิวเฉียงเหว่ยและหัวหน้ากิลด์คนอื่น ๆ ที่เคยเจอกันมาก่อนเมื่อครั้งต้องสู้กับแอนติควิตี้สามารถจำสกิลนี้ได้ในทันที พวกเขากำหมัดแน่นขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน และหวังว่าสกิลนี้จะสามารถทำให้ปีศาจร้ายที่นอกเมืองสูญเสียกำลังกันไปบ้าง
ฟากฟ้าที่แตกออก พื้นที่สั่นสะเทือน แสงศักดิ์สิทธิ์ที่ระเบิดกระจายไปทั่วอาบโลกนี้ให้เต็มไปด้วยแสงสว่าง ปรากฏการณ์เหล่านี้กินเวลากว่า 10 วินาทีกว่าจะกลับไปปกติดังเดิม
เมื่อไล่มองโดยยึดเอาตำแหน่งของกัปตันโบลตันและลิชคิงเป็นที่ตั้ง พวกเขาก็พบว่าสนามรบที่เคยเป็นที่ราบนั้น ตอนนี้มันกลายเป็นหุบเขาลึกไปแล้ว การระเบิดเมื่อครู่นี้ทำให้สภาพแวดล้อมบริเวณนั้นเปลี่ยนไปหมดเลย 5 นาทีที่เหล่ากองทัพอันเดดได้เพิ่มพูนประชากรในทัพขึ้นมาใหม่จนถึงหลักล้าน แต่เพียงการโจมตีครั้งเดียวเมื่อครู่ก็สามารถกำจัดพวกมันได้หมดเลย!
แต่เพราะพลังโจมตีของเสี่ยวไป๋นั้นยังต่ำเกินไป ไม่เพียงแต่เธอจะไม่สามารถกำจัดบอสได้แล้ว เธอยังไม่สามารถกำจัดมอนสเตอร์ระดับสูงเลเวล 50 ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวได้อีกด้วย!
พวกมันยังเหลือพลังชีวิตอยู่อีกนิดหน่อย เพราะงั้นไม่ต้องพูดถึงความเสียหายที่ลิชคิงจะได้รับเลย…
ถึงแม้ว่าผู้เล่นที่อยู่ในสมรภูมิด้านหน้าจะพยายามช่วยกันใช้โอกาสนี้ไล่กำจัดเหล่ามอนสเตอร์ระดับสูงไปได้มากมาย แต่ต่อให้พวกเขาฆ่ามอนสเตอร์จนหมด ตราบใดที่บอสยังอยู่ที่นี่ และลิชคิงยังไม่หยุดร่ายเวทมนต์ ชะตากรรมของเมืองแห่งความโศกเศร้าก็จะยังเป็นดังเดิม
“กรรร!!”
มังกรกระดูกคำรามเสียงดังหลังจากที่มันใช้ร่างของตนคุ้มกันลิชคิงไว้จนต้องรับบาดเจ็บขนาดหนักจากแรงระเบิดของดาบศักดิ์สิทธิ์ มีเพียงพื้นดินที่อยู่ใต้ตัวมันเท่านั้นที่ยังอยู่ ส่วนอื่น ๆ นั้นกลายเป็นหลุมไปแล้ว และเพราะมันรับแรงปะทะเต็ม ๆ ทำให้ตอนนี้พลังชีวิตของมันเหลือเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น เรียกได้ว่าหนักหนากว่าบอสเทพเจ้าตนอื่น ๆ มาก ๆ ที่สูญเสียพลังชีวิตไปเพียงนิดหน่อย!
“กรรร!!”
การโจมตีเมื่อครู่ทำให้มังกรกระดูกตนนี้โกรธขึ้นมาจริง ๆ มันหันมองยังทิศทางที่เสี่ยวไป๋บินอยู่กับเสี่ยวเสวีย จากนั้นก็อ้าปากออก เพลิงสีเทาถูกจุดขึ้นจากในลำคอก่อนจะยิงออกมาเหมือนกระสุนปืนใหญ่ขึ้นไปบนฟากฟ้า กระทบเข้ากับเสี่ยวเสวียอย่างรวดเร็วจนร่างนั้นร่วงลงมา ซึ่งเสี่ยวไป๋เองก็พลอยโดนความเสียหายนั้นไปจนเกือบจะตายด้วยการโจมตีครั้งเดียวไปด้วย!
สิ่งที่เสี่ยวไป๋โดนคือแรงระเบิดของเพลิงมังกรที่มากระทบตัวเสี่ยวเสวีย พลังชีวิตเธอลดฮวบอีกครั้ง แต่กระนั้นแล้วเด็กสาวก็หาได้สนใจไม่ เธอพยายามยกดาบศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ในมือขึ้นมาเพื่อจะเข้าไปสู้ใหม่อีกครั้ง!
แสงศักดิ์สิทธิ์ที่ส่องลงมาจากฟ้ายังไม่จางหายไปซะทีเดียว และในตอนนั้นลำแสงดังกล่าวก็เริ่มสอดส่องลงมาอีกรั้ง! มันอาบร่างของนางฟ้าตัวน้อยและเสี่ยวเสวีย รวมไปถึงกัปตันโบลตันและคนอื่น ๆ ด้วย
ทันใดนั้นเอง ตัวเลขแสดงการฟื้นฟูก็ปรากฏขึ้นบนหัวทุกคนไม่ว่าจะเป็นเสี่ยวไป๋ เสี่ยวเสวียและกัปตันโบลตัน พลังชีวิตของพวกเขาฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็ว!
นี่เป็นสกิล ‘การล้างบาปศักดิ์สิทธิ์’ ของเสี่ยวไป๋ มันสามารถช่วยเพิ่มพลังชีวิตของเธอจนกระทั่งกลับมาเต็มได้ในคราเดียว ในขณะที่เสี่ยวเสวีย กัปตันโบลตันและคนอื่น ๆ จะฟื้นฟูพลังชีวิตมาครึ่งหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น เหล่าบอสของศัตรูที่ถูกแสงของการล้างบาปศักดิ์สิทธิ์ห่อหุ้มร่างกายไว้ ก็เริ่มปล่อยควันออกมาราวกับร่างกำลังโดนเผาไหม้ พลังชีวิตของมันกำลังลดลง! แม้จะเป็นเพียงเล็กน้อยแต่ก็ยังพอสังเกตได้!
กรรรร!!
มังกรกระดูกคำรามอีกครั้ง เพราะการล้างบาปศักดิ์สิทธิ์นี้กำลังทำให้มันบาดเจ็บและรู้สึกไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก กระนั้นเพราะคำสั่งที่ต้องปกป้องลิชคิง มันจึงไม่สามารถเคลื่อนที่ไปไหนได้ มันทำได้เพียงอ้าปากอีกครั้งพร้อมกับพ่นเพลิงระเบิดมังกรใส่เสี่ยวไป๋!
ซู่ม!
เพลิงระเบิดมังกระกระทบเข้ากับเป้าหมายอีกครั้ง และครั้งนี้เสี่ยวเสวียไม่มีพลังชีวิตเหลือพอจะทนได้และถูกฆ่าตายในทันที ขณะที่ปีกของเสี่ยวไป๋เองก็ถูกเผาไหม้จนดำไปหมดด้วย เธอร่วงลงมาสู่พื้นดิน และสิ่งที่รอเธออยู่เบื้องล่างนั้น คือราชาโครงกระดูกคิงคองที่รอจังหวะนี้อยู่แล้ว ทันทีที่เสี่ยวไป๋ร่วงลงไปกับพื้น มันก็ยกดาบขนาดใหญ่ของมันและฟันเข้าไปที่ร่างเล็กนั้นอย่างแรง!
“เสี่ยวไป๋!”
“อั่ก!”
ร่างขนาดเล็กของนางฟ้าน้อยกระเด็นลอยไปเหมือนว่าวที่ไร้หางอีกครั้ง เสียงร้องอุทานของเธอดังเบา ๆ อยู่ในอากาศ มันฟังดูอู้อี้ แต่ภายในน้ำเสียงนั้นก็แฝงไปด้วยความไม่ยอมแพ้และความโกรธเกรี้ยว!
ตอนนั้นเอง ริบบิ้นที่ถูกสร้างขึ้นจากแสงก็ยืดออกมาจากตัวเสี่ยวไป๋ ปลายด้านหนึ่งผูกเข้ากับแขนของเธอ ส่วนปลายอีกข้างก็ลอยหายไปในช่องว่างมิติ
ขณะเดียวกันนั้น เซียวเฟิงผู้ที่อยู่ไกลถึงเขตฮันกึลก็ได้รับปลายข้างหนึ่งของริบบิ้นแสงนี้ มันพันเข้ากับแขนของเขาโดยที่เขาไม่สามารถเห็นได้ว่าปลายอีกข้างนั้นอยู่ที่ไหน
เซียวเฟิงเองก็ติดตามการต่อสู้ที่ด้านนอกเมืองแห่งความโศกเศร้าอยู่พอดี ณ ตอนนั้น ระหว่างนั้นเขาก็นั่งอยู่บนแท่นเทเลพอร์ตของวิหารแห่งแสงภายในหุบเขาอาทิตย์ตกด้วย
ชายหนุ่มได้ลองทุกวิธีที่เขารู้แล้ว กระนั้นก็ยังไม่สามารถสั่งใช้งานแท่นเทเลพอร์ตของที่นี่และส่งเขากลับฮัวเซียได้ สิ่งสุดท้ายที่เซียวเฟิงทำได้ก็คือนั่งและดูการต่อสู้จากการถ่ายทอดสดภายในฟอรั่มเท่านั้น
เมื่อเขาเห็นเสี่ยวไป๋ถูกหวดกระเด็นอยู่หลายต่อหลายครั้ง เซียวเฟิงก็กำหมัดแน่นและแสดงให้เห็นสายตาอาฆาตอยู่ตลอดเวลา กระนั้นเขาก็ทำอะไรไม่ได้ ขณะเดียวกันชายหนุ่มก็อดที่จะเกลียดตัวเองที่เลเวลต่ำมาก ๆ ไม่ได้ มันเลยทำให้พลังในการต่อสู้ของเสี่ยวไป๋ด้อยลงไปด้วย!
ในระหว่างที่ริบบิ้นแสงแสดงขึ้นบนตัวเสี่ยวไป๋เช่นเดียวกับที่แสดงอยู่บนตัวเขานั้น เซียวเฟิงก็ได้ยินเสียงของระบบดังขึ้นในหูไปพร้อม ๆ กัน
[สัตว์เลี้ยงของท่านจะใช้สกิลปลดตรวนเพื่อใช้สกิลทั้งหมดของท่าน ท่านจะอนุญาตหรือไม่?]
“อนุญาต!”
ได้ยินเช่นนั้น เซียวเฟิงก็ไม่ลังเลแต่อย่างใด เขาเลือกยินยอมทันทีเมื่อสิ้นเสียงของระบบ
ทันทีทันใด ที่ด้านนอกเมืองแห่งความโศกเศร้า เสี่ยวไป๋ที่กำลังร่วงหล่นและใกล้กระแทกลงไปกับพื้น จู่ ๆ ร่างนั้นก็หยุดอยู่กลางอากาศและบินกลับไปอีกครั้ง แม้ว่าร่างกายของเธอจะดูแทบไม่ไหวแล้วก็ตาม
“กรรร!!”
มังกรกระดูกคำรามกึกก้องอีกครั้งหมายจะโจมตีเสี่ยวไป๋ ทว่าโชคก็ไม่เข้าข้างมัน เพราะเสี่ยวไป๋สามารถออกจากระยะโจมตีของมันได้ก่อน
“เยี่ยมไปเลย! ดีมากเสี่ยวไป๋! ดีมากที่ไม่เป็นอะไร!”
บนป้อมปราการนั้น เซียวหลิงที่กำลังกังวลจนเหงื่อซึมไปทั่วได้แต่จับมือของหนิงเคอเค่อเอาไว้อย่างรุนแรงจนเมดสาวรู้สึกเจ็บขึ้นมา
หลิวเฉียงเหว่ยเองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกด้วยเช่นกัน เธอเงยหน้าขึ้นเพื่อกระดกยาเพิ่มมานาเพื่อฟื้นฟูมานาที่ใช้ไป ตลอดเวลามานี้เธอต้องคอยเพิ่มพลังชีวิตให้เซียวหลิงและหนิงเคอเค่ออยู่ตลอด โชคดีที่อุปกรณ์เธอไม่ได้แย่อะไร ไม่งั้นแล้วคงไม่สามารถยื้อมาได้จนถึงตอนนี้
[สกิล ‘อวยพรชีวิต’ ของท่านถูกใช้งานและอยู่ในช่วงคูลดาวน์]
[สกิล ‘อวยพรคุ้มครอง’ ของท่านถูกใช้งานและอยู่ในช่วงคูลดาวน์]
[สกิล ‘อวยพรอาวุธ’ ของท่านถูกใช้งานและอยู่ในช่วงคูลดาวน์]
[สกิล ‘อวยพรความกล้า’ ของท่านถูกใช้งานและอยู่ในช่วงคูลดาวน์]
เสียงระบบเหล่านี้ดังขึ้นในหัวของเซียวเฟิง พร้อมกับข้อความที่แสดงว่าสกิลทั้งสี่ของตนถูกสั่งใช้งานอยู่ และแถบสกิลก็ปรากฏให้เห็นว่ามันคูลดาวน์อยู่จริง ๆ
ขณะเดียวกันทางฟากฟ้าเหนือเมืองแห่งความโศกเศร้า เสี่ยวไป๋ยกดาบศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา ดาบนั้นส่องแสงสว่างเหมือนดวงอาทิตย์ และแสงนั้นก็สาดส่องลงไปยังสมรภูมิด่านหน้า จุดที่ผู้เล่นกำลังทำการต่อสู้กับศัตรูอยู่!
ทันใดนั้นเอง ผู้เล่นทุกคนก็ได้ยินเสียงของระบบดังขึ้นพร้อม ๆ กัน
[ท่านได้รับผลของ ‘อวยพรชีวิต’ จากผู้เล่น แด๊ด พลังชีวิตของท่าน…]
[ท่านได้รับผลของ ‘อวยพรคุ้มครอง’ จากผู้เล่น แด๊ด พลังป้องกันกายภาพและพลังป้องกันเวทมนต์ของท่าน…]
[ท่านได้รับผลของ ‘อวยพรอาวุธ’ จากผู้เล่น แด๊ด พลังโจมตีกายภาพของท่าน…]
[ท่านได้รับผลของ ‘อวยพรความกล้า’ จากผู้เล่น แด๊ด พลังเวทมนต์ของท่าน…]
…
“นี่มัน…”
ตอนนั้นเอง ผู้เล่นทุกคนต่างสงสัยและงุนงง ทำไมจู่ ๆ พวกเขาถึงได้รับบัฟ? มีนักบวชมาร่ายให้พวกเขางั้นหรือ?
มีเพียงหลิวเฉียงเหว่ยและคนที่อยู่บนป้อมปราการเท่านั้นที่สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ระบบได้ประกาศชื่อเจ้าของบัฟชัดเจนแล้ว และมันจะเป็นไปได้อย่างไรที่พวกเธอจะไม่รู้จักชื่อในเกมของเซียวเฟิง!
นี่เป็นบัฟที่เซียวเฟิงร่ายให้พวกเธอ! แต่ทั้ง ๆ ที่เซียวเฟิงยังอยู่ในเขตฮันกึลแท้ ๆ แต่ทำไมสกิลของเขาถึงมีผลที่นี่ได้ล่ะ?
ที่ด้านล่างนั้น กัปตันโบลตันและคนอื่น ๆ ก็เริ่มฟื้นตัวกันแล้ว เพราะบัฟของเซียวเฟิงนั้นสามารถเพิ่มความสามารถให้เป็นเปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่ามีประสิทธิภาพมาก ๆ สำหรับบอสอย่างพวกเขา!
[สกิล ‘โฮลี่ไลท์’ ของท่านถูกใช้งานและอยู่ในช่วงคูลดาวน์]
[สกิล ‘ถ้อยคำแห่งเงา’ ของท่านถูกใช้งานและอยู่ในช่วงคูลดาวน์]
เสียงของระบบยังคงดังอยู่ทางฝั่งเซียวเฟิงอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับดาบศักดิ์สิทธิ์ของเสี่ยวไป๋ที่ยังคงเปล่งแสงไม่หยุดประดุจดวงอาทิตย์ที่กำลังส่องสว่าง
ถึงแม้เขาจะไม่ได้คุณสมบัติพิเศษหรือค่าสถานะสูง ๆ จากชุดเกราะมังกร สกิลของเซียวเฟิงก็ยังทรงอานุภาพดังเดิม เรียกได้ว่ามันยังคงไร้เทียมทานอย่างไม่มีผู้ใดเทียบใดเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน!
ด้วยสกิลโฮลี่ไลท์และถ้อยคำแห่งเงา พลังชีวิตของเสี่ยวไป๋ก็กลับมาเต็มเปี่ยมอีกครั้ง ส่วนกัปตันโบลตันและคนอื่น ๆ เองก็ฟื้นกลับมาอยู่ในสภาพที่พร้อมสู้แล้วด้วย ผิดกับกลุ่มบอสที่กำลังเป็นฝ่ายสูญเสียพลังชีวิตอย่างรวดเร็วบ้าง หนึ่งในบอสที่น่าอนาถใจที่สุดก็คือมังกรกระดูก เพราะตอนนี้มันแทบจะไม่เหลือพลังชีวิตแล้ว หากไม่ได้พลังของดินแดนต้องสาปคอยฟื้นฟูพลังชีวิตให้ มันน่าจะเป็นบอสเทพเจ้าตัวแรกที่จะตาย!
[สกิล ‘หอกลองกินัส’ ของท่านถูกใช้งานและอยู่ในช่วงคูลดาวน์]
เสี่ยวไป๋ไม่ได้รู้สึกกดดันที่จะนำสกิลของเซียวเฟิงมาใช้เลย และด้วยความไม่ลังเลนี้ เด็กสาวก็ร่ายของใหญ่ออกมาจนแม้แต่เซียวเฟิงก็ยังพูดอะไรไม่ออก
เคร้ง!
เสียงระฆังดังกังวานไปทั่วฟ้าก่อนที่ฟากฟ้านั้นจะแตกออกอีกครั้ง และครั้งนี้ สิ่งที่พุ่งลงมาจากเบื้องบนก็คือหอกสีทองขนาดใหญ่ที่ดิ่งลงมาใส่พื้นโลก!
“นั่นก็สกิลของพี่เซียวนี่!”
เฉียนโตวโตวยกมือขึ้นป้องปากตนไว้ ในขณะที่จืออี้ที่เพิ่งมาจากจุดเกิดใหม่ของเมืองแห่งความโศกเศร้าเองก็ตาเป็นประกายเช่นกัน พวกเธอทุกคนต่างคุ้นเคยกับสกิลของเซียวเฟิงดี นั่นเพราะเมื่อครั้งที่เขาใช้สกิลนี้ในค่ายของวอร์สปิริตฮอลล์มันก็ทำให้เกิดหลุมบ่อขนาดใหญ่จนไม่สามารถลืมเลือนได้ด้วย
ตู้ม!!
ภาพของโลกที่สั่นสะท้านจนแทบจะแยกออกเป็นสองส่วนและฟากฟ้าที่แตกสลายย้อนกลับมาอีกครั้ง แรงระเบิด แสงศักดิ์สิทธิ์ และแผ่นดินสะเทือนกระจายวงกว้างไปทั่วสนามรบ ทหารโครงกระดูกกว่าแสนตัวที่กำลังคลานขึ้นมาจากพื้นถูกแรงระเบิดมหาศาลกวาดเรียบไปอีกครั้ง เปลี่ยนจากอันเดดกลายเป็นกองกระดูกที่ทับถมกันเป็นภูเขา มังกรกระดูกที่น่าสงสาร หลังจากที่โดนยื้อชีวิตไว้นานก็ถูกสั่งให้นำตัวไปรับแรงระเบิดจากหอกลองกินัสอีกครั้ง และคราวนี้มันก็ถูกแสงศักดิ์สิทธิ์อาบร่างและตายไปในที่สุด
ถึงแม้ว่าแรงระเบิดของหอกลองกินัสจะขึ้นอยู่กับพลังเวทมนตร์ของเซียวเฟิงก็จริง แต่มันก็ถือเป็นการโจมตีโดยตรง ดังนั้นพลังโจมตีของหอกนี้จึงถือว่าน่ากลัวมาก การที่สกิลสามารถทำลายได้กระทั่งสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ ก็คงไม่มีใครอยากจะประมือด้วยแล้ว นี่ยังไม่พูดถึงธาตุของสกิลที่เป็นศัตรูตามธรรมชาติกับอันเดดอีก
เช่นนั้นแล้วการที่เหล่าอันเดดโดนสกิลนี้ไป มันจึงไม่ต่างอะไรกับโดนยิงเป้า
ไม่เพียงแต่มังกรกระดูกเท่านั้นที่สลายไป แต่มอนสเตอร์อันเดดระดับสูงเองก็โดนแรงระเบิดกวาดหายไปหมดในคราวเดียวเหมือนกัน เพียงชั่วพริบตา อีกฝั่งก็เหลือเพียงบอสระดับเทพเจ้าห้าตัว รวมลิชคิงและราชาโครงกระดูกคิงคองแล้วเท่านั้น!
นอกจากนั้นก็มีเพียงมอนสเตอร์ที่ถือกำเนินจากดินแดนต้องสาปอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ทางฝั่งทัพแห่งความมืดก็ยังคงได้เปรียบอยู่ นั่นเพราะดินแดนต้องสาปยังแสดงผลตลอด และเมื่อนับจากระยะเวลาที่มันถูกร่าย นี่มันก็ 10 นาทีเข้าไปแล้ว!