บทที่ 454 ประชุม

บทที่ 454 ประชุม

หลังทานอาหารเสร็จ อวี้ฮ่าวหรานค่อย ๆ เดินเข้าที่ทำงาน

“พี่เขย รีบหน่อยเร็ว…”

หลี่หรงดูเป็นกังวลตลอดทาง

“ฉันไม่ได้เข้าบริษัทช่วงเช้า มีเอกสารเยอะแยะที่ต้องจัดการ”

“ไม่ต้องรีบหรอกน่า ค่อย ๆ ก็ได้”

อวี้ฮ่าวหรานว่าเสียงเรียบ เขาต้องการเห็นว่าวันนี้ต่อให้น้องภรรยาของเขามาทำงานสาย ใครจะกล้ามีข้อครหา

ทว่าในตอนนี้เอง ชายวัยกลางคนลงพุงคนหนึ่งเข้ามาทักทายเธอ

“คุณหลี่ หาตัวยากจังครับ ทำไมถึงปิดเครื่องล่ะครับ?”

ผู้มาเยือนถามขึ้นทันที

“ปิดเครื่องเหรอคะ?”

เมื่อหลี่หรงได้ฟัง เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าโทรศัพท์ของเธอไม่ดังมาตั้งแต่เช้า

เธอรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาและพบว่ามันปิดอยู่จริง ๆ

“พี่ปิดเอง”

อวี้ฮ่าวหรานออกตัวพูดขึ้นก่อนด้วยท่าทีเรียบเฉย เมื่อเช้าเขาเห็นเธอกำลังนอนหลับสนิท เขาจึงไม่อาจให้อะไรมาปลุกเธอได้

“คุณมีปัญหาอะไรเหรอครับ?”

ชายหนุ่มก้าวไปยืนบังหลี่หรงไว้ด้วยท่าทีท้าทาย

ชายวัยกลางคนเห็นแบบนี้ ก็เผยแววไม่พอใจขึ้นมาทันที

“ผมรู้ว่าคุณมีบริษัทของตัวเอง แต่กรุณาอย่าแทรกแซงเรื่องภายในบริษัทเราด้วยครับ”

เขารู้จักชายหนุ่มตรงหน้าดี แต่ยังกล้าพูดออกไป

“การที่คุณหลี่เปิดมือถือตลอดเวลาเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับบริษัทเรา!”

หลี่หรงถึงกับสะดุ้ง

“ฉันรู้ค่ะ เมื่อคืนฉันแค่ยุ่ง ๆ”

เธอรีบอธิบายเมื่อคิดว่าตนเองผิดในเรื่องนี้ ฝ่ายตรงข้ามกลับดูเหมือนไม่ให้เกียรติเธอ

“ไม่ใช่เหตุผลที่จะมาถึงที่ทำงานตอนสิบเอ็ดโมง ผู้อำนวยการทุกคนรอให้คุณหลี่ตัดสินใจอยู่”

เขาเหลือบมองชายตรงหน้าระหว่างพูด ราวกับไม่คิดแยแส

อวี้ฮ่าวหรานสีหน้าไม่สบอารมณ์ เขาอึ้งไปเล็กน้อย

อย่างที่รู้กันว่าในบริษัทของเขา ไม่มีใครกล้าพูดกับเขาแบบนี้!

ตอนที่หวังจุนยังไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง เขาไม่ได้เข้าบริษัทสองวัน เอกสารต่าง ๆ กองค้างอยู่

แต่ก็ไม่มีใครกล้าทักท้วงกับเขาสักคน

“น่าสนใจดีนี่”

อวี้ฮ่าวหรานมองหน้าอีกฝ่ายและว่าเสียงเรียบเรื่อย หากแต่ไม่นานก็ได้เข้าใจ

แม้ภายนอกน้องภรรยาของเขาจะดูเข้มแข็ง แต่แท้จริงเธอเป็นหญิงสาวที่ยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้

ดังนั้นการกระทำของเธอจึงไม่หนักแน่นนัก เทียบกันแล้ว เฉิงชิวอวี้กลับทำได้ดีกว่าในเรื่องนี้

อย่างน้อยทุกครั้งที่เธอไปบริษัทชิวเฮิง ชายหนุ่มยังสัมผัสได้ว่าผู้บริหารระดับสูงต่างให้ความเคารพเธอ

“คุณหลี่ ผมว่าคุณต้องเข้าประชุมบอร์ดผู้อำนวยการเดี๋ยวนี้ มีเรื่องสำคัญที่คุณต้องตัดสินใจ แล้วคุณไปอธิบายเรื่องที่ขาดงานช่วงเช้ากับทุกคนจะเป็นการดีที่สุดนะครับ”

ชายวัยกลางคนว่าสำทับ คำพูดของเขาไร้ความเคารพ

“ได้! ผมเองก็คิดว่าถึงเวลาประชุมผู้บริหารระดับสูงแล้วเหมือนกัน”

ไม่รอให้คนด้านหลังตอบ อวี้ฮ่าวหรานก็โพล่งตอบขึ้น

หลี่หรงไม่รีรอเมื่อได้ยินคำของพี่เขย

“ค่ะ ตามนั้นเลย”

ไม่นานชายวัยกลางคนจึงเดินจากไปหลังได้คำตอบ อวี้ฮ่าวหรานมองแผ่นหลังอีกฝ่าย คิ้วขมวดมุ่นขึ้น

“คนที่บริษัทเธอนี่น่ารำคาญจริง ๆ”

“พี่เขย อย่าพูดอย่างนั้นเลย…วันนี้ก็เข้างานสายโดยที่ไม่ได้บอกก่อนจริง ๆ”

หลี่หรงโทษตัวเองราวกับว่าเป็นความผิดของเธอจริง ๆ

“พี่จะจัดการทุกอย่างให้ เธอวางใจได้”

อวี้ฮ่าวหรานไม่สนใจคำพูดของเธอ

“เธอเป็นนายใหญ่ของบริษัท เธอจะไม่มีสิทธิ์ได้ยังไง?”

เขามองแผ่นหลังของชายวัยกลางคนสายตาเย็นชา โดยได้หมายมาดเอาไว้ในใจแล้ว

“คนพวกนี้น่ะ พี่เห็นว่าพวกเขาไม่ให้เกียรติเธอเลย ถึงเวลาต้องกำจัดแล้ว!”

หลี่หรงนึกลังเลครู่หนึ่ง หากแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาในท้ายที่สุด

เวลาเที่ยงครึ่ง บริษัทฮัวหรงจัดการประชุมผู้บริหารระดับสูงขึ้นอย่างเป็นทางการ

การประชุมเริ่มต้นอย่างขลุกขลัก

“คุณหลี่! ผมหวังว่าคุณจะตอบกลับเอกสารที่ผมยื่นไปเมื่อวานด้วยครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก”

“วันนี้คุณหลี่ไม่ได้เข้าบริษัทช่วงเช้า งานฉันต้องรอหลายอย่างเลยนะคะ”

“คุณขาดการติดต่อไปแบบนี้ไม่รับผิดชอบต่อบริษัทเลยนะครับ หวังว่าครั้งหน้าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกนะครับ”

“…”

ผู้อำนวยการหลายคนและผู้บริหารระดับสูงเริ่มโอดครวญถึงความลำบากของตนเอง

ทุกถ้อยคำเต็มไปด้วยการตำหนิ

อวี้ฮ่าวหรานยังไม่ได้เข้ามา หลี่หรงกวาดสายตามองผู้บริหารทั้งหลายที่กำลังโวยวายกัน ทำให้อดจะรู้สึกปวดหัวไม่ได้

ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร เธอก็ไม่อาจควบคุมได้เลย

“เอาล่ะค่ะ! ทุกคนเงียบสักที!”

สิ้นเสียงของเธอ ห้องประชุมไม่ทีท่าทีจะเงียบลง

“ฉันรู้ว่าครั้งนี้เป็นความผิดฉัน แต่ฉันว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องรุนแรงไม่ใช่เหรอคะ?”

เธอหน้านิ่วและรับรู้ได้ถึงคำครหามากมายของเหล่าผู้บริหาร

การที่เธอไม่ได้เข้าบริษัทช่วงเช้าไม่มีทางทำให้เกิดผลเสีย หากแต่พวกเขากลับยังดึงดันบอกเช่นนั้น

“คุณหลี่ คุณพูดผิดแล้ว เราทุกคนจะโกหกได้ยังไง? เราแค่หวังว่าครั้งหน้าคุณจะไม่ไร้ความรับผิดชอบแบบนี้”

“ใช่ ผมมีเอกสารอีกสามกองต้องจัดการ ผ่านมาสองวันแล้ว และวันนี้ก็ถึงกำหนดแล้วด้วย”

“…”

พวกเขาต่างพูดแต่เรื่องของตนเอง ห้องประชุมตกอยู่ในความวุ่นวาย

หลี่หรงได้แต่ปวดหัว

ดูเหมือนจะเป็นความผิดพลาดที่ควบรวมกิจการทั้งที่ยังไม่มั่นคงดี

ทันใดนั้นความเงียบโรยตัวทั่วทั้งห้องประชุม ส่วนใหญ่เป็นฝ่ายบริหารหลักของบริษัทฮัวหรง

“ปัง!”

เธอตบโต๊ะเสียงดังลั่น

“เงียบหน่อยได้ไหมคะ!”

สิ้นเสียง เธอรีบยกมือขึ้น

เธอเพิ่งรู้ตัวว่าออกแรงมากเกินไปจนเจ็บมือเล็กน้อย…หากแต่ห้องประชุมก็เงียบลงไปครู่หนึ่ง

“ฉันรู้ว่าหลายคนไม่พอใจฉันค่ะ แล้วก็ต้องการใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์วันนี้ใช่ไหมล่ะคะ?”

เมื่อหลี่หรงสงบลง ร่องรอยความไม่สบอารมณ์หว่างคิ้วยังคงไม่จางหาย ซึ่งทันทีที่คำพูดของเธอหลุดออกมา ชายแก่ทั้งหลายกลับไม่สนใจแต่อย่างใด

“คุณหลี่ว่าไงนะ? ผู้หญิงอย่างคุณก่อตั้งบริษัทใหญ่โตขนาดนี้ไม่ง่าย เราจะใส่ความคุณได้ยังไง แต่ว่าคุณมีปัญหาจริง ๆ เราก็แค่ออกความเห็นเท่านั้น”

“ใช่แล้ว คุณหลี่ ดูเอกสารพวกนี้สิ มีฉบับไหนไม่ต้องการลายเซ็นของคุณบ้าง? ถ้าคุณไม่มา เราก็ดำเนินการต่อไม่ได้! ไร้ความรับผิดชอบชัด ๆ!”

“คุณหลี่ คุณพูดเหมือนเรารังแกคุณ ถ้าคุณคิดว่าไม่ใช่เรื่องดีจริง ๆ ก่อนหน้านี้คุณจะแบ่งอำนาจทำไมล่ะ?”

คำพูดที่ฟังดูสวยหรู กลับแฝงคำต่อว่าที่ทำให้หลี่หรงยิ่งรู้สึกหดหู่ใจ

อย่างไรเสียเธอเองก็ยังอายุน้อย เรื่องทำนองนี้คงจะมีฝีมือเทียบเหล่าคนแก่ตรงหน้าไม่ได้