บทที่ 400 วิบัติแห่งการดับสูญ
บทที่ 400 วิบัติแห่งการดับสูญ
ในกลไกของการล่อความเกลียดชัง สกิลยั่วยุของนักรบโล่ถือเป็นสิ่งที่สามารถดึงดูดความเกลียดชังได้มากที่สุด แม้ว่ามอนสเตอร์ตนนั้นจะกำลังเพ่งความเกลียดชังไปยังผู้ที่สร้างความเสียหายแก่มันมากที่สุด
แต่เมื่อโดนสกิลยั่วยุของนักรบโล่ไป พวกมันก็พร้อมจะเปลี่ยนเป้าหมายมาให้นักรบโล่ในทันที นี่ถือเป็นสกิลที่โด่งดังที่สุดของเหล่านักรบโล่ พวกเขาสามารถควบคุมความเกลียดชังของมอนสเตอร์ได้และเปิดโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้สร้างความเสียหายกับเป้าหมายไปขณะที่พวกเขาเป็นฝ่ายรับการโจมตีจากศัตรูไว้เอง
ตอนนั้นเอง เมื่อสกิลยั่วยุถูกสั่งใช้งานกับลิชคิง ก็ดูเหมือนว่าผลลัพธ์มันจะออกมาได้ผลดีด้วย ลิชคิงที่แต่เดิมเอาแต่ดูการต่อสู้โดยไม่ไหวติงอะไรทั้งสิ้นนั้น ยามที่มีผู้เล่นเข้าไปใกล้มัน ความเกลียดชังของมันก็ล็อกไปที่ผู้เล่นเหล่านั้นที่กำลังใช้สกิลยั่วยุพร้อมกับความโกรธที่พุ่งพรวดขึ้นมาทันที!
ขนาดตัวของลิชคิงท่ามกลางกลุ่มบอสที่มากับทัพหน้านี้ค่อนข้างจะเป็นบอสที่ตัวเล็กที่สุด มันมีขนาดเพียงสามเมตรกว่า ๆ เท่านั้น ทั่วทั้งตัวของมันถูกปกคลุมไว้ด้วยผ้าคลุมสีดำที่ขาดรุ่งริ่งจนไม่สามารถเห็นร่างที่แท้จริงได้
“โอวววววว!!”
ตู้ม!
-13,241!
-14,101!
-13,045!
-27,682! คริติคอล!
…
หลังจากที่โดนสกิลยั่วยุไป ลิชคิงก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง มันร่ายสกิลความมืดปะทุ และทำให้ผู้เล่นที่เข้าไปใช้สกิลยั่วยุใส่มันนั้นถูกฆ่าตายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวพร้อมกับความเสียหายปริมาณมหาศาลที่ปรากฏขึ้นบนหัวพวกเขาเหล่านั้น
ถึงแม้ว่าจะต้องแลกมาด้วยชีวิต แต่ผู้เล่นกลุ่มเมื่อครู่ก็ถือว่าทำภารกิจของตนเสร็จแล้ว พวกเขาสามารถทำให้ลิชคิงโกรธและเริ่มเคลื่อนไหว และเมื่อเป้าหมายความเกลียดชังจะไม่มีอยู่แล้วเพราะพวกเขาตายกันหมด แต่ลิชคิงก็ดูจะไม่กลับไปสงบดังเดิมแล้ว
“ฮี่ ๆๆ! จงรับรู้ถึงความตายที่คืบคลาน! วิบัติแห่งการดับสูญ!”
ตำแหน่งของลิชคิงนั้นยังคงอยู่ด้านหลังสุดของทัพแห่งความมืดดังเดิม ทว่าเสียงที่แหบพร่าของมันกับลอยมาไกลจนผู้เล่นทุกคนสามารถได้ยินเสียงที่ไม่น่าภิรมย์นั้นได้ พร้อมกันนั้นเอง มันก็เริ่มโบกคทาหัวกระโหลกในมือลงมาแตะที่พื้นดินด้วย เพียงเท่านั้น บนพื้นดินบริเวณดังกล่าวก็ปรากฏแสงสีเขียวส่องสว่างและคืบคลานไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
“พระเจ้า!”
หัวหน้ากิลด์ทุกคนบนป้อมปราการหน้าซีดไปพร้อม ๆ กัน ไม่แม้แต่หลิวเฉียงเหว่ยผู้งดงามเองก็ด้วย เธอมองไปยังแสงสีเขียวที่ขยายวงกว้างอย่างรวดเร็วจากใต้เท้าของลิชคิง ราวกับว่ามันกำลังย้อมโลกไว้ด้วยแสงสีเขียวที่ดูน่าสะอิดสะเอียนนี้!
“สถานการณ์แย่มากเลย พี่หลิว! นี่มันสกิลพื้นที่ของลิชคิง!”
แววตาของเฉียนโตวโตวเปลี่ยนเป็นสีทองสว่าง เธอกำลังใช้ทักษะการประเมินคุณลักษณะสกิลของลิชคิง ทว่าข้อมูลที่ได้รับมาก็ทำเอาเธอช็อกไปเลย
วิบัติแห่งความตาย
ระดับ: ตำนาน
เอฟเฟกต์ : สร้างพื้นที่ต้องคำสาปขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ภายในพื้นที่คำสาปนี้ ทหารอันเดดสามารถเกิดใหม่ได้เรื่อย ๆ เลเวลและระดับของอันเดดที่เกิดใหม่จะยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามระยะเวลาที่ใช้ร่าย นอกจากนี้ ตราบใดที่พื้นที่ต้องคำสาปยังคงอยู่ มอนสเตอร์เผ่าอันเดดจะได้รับการฟื้นฟูพลังชีวิตอยู่ตลอดเวลา ในขณะเดียวกันเผ่าพันธุ์อื่นจะได้รับความเสียหายแทน
คุณสมบัติ 1 : ความกว้างของพื้นที่ต้องสาปจะเพิ่มขึ้นตามเลเวลและระดับของผู้ร่าย แต่การสร้างทหารอันเดดนั้นจะสามารถสร้างได้โดยไม่มีจำนวนจำกัด
คุณสมบัติ 2 : ทหารอันเดดที่เกิดจากพื้นที่ต้องสาป จะเพิ่มเลเวล 1 เลเวลทุก ๆ นาทีที่อยู่ในพื้นที่ต้องสาป ในทุก ๆ 5 นาทีจะมีบอสถือกำเนิดขึ้น เลเวลและระดับของทหารอันเดดและบอสอันเดดจะไม่สูงไปกว่าผู้ร่าย
คุณสมบัติ 3 : เมื่อร่ายเวทมนตร์พื้นที่ต้องสาป ผู้ร่ายไม่สามารถเคลื่อนที่หรือร่ายสกิลอื่นได้ มันใช้มานา 1,000 หน่วยต่อวินาทีและการเปิดพื้นที่ต้องสาปอย่างต่อเนื่องไม่สามารถใช้ได้เกิน 100 นาที
“นี่มันสกิลพื้นที่ระดับตำนาน!”
อ่านข้อมูลของสกิลวิบัติแห่งความตายที่เฉียนโตวโตวแบ่งปันให้แล้ว สีหน้าของหลิวเฉียงเหว่ยก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง หัวหน้ากิลด์คนอื่น ๆ เองก็เช่นกัน
“พี่เฉียงเหว่ย! ฉันจะเข้าไปหยุดสกิลนี้เอง! ฉันมีชุดเกราะมังกรของเซียวเฟิงอยู่! ฉันทำมันได้แน่!”
ซือเยี่ยจิ๋งรีบพูดกับหลิวเฉียงเหว่ย และด้วยความกระวนกระวายใจ เธอก็เผลอเรียกชื่อของเซียวเฟิงออกมาตรง ๆ
“คุณสมบัติหลักของพื้นที่ต้องสาปคือมันทำความเสียหายอย่างต่อเนื่อง! เธอไม่สามารถเข้าไปใกล้ลิชคิงได้แน่ ๆ ด้วยความแข็งแกร่งที่มีตอนนี้! ห้ามตายอย่างไร้ความหมาย!”
ถึงแม้ว่าหลิวเฉียงเหว่ยจะแอบสนใจความคิดของซือเยี่ยจิ๋ง แต่เธอก็ยังมีสติอยู่ ดังนั้นจึงรีบห้ามปรามอีกฝ่ายเอาไว้ก่อน
“ฮ่า…ฮ่า….”
“แค่ก…ฮ่าาาา…”
เอฟเฟกต์ของวิบัติแห่งความตายทำงานแล้ว ภายในพื้นที่ต้องสาปที่แผ่กว้าง เหล่าทหารโครงกระดูกเริ่มพากันไต่ขึ้นมาจากพื้นดินที่มีแสงสีเขียวปกคลุมอยู่ทีละตัว ๆ อย่างรวดเร็ว แต่ถึงอย่างนั้น ทหารโครงกระดูกเซ็ตแรกที่ปรากฏตัวนั้นก็เป็นเพียงเลเวลเริ่มต้นเท่านั้น พวกมันมีเลเวลเพียง 1 และบอบบางเหมือนกระดาษ ดังนั้นแล้วไม่ต้องพยายามอะไรเลยก็สามารถฆ่ามันได้ง่าย ๆ
แต่เพราะอาณาเขตของพื้นที่ต้องสาปยังคงขยายตัวอยู่เรื่อย ๆ ด้วยระดับที่สูงถึงตำนานของลิชคิง ต่อให้มันอยู่ห่างจากเมืองแห่งความโศกเศร้าสักกิโลเมตร พื้นที่ต้องสาปก็น่าจะมาถึงตัวเมืองได้แน่ ๆ และเมื่อแสงสีขาวกระจายตัวมาจนใกล้ถึงภายในตัวเมืองได้ มันก็หยุดขยายตัวต่อ อย่างไรก็ตาม พื้นที่ของมันถือว่ากว้างมาก ๆ สมแล้วที่ถูกเรียกว่าสกิลพื้นที่!
ยิ่งไปกว่านั้น เพราะสกิลนี้ มันเลยทำให้ลิชคิงสมกับเป็นบอสระดับตำนานขึ้นมา!
ชินห่าวขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ กลุ่มของผู้เล่นที่เข้าไปยั่วยุลิชคิงนั้นเป็นของเขาเอง แต่ก็ไม่คาดคิดเลยว่าสกิลของลิชคิงจะรุนแรงขนาดนี้!
ถ้าหากรู้ล่วงหน้าล่ะก็ เขาคงจะรอให้ลิชคิงเข้าใกล้เมืองแห่งความโศกเศร้าก่อนแล้วค่อยล่อให้มันใช้พื้นที่ต้องสาปเข้ามาในเมืองเลย มันจะต้องได้ผลดีกว่าการที่ขอบเขตสกิลมาหยุดอยู่ที่หน้าเมืองเช่นนี้แน่ ๆ
“เร็วเข้า! รีบจัดการพวกมอนสเตอร์สูงจากทัพหน้าก่อน! ลดแรงปะทะให้ NPC! กลุ่มนักบวช ร่ายบัฟให้นักรบโล่! นักรบโล่ เข้าจู่โจมลิชคิงได้เลย! พยายามหยุดยั่งสกิลของมันให้ได้ด้วยสกิลยั่วยุ!”
“ไม่ต้องถอยกลับ! อย่าถอยกลับเชียว! ต่อให้ตัวตายก็อย่าถอยกลับ!”
…
เหล่าหัวหน้ากิลด์ต่างสั่งการกันอย่างฉุกละหุก นั่นเพราะพื้นที่ต้องสาปนี้ปกคลุมไปทั่วสมรภูมิด่านหน้าแล้ว รวมถึงเอฟเฟกต์ที่น่ากลัวของมันก็ทำงานอยู่ตลอดเวลาด้วย แม้ว่ากลุ่มทหารอันเดดที่โผล่ขึ้นมาใหม่นั้นจะไม่ถือเป็นภัยคุกคาม แต่การที่มันสามารถเพิ่มพลังชีวิตอันเดดและทำความเสียหายกับผู้เล่นได้มันก็ถือว่าน่ารำคาญไม่น้อย!
เพราะผลลัพธ์ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นฟูหรือทำความเสียหายนั้นจะนับเป็น % ดังนั้นต่อให้มันสร้างความเสียหายเพียง 1% มันก็ยังถือว่าน่ากลัวอยู่ดี!
เหล่าบอสของทัพแห่งความมืดทั้งหลายที่เพิ่งจะโดน NPC โจมตีอย่างหนักหน่วงไปก่อนหน้าจนพลังชีวิตแทบจะหมดแล้ว พอมันมาอยู่บนพื้นที่ต้องสาปนี้ พลังชีวิตของมันก็ฟื้นฟูชัดเจนอย่างเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า!
กลับกันกับฝั่งของ NPC จากวิหารแห่งแสงอย่างกัปตันโบลตันที่กำลังสูญเสียพลังชีวิตอย่างรวดเร็วทุกวินาที! เนื่องจากพื้นที่ต้องสาปที่มีผลสร้างความเสียหายต่อพลังชีวิตวินาทีละ 1% หากยังเป็นเช่นนี้อยู่ ต่อให้เขาจะมีพลังชีวิตอยู่เต็มเปี่ยม เขาก็สามารถต้านไว้ได้เพียง 2 นาทีเท่านั้น แม้จะคำนวณเพิ่มจากผลการฟื้นฟูพลังชีวิตที่ได้มาจากเหล่าพาลาดินและบิช็อปชุดแดงที่ร่ายสกิลรักษาให้เรื่อย ๆ ด้วย!
จะมีก็แต่ผู้เล่นเท่านั้นที่สามารถทนต่อสภาพนี้ได้นานกว่า แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะถ้าหาก NPC ตายล่ะก็ พวกเขาจะไม่เหลือหนทางที่จะป้องกันเมืองอีกต่อไปแล้ว!
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพียงหนึ่งในคุณสมบัติของสกิลวิบัติแห่งความตายเท่านั้น ความสามารถที่แท้จริงของมันนั้นยังไม่ถูกเปิดเผยออกมา!
“เสี่ยวไป๋!”
เซียวหลิงมองไปยังเสี่ยวไป๋ที่ถูกซัดกระเด็นลอยกลับมาอีกครั้งด้วยความกังวล “เจ้าพี่โง่! ไปอยู่ที่ไหนกันนะ? ทำไมยังไม่กลับมาอีก!”
หลิวเฉียงเหว่ยเองก็รู้สึกหนักใจเช่นกัน สถานการณ์ในตอนนี้มันถือว่าแย่มาก ๆ แล้ว แม้แต่เธอเองก็ยังหวังจะให้เซียวเฟิงปรากฏตัวในเวลาเช่นนี้ด้วยเหมือนกัน
แต่เพราะตอนนี้เซียวเฟิงนั้นอยู่ในเขตฮันกึล หลิวเฉียงเหว่ยจึงไม่สามารถพูดอะไรได้ สิ่งที่เธอทำได้ก็มีเพียงดื่มน้ำแห่งชีวิตจากนั้นก็ร่ายสกิลโฮลี่ไลท์ให้เซียวหลิงเพื่อฟื้นฟูพลังชีวิตให้ ก่อนจะหันกลับไปมองยังสนามรบอีกครั้ง มองสถานการณ์ที่ไม่อยากจะให้เกิดขึ้นจริง ๆ
“เร็วเข้า! รีบฆ่าทหารโครงกระดูกที่เพิ่งเกิดพวกนี้ให้เร็วที่สุด! เคลื่อนย้ายผู้คนไปยังขอบของพื้นที่ต้องสาปแล้วคอยป้องกันไม่ให้มีอะไรบุกเข้ามาได้! ส่งนักบวชขึ้นมาบนป้อมปราการเพื่อรักษาคนข้างบนด้วย!”
ไม่มีใครเลยบนป้อมปราการนี้ที่สามารถนิ่งเฉยได้ ทุกคนต่างเห็นกันเต็มตาว่าสถานการณ์มันแย่มาก ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้เช่นกัน พวกเขาทำได้อย่างมากก็คือดิ้นรนไปเรื่อย ๆ กลุ่มของนักบวชทั้งหมดถูกเคลื่อนย้ายไปยังสนามรบแนวหน้าเพื่อช่วยเพิ่มพลังชีวิตให้ NPC ทุกครั้งที่เขาได้รับความเสียหาย อย่างน้อย ๆ ก็พยายามให้พวกเขายื้อไว้ให้นานที่สุด!
ภายใต้การร่วมมือกันของนักบวชกว่าแสนคน ในที่สุดพวกเขาก็สามารถฟื้นฟูพลังชีวิต NPC ระดับสูงสวนทางกับการสูญเสียได้เสียที กระนั้นแล้วนี่ก็ไม่ใช่ทางออกระยะยาว เพราะกลุ่มนักบวชเองก็สูญเสียพลังชีวิตอยู่ด้วยเช่นกัน พวกเขาจำเป็นต้องกินโพชั่นเพื่อให้ตนเองอยู่รอดไปได้ เนื่องจากสกิลรักษามีไว้เพื่อ NPC เท่านั้น ดังนั้นกลุ่มนักบวชเองก็ไม่สามารถยืนได้นานเช่นกัน แต่ถึงอย่างไรก็จะทำเท่าที่ตนสามารถทำได้!
ยิ่งไปกว่านั้น เพราะหัวหน้ากิลด์ทั้งหลายเองก็อยู่บนพื้นที่ต้องสาปด้วย ดังนั้นพวกเขาเองก็สูญเสียพลังชีวิตอยู่ตลอดเวลาเหมือนกัน ด้วยเหตุนี้จึงมีนักบวชบางกลุ่มที่ต้องแยกออกมาเพื่อรักษาพวกเขาเป็นการส่วนตัว
“พี่เฉียงเหว่ย! รีบถอยออกมาเร็ว! ออกจากเขตของพื้นที่ต้องสาปซะ!”
ซือเยี่ยจิ๋งปรากฏตัวออกมาจากโหมดล่องหน เธอจัดการเหล่าทหารโครงกระดูกเลเวล 3 ที่กำลังตะเกียกตะกายออกมาจากพื้นข้าง ๆ หลิวเฉียงเหว่ยและรีบส่งข้อความส่วนตัวหาเธออย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เป็นเวลาสามนาทีแล้วหลังจากที่พื้นที่ต้องสาปเริ่มขยายตัว ถึงแม้ว่าพวกมันจะยังเป็นกลุ่มที่สามารถถูกฆ่าได้ภายในพริบตาเมื่อปรากฏตัว แต่ในส่วนที่ยังไม่มีใครไปกำจัดนั้นก็เริ่มก่อตัวมากขึ้นอยู่ที่ด้านนอกเมือง ไม่ว่าจะฆ่าไปมากขนาดไหน มันก็โผล่กลับขึ้นมาเรื่อย ๆ ราวกับว่าฟื้นคืนชีพใหม่ตลอดเวลา!
นี่มันเพิ่งจะแค่เริ่มต้นเท่านั้น วิบัติแห่งความตายกับลิชคิงเลเวล 50 สามารถสร้างกองทัพอันเดดเลเวล 50 รวมไปถึงบอสเลเวลเดียวกันได้เมื่อผ่านไปห้าสิบนาที!
ขณะเดียวกันนั้น กลุ่มของนักรบโล่ที่รับหน้าที่เข้าไปจัดการลิชคิงเองก็ประสบความล้มเหลว เพราะว่าบอสระดับเทพเจ้าอย่างมังกรกระดูกได้พลิกตัวกลับไปปกป้องลิชคิงไว้ มันพ่นลมหายใจแห่งความตายออกมา เพียงครั้งเดียวก็สามารถเผาไหม้ผู้เล่นได้หลักพันคนเลย!
“ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันเชื่อเซียวเฟิง ดูเหมือนว่าผู้เล่นที่อยู่บนอากาศจะไม่โดนผลของการลดพลังชีวิตในพื้นที่ต้องสาปนะ ถ้างั้น… เซียวหลิง แจ้งไปที่เสี่ยวไป๋ ว่าให้เธอลองหยุดลิชคิงดู!”
หลิวเฉียงเหว่ยส่ายหน้า เธอปฏิเสธคำแนะนำของซือเยี่ยจิ๋งและหันไปหาเซียวหลิงต่อ
“ฉันจะลองดู!”
เซียวหลิงตะโกนไปยังเสี่ยวไป๋ที่อยู่เหนือประตูเมืองแห่งความโศกเศร้าและถ่ายทอดคำพูดของหลิวเฉียงเหว่ยให้อีกฝ่ายฟัง
เสี่ยวไป๋หันกลับมามอง จากนั้นเจ้าตัวก็เลิกที่จะสู้กับราชากระดูกคิงคองและกระพือปีกทั้งหกเพื่อพึ่งไปหาลิชคิงทันที!
“โฮกกกก!”
ความเกลียดชังของราชากระดูกคิงคองนั้นยังอยู่บนตัวเสี่ยวไป๋ เพราะงั้นมันจึงไม่รอช้าที่จะไล่ตามเสี่ยวไป๋ไปอย่างรวดเร็ว นำพาความโล่งใจมาให้ผู้คนบนป้อมปราการนิดหน่อย
ความเร็วของเสี่ยวไป๋นั้นนับว่าสูงมาก ๆ ดังนั้นเธอจึงสามารถเข้าหาตัวลิชคิงได้แทบจะชั่วพริบตา ดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ลุกโชนด้วยเปลวเพลิงแห่งพระเจ้าถูกง้างขึ้นหมายจะสับลงไปที่ลิชคิงอย่างรุนแรง
“กรรร!!”
ทว่ามังกรกระดูกที่เหมือนจะรอจังหวะนี้อยู่แล้วเนิ่นนาน หลังจากที่มันฆ่าผู้เล่นด้วยลมหายใจแห่งความตายไปแล้ว มันก็กลับมาป้องกันการโจมตีของเสี่ยวไป๋ให้ผู้เป็นนายด้วยร่างกายที่ใหญ่โตของมัน พร้อมกับโต้กลับเสี่ยวไป๋ด้วยกรงเล็บขนาดใหญ่ปด้วย!
เคร้ง!
ร่างที่เล็กเหมือนเด็กของเสี่ยวไป๋เสมือนโดนรถสิบล้อขนาดใหญ่ชน เธอพุ่งกระเด็นออกไป และในขณะที่ร่างของเธอกำลังกระเด็นลอยอยู่ในอากาศนั้น มังกรกระดูกก็อ้าปากกว้างพร้อมกับพ่นลมหายใจที่ร้อนระอุออกมา ทำให้เสี่ยวไป๋ที่ไม่สามารถหลบไปไหนได้ถูกเผาไหม้ไปเต็ม ๆ
สภาพของเธอไม่ต่างจากว่าวที่เสียการควบคุม เด็กสาวลอยเป๋ไปเป๋มาพร้อมกับพลังชีวิตที่เหลือไม่ถึงครึ่งหลอดแล้ว!
“เสี่ยวไป๋!”
เห็นเช่นนั้นเซียวหลิงก็ร้องออกมาด้วยความกังวลใจ ส่วนหลิวเฉียงเหว่ยก็ได้แต่กำหมัดแน่น
ซู่ม!!
ขณะนั้นเอง เสียงของลมที่ถูกแหวกก็ดังขึ้นบนฟากฟ้า สายลมเหล่านั้นนำพาซึ่งกระแสลมที่รุนแรงให้พัดโถมเข้าใส่ทุกอย่าง ก่อนจะเผยให้เห็นเงาสีขาวที่กระโจนเข้าใส่เสี่ยวไป๋อย่างรวดเร็ว!
สิ่งนั้นขาวสะอาด สูงใหญ่และสวยสง่า มันคือยูนิคอร์นแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์!
“นั่น เสี่ยวเสวีย!”