บทที่ 399 วิกฤต
บทที่ 399 วิกฤต
ปีกสีขาวขนาดใหญ่จำนวนหกปีกสยายออกจากกลางหลังของเสี่ยวไป๋ ขนนกสีขาวฟูนุ่มล่องลอยออกมาเสมือนปุยหิมะยามเมื่อปีกเหล่านั้นได้กระพือไปในอากาศ ในตอนนั้นเกราะที่อยู่บริเวณกระโปรงสีเงินของเสี่ยวไป๋ก็ยืดขยายออกไปปกปิดลายส่วนมากขึ้น ยกเว้นจุดที่เป็นข้อพับ อย่างข้อศอก หรือข้อมือ มันถูกปกคลุมไปด้วยผ้าสีขาวแทน ซึ่งทำให้เพียงไม่นาน ร่างของเธอก็เต็มไปด้วยชุดเกราะสีเงินดูงามตาทั้งหมด!
ขณะเดียวกันนั้นเอง มือขวาของเสี่ยวไป๋ก็เปล่งแสงสีทองสว่างจ้าออกมา ยามเมื่อแสงนั้นก่อตัวเป็นรูปร่างเรียบร้อยแล้ว ดาบขนาดใหญ่กว่าประตูก็ปรากฏขึ้นมาในมือของเธอ มันดูทรงพลังมาก ๆ เช่นเดียวกับในมือซ้ายเองก็เปล่งแสงสว่างจ้าก่อนจะกลายเป็นโล่ขนาดสูงกว่าตัวเสี่ยวไป๋เมื่อแสงสว่างนั้นก่อตัวคงที่ หากนางฟ้าตัวน้อยหันข้างล่ะก็ โล่นี้ก็จะบดบังตัวเธอไว้อย่างมิดชิดเลยทีเดียว…
ตู้ม!
ทันทีที่เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง ผู้เล่นที่อยู่ด้านบนป้อมปราการนั้นต่างต้องรีบปิดหูเอาไว้ในเวลาอันสั้น ทำให้ไม่มีใครสังเกตเลยว่าเสี่ยวไป๋ได้หายไปจากฟากฟ้าแล้ว
เธอไปปรากฏตัวอีกครั้งด้านหน้าบอสระดับเทพเจ้าที่กำลังวิ่งเข้าใส่ประตูเมือง ดาบขนาดใหญ่ในมือของนางฟ้าตัวน้อยก็ลุกโชนไปด้วยไฟศักดิ์สิทธิ์ที่มีความยาวกว่าสิบเมตร จังหวะนั้นเอง เธอก็ใช้ดาบเล่มยักษ์ผ่าลงไปที่บอสตัวดังกล่าวอย่างไม่ลังเล!
“นะ…นั่น…นางฟ้าหกปีก?!”
“สัตว์เลี้ยงระดับตำนานของเจ้าแห่งฮีลเลอร์! สัตว์เลี้ยงที่เป็นอันดับ 1 ในอันดับสัตว์เลี้ยงทั้งเซิร์ฟเวอร์! มันอยู่กับกิลด์มิดซัมเมอร์เองเหรอเนี่ย!”
“นางฟ้าตนนั้นกำลังเข้าต่อสู้กับบอสระดับเทพเจ้างั้นเหรอ? มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน?!”
“ว่ากันว่าพลังโจมตีของนางฟ้าตนนั้นสูงมากเลยนะ! ขั้นต่ำก็มีหลักพันแล้ว! เมื่อครั้งล่าสุดในการต่อสู้ระหว่างแอนติควิตี้กับกิลด์มิดซัมเมอร์ สกิลพื้นที่เพียงครั้งเดียวของเธอก็ฆ่าสมาชิกของแอนติควิตี้นับไม่ถ้วนเลยล่ะ!”
“เธอเป็นถึงสัตว์เลี้ยงในตำนานเลยนะ! ตำนานเลยนะเว้ย! ถ้าเทียบเป็นอุปกรณ์เธอก็อยู่ในระดับอาร์ติแฟกต์แล้ว! มันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอถ้าการโจมตีธรรมดาของเธอจะแตะหลักพันได้น่ะ? ยิ่งไปกว่านั้น เผ่าพันธุ์ของเธอเองก็สูงส่งมาก ๆ ด้วย! เธอเปรียบเสมือนจุดสูงสุดของสิ่งมีชีวิตไปแล้ว เพราะงั้นถ้าจะมีสกิลระดับพิเศษเช่นนั้นอยู่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรแล้ว! ผู้เล่นอย่างเรา ๆ ตอนนี้น่ะไม่มีทางสู้เธอได้หรอก จะว่าไป ฉันก็เคยได้ยินมาแว่ว ๆ เหมือนกันนะว่าเขตอเมริกาเหนือเองก็มีสัตว์เลี้ยงมังกรระดับเทพเจ้าอยู่ที่สามารถโจมตีได้ทีละเป็นพัน ๆ ในการต่อสู้กับผู้เล่น มันก็สามารถฆ่าผู้เล่นได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเหมือนกันด้วย”
“แต่ก็ใช่ว่าเธอจะสามารถสู้กับบอสระดับเทพเจ้าได้นะ! ถึงแม้ว่าเธอจะอยู่ในระดับตำนานที่สูงกว่าระดับเทพเจ้าไปอีก แต่เธอก็ยังเป็นสัตว์เลี้ยง ความสามารถของสัตว์เลี้ยงถูกจำกัดไว้เยอะขนาดไหนนายก็รู้ ไหนจะเลเวลอีก ถ้าศัตรูเป็นบอสระดับทั่วไปหรือระดับสูงมันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่นี่อีกฝั่งเป็นถึงบอสเทพเจ้าเลเวล 50 เลย ยังไงเสียเธอก็ไม่มีทางชนะแน่ ๆ! เธอไม่มีอะไรทัดเทียมบอสพวกนั้นได้เลย ไม่ว่าจะเป็นพลังโจมตี พลังป้องกันหรือพลังชีวิต! บางทีการโจมตีของเธออาจจะทะลวงเกราะป้องกันของบอสเลเวล 50 ไปไม่ได้เสียด้วยซ้ำ! ความต่างชั้นมันมากเกินไป!”
“เย็นไว้ก่อน สังเกตการณ์ไปเรื่อย ๆ อย่างน้อยเธอคนนี้ก็ไม่น่าจะถูกฆ่าตายง่าย ๆ เหมือนผู้เล่นแน่ ๆ เธอจะต้องซื้อเวลาให้พวกเราได้อย่างแน่นอน”
ด้วยความที่เสี่ยวไป๋นั้นมีชื่อเสียงมาตั้งนานแล้ว ดังนั้นการปรากฏตัวของเธอจึงดึงดูดความสนใจจากผู้เล่นทุกคนที่ได้พบเห็นตั้งแต่บนป้อมปราการ ไม่ว่าเธอจะไปโผล่ที่ไหน ผู้เล่นบริเวณนั้นต่างก็จะหันมองเธอ ไม่ว่าจะด้วยการที่เธอเป็นสัตว์เลี้ยงนางฟ้าหกปีกที่ครองอันดับ 1 ในอันดับสัตว์เลี้ยง หรือจะเป็นการที่เธอเคยปรากฏตัวในการต่อสู้ระหว่างแอนติควิตี้และกิลด์มิดซัมเมอร์ มันเลยทำให้ผู้เล่นหลายคนต่างคุ้นหน้าคุ้นตากับเธอผู้นี้เป็นอย่างดี
ในระหว่างที่ผู้เล่นกำลังถกเถียงกันอยู่ เสี่ยวไป๋ก็เริ่มเข้าต่อสู้กับบอสระดับเทพเจ้าที่กำลังวิ่งเข้าชนเมืองแล้ว!
มันคือราชากระดูกคิงคอง ที่สูงราว ๆ เจ็ดถึงแปดเมตร หรือประมาณตึกสี่ชั้น มือของมันก็ถือดาบเล่มยักษ์เอาไว้ด้วย หลังจากที่เสี่ยวไป๋ปรากฏตัว มันก็เปลี่ยนความเกลียดชังมาลงที่เธอทันที สัตว์ร้ายตนนั้นขู่คำรามก่อนจะทะยานเข้าใส่เสี่ยวไป๋ที่กำลังร่อนตัวลงมาอย่างไม่รีรอ
“โฮกกกก!”
-9,000!
-900
-900
-900
…
นั่นเป็นความเสียหายที่เสี่ยวไป๋สามารถโจมตีเข้าใส่ราชากระดูกคิงคองเพียงการฟันครั้งเดียว ดาบศักดิ์สิทธิ์ที่มีไฟแห่งพระเจ้าลุกโชนนั้นยาวเกือบจะสิบเมตร
ไม่เพียงแต่มันสามารถสร้างความเสียหายได้เฉียดหมื่นต่อการฟาดฟันแต่ละครั้ง แต่ไฟศักดิ์สิทธิ์ที่ลุกอยู่รอบตัวดาบก็ยังทำให้ร่างของราชากระดูกคิงคองลุกไหม้ไปด้วย มันเป็นความเสียหายอย่างต่อเนื่องจนตอนนี้ แม้จะเป็นบอสระดับเทพเจ้าก็เจ็บหนักได้เช่นกัน!
“เดี๋ยวสิ! ดูนั่น! ความเสียหายที่เธอสร้างได้สูงมาก ๆ! อย่าบอกนะว่าเธอคนนั้นจะสามารถจัดการบอสได้จริง ๆ!”
“เฮ้ย! ความเสียหายบ้าอะไรวะนั่น! น่าตกใจจริง ๆ! สมแล้วที่เธอเป็นสัตว์เลี้ยงในตำนานที่ครองอันดับ 1 มาตลอด!”
“ไม่ ๆ นายควรจะบอกว่า เธอสมควรแล้วที่เป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้าแห่งฮีลเลอร์! ความไร้เทียมทานของเธอไม่ต่างอะไรกับผู้เป็นเจ้าของเลย!”
กลุ่มของผู้เล่นที่อยู่บนป้อมปราการต่างพากันช็อก ไม่แม้แต่ชินห่าวเองก็ยังต้องหยุดการโทรศัพท์ไว้ก่อนและขมวดคิ้วมองนางฟ้าหกปีกที่กำลังเข้าต่อสู้กับบอสอย่างละสายตาไม่ได้
“โฮก!”
ราชากระดูกคิงคองคำราม มันยกดาบขึ้นสนิมของมันเพื่อป้องกันการโจมตีของเสี่ยวไป๋ก่อนจะพยายามตอบโต้เธอกลับบ้าง
เคร้ง!
-1!
เสี่ยวไป๋ยกโล่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวเธอขึ้น และนำร่างกายเล็ก ๆ ของตนไปหลบหลังมันเพื่อให้โล่นั้นรับการโจมตีแทนให้ แม้ตัวเธอจะเล็กกว่าโล่นั้นมาก ๆ แต่การโจมตีของราชากระดูกคิงคองก็ไม่ทำให้โล่นั้นขยับไปไหนได้เลย!
“พระเจ้า! ดูพลังป้องกันของเธอสิ! ขนาดรับการโจมตีระดับนั้นได้ แถมยังแทบจะไม่ได้รับความเสียหายเลยอีก! นั่นมันบอสเทพเจ้าเลเวล 50 เลยนะ!”
“ไม่อยากจะเชื่อเลย! เธอทรงพลังมาก ๆ ทรงพลังเกินไปจนฉันเริ่มจะกลัวแล้ว! นี่มันเข้าข่ายไร้เทียมทานจริง ๆ แล้วนะเว้ย!”
“ไม่หรอก! ดูดี ๆ นั่นน่าจะเป็นสกิลประเภทป้องกันที่สั่งใช้งานเพื่อรับการโจมตีเมื่อครู่นี้ เพราะถ้าต่อให้เป็นบอสระดับตำนานเลเวล 50 ยังไงการโจมตีของบอสเทพเจ้าเลเวล 50 ก็ต้องทะลุเกราะและทำความเสียหายได้บ้าง! แล้วยิ่งเธอเป็นแค่สัตว์เลี้ยงด้วย!”
“ใช่แล้ว ดูนั่น เห็นไหม ที่โล่ของนางฟ้ามีแสงสลัว ๆ อยู่ แค่นี้ก็น่าจะชัวร์แล้วว่าเธอป้องกันการโจมตีเมื่อครู่นี้ด้วยสกิล เพราะงั้นเธอไม่น่าจะสามารถสู้นาน ๆ ได้!”
“แล้วก็นั่นอีก พลังชีวิตของเธอปรากฏขึ้นมาแล้ว เธอมีพลังชีวิตแค่ 16,400 หน่วยเอง! เทียบกับเลือดที่มีเป็นล้าน ๆ ของบอสแล้วมันคนละเรื่องกันเลย!”
“บ้าเอ้ย! ฉันลืมเรื่องสำคัญไปอีกเรื่องหนึ่ง เลเวลของเธอน่ะ น่าจะสอดคล้องกับเลเวลของเจ้าแห่งฮีลเลอร์! เธอไม่สามารถมีเลเวลสูงกว่าเจ้าของได้ นั่นหมายถึง เลเวลของเธอน่าจะอยู่ที่ราว 30 กว่า ๆ เท่านั้น! เพราะงั้นตอนนี้ยังถือว่าค่าสถานะของเธอต่ำมาก!”
“อย่าบอกนะว่า นางฟ้าตนนี้ก็จะไม่ใช่สัตว์เลี้ยงระดับตำนานที่ครองอันดับ 1 ได้อีกต่อไป? ตราบใดก็ตามที่เจ้าแห่งฮีลเลอร์ไม่กลับเข้าเกมมาเก็บเลเวลให้เธอ เธอก็จะอยู่ได้แค่ระดับนี้งั้นเหรอ? แม้ว่าตอนนี้พลังโจมตีของเธอจะสูงมาก ๆ แต่หลังจากที่ผู้เล่นก้าวไปสู่อีกระดับหนึ่ง เธอก็จะไม่น่ากลัวอีกต่อไปใช่หรือเปล่า?”
“ใช่! อย่างงั้นแหละ! ฉันไม่รู้ว่าทำไมเจ้าแห่งฮีลเลอร์ถึงยอมลงทุนกับกิลด์มิดซัมเมอร์ขนาดนี้ เขาทิ้งทุกอย่างที่เขาได้จากในเกมให้มิดซัมเมอร์หมดเลย ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์หรือสัตว์เลี้ยง ขนาดเมืองแห่งความโศกเศร้าและอำนาจของเขาเองก็ด้วย! ทั้งหมดที่มีตอนนี้ ถือเป็นเครื่องยืนยันถึงความเป็นตำนานของเจ้าแห่งฮีลเลอร์ได้เป็นอย่างดี!”
กลุ่มของหัวหน้ากิลด์แห่งสัมพันธมิตรฟากใต้ถอนหายใจและมองไปยังเสี่ยวไป๋ที่กำลังต่อสู้อยู่ กระนั้นประโยคท้ายสุดที่พวกเขาพูดกันก็ดันไปเข้าหูหลิวเฉียงเหว่ยเสียได้ แม้ว่าแววตาสวยจะไม่มีความเปลี่ยนแปลงใด ๆ แต่จริง ๆ แล้ว เธอก็แอบกำหมัดแน่นอยู่อย่างลับ ๆ
“ปัญหามาอีกแล้ว! หลังจากที่เราสูญเสียกลุ่มนักบวชสองกลุ่มนั้นไป ดูเหมือนว่า NPC จะเริ่มรับความเสียหายต่อไม่ได้แล้วล่ะ! ถ้าหากไม่ใช่เพราะบอสมันหันมาสนใจประตูเมืองแทน ป่านนี้ NPC อาจจะกลายเป็นกลุ่มแสงกันไปแล้ว!”
“เร็วเข้า! นักบวชกลุ่มอื่นของกิลด์นายมีอีกไหม? รีบ ๆ เคลื่อนย้ายพวกเขามาที่นี่เลย!”
“เพิ่มกลุ่มของนักรบโล่เข้าไปด้วย! แค่ครั้งนี้เท่านั้น ให้พวกเขาเตรียมสละชีวิตได้เลย! ถอดอุปกรณ์ออกให้หมด! เพราะไม่ว่าจะมีอุปกรณ์หรือไม่มี พวกเขาก็ถูกฆ่าตายในการโจมตีครั้งเดียวอยู่แล้ว! แต่เพราะผลของเมืองแห่งความโศกเศร้า เราจะเสียค่าประสบการณ์แค่ 10% เท่านั้น เพราะงั้นถือว่าเล็กน้อยมาก!”
“ใช่เลย ใช่! ส่งข้อความเข้าไปในช่องแชตกิลด์! เติมเต็มนอกเมืองด้วยผู้เล่นไปก่อน! ยื้อเวลาไว้ให้ได้นานที่สุด!”
ความตึงเครียดแผ่ขยายไปทั่วทั้งป้อมปราการ เหล่าหัวหน้ากิลด์เริ่มจะกังวลกับสถานการณ์ขึ้นมาอีกครั้ง และเช่นเดิม มีเพียงชินห่าวที่ยังคงยิ้ม
หลังจากกลุ่มนักบวชทั้งสองถูกกำจัดไป พลังชีวิตของกัปตันโบลตันก็มีแต่จะลดลงเรื่อย ๆ แถมยังลดลงในปริมาณที่มากขึ้นอีก บิชอปในชุดสีแดงที่มีพลังป้องกันต่ำยิ่งรู้สึกแย่ไม่ต่างกับผู้เล่นคนอื่น เพราะพวกเขาได้แต่มองหนึ่งในหัวหน้าภาคีพาลาดินที่เป็นเพียงบอสระดับทั่วไปกำลังจะตายลงในไม่ช้า
บอสที่กำลังโจมตีกัปตันโบลตันอยู่นั้นเป็นถึงระดับเทพเจ้า ส่วนบอสที่น่ากลัวที่สุดอย่างลิชคิงยังไม่เริ่มโจมตีใด ๆ
“พวก NPC กำลังจะตาย! ทำไมการสนับสนุนยังไม่มาถึงอีกล่ะ!”
“ท่านหัวหน้าโรส เราควรทำอย่างไรดีครับ!”
นักบวชบางกลุ่มรีบเข้าไปเพื่อเพิ่มพลังชีวิตให้เหล่า NPC ไปพลาง ๆ ในขณะที่ผู้เล่นจำนวนนับไม่ถ้วยจากหลาย ๆ กิลด์ก็วิ่งออกจากเมืองไปเพื่อปราบมอนสเตอร์ระดับสูงนับหมื่นตัว อย่างไรก็ตาม สถานการณ์มันก็ไม่ได้ดีขึ้นแต่อย่างใด เพราะสิ่งที่พวกเขาทำนั้นมันก็เป็นเพียงการยื้อเวลาเท่านั้น ไม่มีแม้แต่ความหวังว่าจะชนะเลย สิ่งเดียวที่พวกเขาหวังไว้ตอนนี้ ก็คือ อย่าให้ลิชคิงโจมตีเข้ามา ณ จุดที่ทุกคนไม่สามารถรับมือได้ ไม่งั้นความวุ่นวายจะไม่สามารถควบคุมได้อีก
“ไม่ต้องกังวล ฉันเชื่อในสัญชาตญาณของฉัน”
หลิวเฉียงเหว่ยเปิดปากพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น และมันก็ทำให้หัวหน้ากิลด์คนอื่น ๆ รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมานิดหน่อย อย่างไรก็ตาม แม้แต่เธอเองก็ยังไม่มีความคิดใด ๆ เธอได้แต่มองไปยังทิศทางของแท่นเทเลพอร์ตอยู่หลายครั้งหลายครา กระนั้นมันก็ยังไร้วี่แววของความหวัง
ในตอนนี้เธอคิดถึงเซียวเฟิงมาก ๆ เพราะไม่ว่ากี่ครั้งที่เธอต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่มันเกินความสามารถ ชายหนุ่มก็จะคอยเข้ามาแก้ไขให้อยู่ทุกครั้งไป
แต่ตอนนี้เซียวเฟิงไม่ได้อยู่ในเขตฮัวเซีย ดังนั้นหลิวเฉียงเหว่ยจึงทำได้เพียงมองไปยังเสี่ยวไป๋ที่อยู่ด้านนอกเมืองเช่นเดียวกับเซียวหลิง เพราะเสี่ยวไป๋เป็นสัตว์เลี้ยงของเซียวเฟิง ยามที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไร้ซึ่งเขานั้น มีเพียงเสี่ยวไป๋เท่านั้นทำให้เธอรู้สึกเหมือนได้เห็นดวงอาทิตย์ที่คอยมอบแสงสว่างให้
“เสี่ยวไป๋!”
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้ยินเสียงกรีดร้องของเซียวหลิงที่เปี่ยมไปด้วยความตกใจ หลิวเฉียงเหว่ยก็รีบหันไปมอง แล้วเธอก็พบว่าโล่ศักดิ์สิทธิ์ในมือของเสี่ยวไป๋นั้นหายไปแล้ว และมันทำให้เธอโดนโจมตีโดยดาบของราชากระดูกคิงคองเข้าไปเต็ม ๆ ร่างเล็กของนางฟ้าตัวน้อยกระเด็นพุ่งกลับมาราวกับลูกศรพร้อมกับพลังชีวิตเหนือหัวที่หายไปถึง 20% เลย!
หัวใจของหลิวเฉียงเหว่ยแทบจะระเบิด ณ ตอนนั้น
“ไอ้เวรเอ้ย! พวกนั้นมันใครน่ะ! หยุดเขาเดี๋ยวนี้เลย! อย่าให้มันเข้าใกล้ลิชคิงได้!”
ขณะเดียวกัน หัวหน้ากิลด์ที่อยู่ใกล้ ๆ บนป้อมปราการก็เริ่มตะโกนหลังจากที่พวกเขาดูภาพจากวีดีโอถ่ายทอดสด พวกเขาเห็นผู้เล่นกลุ่มหนึ่งที่เพิ่งจะฆ่ามอนสเตอร์ระดับสูง กำลังปลีกตัวออกจากความวุ่นวายแล้ววิ่งเข้าไปหาลิชคิงที่อยู่ด้านหลัง! จุดประสงค์ของคนเหล่านี้ค่อนข้างชัดเจน!
“บ้าเอ้ย! รีบหยุดพวกมันให้ได้! พวกนั้นมาจากกิลด์ไหนน่ะ? เป็นบ้าไปแล้วหรือไง! อย่าเข้าใกล้ลิชคิงเชียวนะโว้ย!”
ลิชคิงนั้นถือเป็นไพ่ตายใบสุดท้ายของทัพแห่งความมืด และมันไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมกับการต่อสู้ก่อนหน้าเลย การที่มันยืนอยู่นิ่ง ๆ นั้นทำให้ไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่ามันกำลังเฝ้ามองการต่อสู้อยู่ หรือเพราะระยะความเกลียดชังของมันมาไม่ถึงตัวผู้เล่นกันแน่
แต่ไม่ว่าอย่างไหน มันก็ถือเป็นเรื่องที่ดี และพวกเขาก็หวังว่าลิชคิงจะไม่ยื่นมือเข้ามาในการต่อสู้ครั้งนี้ เพราะรู้กันดีว่าพลังของบอสระดับตำนานนั้นไม่ใช่สิ่งที่สามารถจินตนาการตามได้อย่างแน่นอน!
ดังนั้นแล้วเหล่าหัวหน้ากิลด์ทั้งหมดจึงเน้นย้ำลูกกิลด์ของตนให้พึงระวังอย่าเข้าใกล้ลิชคิงไม่ว่าจะด้วยการเดินผ่านหรือการโจมตีใด ๆ ก็ตามโดยเด็ดขาด ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ไปกระตุ้นความเกลียดชังของมัน
“พระเจ้า! คนพวกนั้นไม่ได้มาจากกิลด์ของพวกเรานะ! พวกมันซ่อนชื่อกิลด์เอาไว้! เวรเอ้ย! แสดงว่ามีใครกำลังจะตลบหลังเรา! พวกมันจงใจไปยั่วยุลิชคิง!”
และแล้วหัวหน้ากิลด์เหล่านี้ก็ตระหนักได้ถึงความผิดปกติ พวกเขาได้แต่ตกตะลึงกันหมด!
ผู้เล่นที่ซ่อนชื่อกิลด์เอาไว้เหล่านั้นเป็นนักรบโล่ทั้งหมด พวกเขามุ่งหน้าไปยังลิชคิง และเพราะลิชคิงอยู่แนวหลัง ระแวกนั้นจึงไม่มีมอนสเตอร์ใด ๆ ที่ต้องฝ่าด่าน มันจึงกลายเป็นเรื่องง่ายมากที่จะเข้าถึงตัวลิชคิงและใช้สกิลยั่วยุใส่ในเวลาเดียวกัน!
นักรบโล่เหล่านั้นใช้สกิลยั่วยุใส่ลิชคิงพร้อม ๆ กันเพื่อกระตุ้นความเกลียดชังของมันให้ตื่นขึ้นมา!