บทที่ 453 หลี่หรงมาทำงานสาย

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

บทที่ 453 หลี่หรงมาทำงานสาย

บทที่ 453 หลี่หรงมาทำงานสาย

อวี้ฮ่าวหรานเก็บของ จึงเห็นสีหน้าอ่อนระโหยของอีกฝ่ายเมื่อเผลอเงยหน้ามอง

อะไรทำให้เธอผล็อยหลับไปทั้งยังกินบะหมี่ไม่หมดกัน? ความสงสัยผุดขึ้นในใจเขา

หลังเก็บกวาดโต๊ะเรียบร้อย เขาจึงนั่งลงบนโซฟาและแตะตัวปลุกเธอ

“หืม…มีอะไรเหรอ…?”

หลี่หรงตาปรือ เมื่อหันไปมองและเห็นว่าเป็นพี่เขย เธอจึงตื่นเต็มตามากขึ้น

“พี่เขย…กลับมาแล้วเหรอ?”

“อืม ทำไมถึงมาหลับอยู่บนโซฟาได้ล่ะ? ยังไม่ได้อาบน้ำเลยนี่”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้ารับ

หลี่หรงท่าทีงุนงง เมื่อย้อนนึกจึงจำได้ว่าเธอผล็อยหลับไประหว่างกินบะหมี่

“อ้าว…แล้วบะหมี่ฉันไปไหนล่ะ? ฉันยังทานไม่หมดเลย”

เธอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แต่ไม่พบถ้วยบะหมี่ของตน อวี้ฮ่าวหรานถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้เห็น

ถึงอย่างไรเธอก็เป็นถึงนายใหญ่ของบริษัท เหตุใดถึงได้ทำให้คนมองรู้สึกสงสารขนาดนี้?

“พี่ทิ้งไปแล้ว ถ้าเธอยังหิว เราออกไปทานข้างนอกด้วยกัน เธออายุเท่าไหร่แล้ว? ร่างกายจะแย่เอาได้”

เขารู้สึกว่าตนต้องดูแลอีกฝ่ายในฐานะพี่เขยที่ดี

“แต่…แต่พรุ่งนี้ฉันงานยุ่ง ออกไปกินคงไม่ทัน เรื่องในบริษัทมันวุ่นวายมากเลย”

“ควบรวมกิจการคราวก่อนก็เป็นไปได้ด้วยดีไม่ใช่เหรอ? ทำไมเธอถึงยังยุ่งอยู่ล่ะ?”

อวี้ฮ่าวหรานงุนงง หลังจากเขาช่วยฮัวหรงไปครั้งก่อน สิ่งต่าง ๆ น่าจะผ่านพ้นไปได้อย่างราบรื่น

“ไม่ใช่ว่ามีปัญหาหรอกพี่เขย กิจการที่ควบรวมต้องใช้การจัดการขั้นสูง หลังจากบริษัทฉันคัดเลือกและไล่พนักงานออก ก็เหลือผู้จัดการระดับสูงไม่มาก

หลี่หรงตัดสินใจเล่าให้พี่เขยฟัง

“มันยากที่ฉันจะหาว่าคนเพิ่งควบรวมเข้ามาแอบทำอะไรเอาไว้ มีหลายคนที่ต่อต้านการตัดสินใจของฉันด้วยเหตุผลต่าง ๆ นานา”

“เธอเลยเป็นกังวลเหรอ?”

อวี้ฮ่าวหรานเข้าใจสถานการณ์ของเธอในทันที

“ใช่ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องวุ่นวาย ยากจะรับมือกับคนเก่าคนแก่น่ะ”

หลี่หรงคอตก ท่าทีดูเคร่งเครียด

ทันทีที่ควบรวมกิจการให้ใหญ่ขึ้น ปัญหาก็มีมากขึ้นตาม

เธอยินดีที่จะสนันสนุนเรื่องนี้ในตอนแรก และไม่ได้นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้

“ในเมื่อรับมือยากก็ไล่ออกไปเลยสิ”

อวี้ฮ่าวหรานอดนิ่วหน้าไม่ได้ เขาซื้อบริษัทให้หลี่หรง ทว่าไม่ต้องการให้มันมาทำให้เธอลำบากเช่นนี้

“ไม่ได้นะ! พี่เขยจะไล่ออกใครได้ตามใจได้ยังไง? หลายคนเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท ถ้าไม่สามัคคีกันต่อไปจะตัดสินใจทำอะไรคงจะยากขึ้น”

หลี่หรงหน้างอขณะเอ่ยท้วง หญิงสาวคิดแผนมากมายในหัว หากแต่คงไม่สามารถแก้ไขได้ภายในข้ามคืน

“แล้วตอนนี้เธอต้องเป็นยังไงล่ะ? เหนื่อยไม่ใช่เหรอ?”

อวี้ฮ่าวหรานรู้ว่าเรื่องภายในบริษัทไม่ง่าย ตอนนี้เขาสนใจเพียงหญิงสาวตรงหน้า มากกว่ากิจการจะเดินหน้าต่อได้หรือไม่

ถึงอย่างไรหากเธอไม่ต้องการทำต่อ ยังมีครอบครัวคอยหนุนหลังอยู่

หลี่หรงตรองดูเมื่อได้ยินคำเขา

“อืม…ก็ทั้งเหนื่อยและมีความสุขค่ะ”

อวี้ฮ่าวหรานนิ่งงัน

“ฉันดีใจที่ได้เห็นบริษัทของฉันโตขึ้น แต่… คนแก่พวกนั้นก็คอยขวางทางฉันทุกวันเลย!”

หลี่หรงเห็นพี่เขยนิ่งไป เธอจึงรีบอธิบายต่อ

“อ๋อ!”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้า เขาเข้าใจแล้ว

“พรุ่งนี้เธอเรียกประชุมผู้บริหาร พี่จะไปประชุมด้วยตัวเอง”

หลังตัดสินใจเป็นมั่นเป็นเหมาะ อวี้ฮ่าวหรานก็บอกเธอเช่นนี้

“อืม แล้วบะหมี่ฉันล่ะ? ทิ้งไปแล้วจริงเหรอ?”

หลี่หรงพยักหน้ารับ ก่อนกลับไปถามเรื่องก่อน

อวี้ฮ่าวหรานเงียบพลางใช้ความคิด

“ไปกัน! ออกไปกินข้าวข้างนอกกัน!”

ความเงียบโรยตัวในค่ำคืนนั้น

กระทั่งเช้าตรู่วันต่อมา

“พี่เขย! ทำไมไม่ปลุกฉันล่ะ! เก้าโมงครึ่งแล้วนะ!”

หลี่หรงรู้สึกตัวตื่นขึ้นเมื่อแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามา

อวี้ฮ่าวหรานไปส่งถวนถวนก่อนประชุมเรียบร้อยแล้ว

“พี่เห็นเธอนอนหลับสบายเลยไม่ได้ปลุก ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพี่จัดการเรื่องวันนี้เอง”

เขามองหน้าตาตื่นของน้องภรรยาอยู่หน้าประตู ขณะเอ่ยอธิบายให้เธอสบายใจ

“ไม่ได้หรอกค่ะ…ถ้าฉันไม่ไปอีก หลายอย่างคงจัดการไม่ได้ แล้วผู้อำนวยการจะบอกฉัน…”

หลี่หรงนวดขมับ ดูเหมือนจะปวดหัวไม่น้อย

“เธอไปอาบน้ำกินข้าว! พี่จะไปกับเธอวันนี้เอง ดูสิว่าใครจะกล้าหือกับเธอ!”

อวี้ฮ่าวหรานส่งสีหน้าขึงขัง

บริษัทของเขา ต่อให้เขาไม่เข้าบริษัทกว่าครึ่งเดือน ผู้อำนวยการพวกนั้นยังไม่กล้าปริปากสักคำ!

“ได้…ได้ค่ะ”

หลี่หรงมองท่าทีมุ่งมั่นของพี่เขย พลันรู้สึกว่าสามารถพึ่งพาเขาได้ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก

อย่างน้อยในยามที่เธอลำบาก เธอยังสามารถหลบหลังชายตรงหน้าเพื่อให้ปกป้องได้

หลังมื้อเช้า อวี้ฮ่าวหรานจงใจขับรถไปถึงบริษัทอย่างช้า ๆ

“จะสิบโมงครึ่งแล้วนะ! พี่เขย รีบไปเร็ว! มีเอกสารหลายอย่างต้องจัดการ”

หลี่หรงรู้สึกกังวลเล็กน้อย

“เราก่อตั้งบริษัทและเป็นนายใหญ่นะ ต้องไปทำงานสิ”

อวี้ฮ่าวหรานยังคงพูดไม่ออกกับเรื่องนี้

“เธอไม่คิดจะฝึกความมั่นใจบ้างเหรอ? ให้พวกเขาจัดการทุกอย่างให้เธอ อย่างนั้นเธอถึงจะเป็นนายใหญ่ได้”

“หืม? เป็นไปได้ด้วยเหรอพี่เขย?”

หลี่หรงเบิกตากว้าง ราวกับไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน

“แล้ว…ตอนนี้จะหาคนอย่างนั้นได้ที่ไหนล่ะ”

เมื่อครุ่นคิดดูอย่างรอบคอบ ดูเหมือนจะไม่มีหนทาง

ต่อให้หาผู้ช่วยที่เก่งกาจได้ แต่เรื่องแบบนี้หากไม่รู้จักอีกฝ่ายอย่างถ่องแท้ ใครจะกล้าวางมือได้เต็มที่?

รู้หน้าไม่รู้ใจ…

พลาดไปเพียงก้าวเดียวอาจทำให้บริษัทต้องเผชิญวิกฤต

อวี้ฮ่าวหรานอ่านใจคนออก เขาไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการทรยศหักหลัง

“พี่จะหาผู้ช่วยให้เธอเอง”

อวี้ฮ่าวหรานคิดก่อนพบว่าความเชื่อใจเป็นปัญหาใหญ่สำหรับคนทั่วไป

ด้วยความเร็วอันเอื่อยเฉื่อย ทั้งคู่มาถึงบริษัทฮัวหรงในเวลาเกือบเที่ยง…

“อาหารที่นี่ไม่ค่อยอร่อยนะ”

อวี้ฮ่าวหรานนั่งที่โรงอาหารบริษัทฮัวหรง อดจะส่ายหน้าไม่ได้

“ไม่เอาน่า! พี่เขย พี่พยายามเอาอาหารมาข่มฉันเหรอ?”

หลี่หรงอึ้งไป อาหารที่บริษัทฮัวหรงของเธออร่อยที่สุดอยู่แล้ว!

เธอยังสั่งขึ้นไปทานเวลางานยุ่ง และมาทานอาหารที่นี่บ่อยครั้ง

“นี่ เธอว่างก็ลองไปกินข้าวที่เครือฮ่าวหรานได้เลย”

อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้พูดมากความ แต่รู้สึกว่าน้องภรรยาของตนทุ่มเทให้กับบริษัทนี้มาก

ทั้งคู่นั่งทานมื้อกลางวันด้วยกัน

พนักงานโดยรอบรู้ว่าเป็นประธานหลี่ แต่บางคนไม่รู้จักอวี้ฮ่าวหรานก็เริ่มแอบซุบซิบกันทันที

“เอ๊ะ? แฟนของประธานหลี่เหรอ? หล่อจังเลย!”

“อย่ามาเพ้อฝัน ต่อให้ไม่ใช่เขาก็ไม่ชายตามองเธอหรอก”

“แฟนอะไรกัน อย่าพูดไร้สาระ เขาเป็นพี่เขยต่างหาก เห็นว่าเก่งมากเลยล่ะ”

“…”