ตอนที่ 758

Elixir Supplier

758 ตื่นเต้น

 

หวังเย้าหยุดเดินและหันกลับไปมองภายในห้องผ่านทางหน้าต่าง เจี๋ยจื้อจายยืนทองพวกเขาอยู่ภายในนั้น

 

หวังเย้ายกมือขึ้นและผลักไปยังหน้าต่างที่เปิดกว้าง ร่างของเจี๋ยจื้อจายถอยหลังไปครึ่งก้าว

 

“นั้นคือพลังเหนือธรรมชาติอย่างนั้นเหรอ?” เขาตกตะลึง

 

ชั่วขณะที่หวังเย้ายกมือขึ้น เจี๋ยจื้อจายก็รู้สึกถึงความร้อนหมุนวนอยู่ภายในร่างกาย มันคือความอุ่นร้อนและความสบาย ทันที่เขาถูกพลังบางอย่างผลักให้ถอยหลัง ความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงก็กลับคืนมา ครั้งนี้ เขาถึงกับต้องหลั่งเหงื่อเย็น

 

เขาหวาดกลัว ในตอนแรก ช่องว่างที่เกิดขึ้นอยู่ในจุดที่เขายอมรับและทําความเข้าใจได้แต่ในตอนนี้ เขาถูกผลักในขณะที่อยู่ห่างกันเกือบ 4 เมตร มันเป็นสิ่งที่อยู่เหนือจินตนาการของเขาไปไกล

 

หลายปีที่ทํางานให้กับบริษัท เขาได้เห็นอะไรมามาก มีทั้งพวกป่าเถื่อนและปรมาจารย์กังฟู แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเจอเรื่องแบบนี้ มันทําให้เขากลัว เขาสงสัยว่า หรือคนคนนี้จะเป็นพระเจ้า? นี่มันน่าตื่นเต้นมาก!

 

ตอนนี้ เจี๋ยจื้อจายต้องการให้หวังเย้าเป็นอาจารย์ของเขา ใครบ้างไม่อยากได้อาจารย์ที่วิเศษแบบนี้?

 

“โอเค ไปกันเถอะ” หวังเย้าพูด

 

เขากับจงหลิวชวนพากันเดินออกไป ส่วนเจี๋ยจื้อจายนั้นถูกทิ้งให้อยู่ในอาการช็อคและไร้เรี่ยวแรง เขาคุกเข่าอยู่ที่พื้น แต่นั่นไม่ใช่การกราบไหว้ มันเป็นเพราะอยู่ๆขาของเขาก็ไม่มีแรงต่างหาก

 

เมื่อทั้งสองเดินออกมาจากตัวบ้านแล้ว จงหลิวชวนก็ถามขึ้นมาว่า “เชียนเชิง ท่านั้นเรียกว่าอะไรเหรอครับ?”

 

“ท่าอะไรเหรอ?” หวังเย้าถาม

 

“ก็ที่คุณผลักมือไปในอากาศ แล้วทําให้เขาถอยหลังไปยังไงล่ะ” จงหลิวชวนพูด

 

“อ่อ นั่นเป็นการชกอากาศในท่าชกมวยน่ะ” หวังเย้าตอบ

 

ท่าชกอากาศที่เขาใช้เป็นเทคนิคการชกมวยที่ได้มาจากคัมภีร์มวยตระกูลโจว ส่วนการควบคุมและการหายใจนั้น ล้วนเป็นความเข้าใจในเรื่องของจุดฝังเข็ม

 

“ชกอากาศ?” จงหลิวชวนไม่เคยได้ยินมาก่อน

 

“คุณยังไม่มีความสามารถพอที่จะเรียนมัน” หวังเย้าพูด “ท่าชกมวยนี้จะฝึกได้ก็ต่อเมื่อการฝึกของคุณก้าวหน้ามากกว่านี้”

 

การออกท่าจําเป็นต้องใช้กําลังภายในเป็นตัวขับเคลื่อนและส่งพลังออกไป จงหลิวชวนเพิ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการฝึกพลังฉีเท่านั้น ซึ่งยังถือว่าอ่อนด้อยอยู่มาก

 

จงหลิวชวนรู้ถึงระดับการฝึกกังฟูของตัวเองดี เขายังเป็นคนเข้าใจอะไรได้ง่าย ถึงเขาจะรู้ว่าหากได้เรียนรู้และใช้ท่านั้นออกจะต้องได้ผลดี แต่เขาก็เข้าใจว่า การเรียนรู้กังฟูให้ลึกซึ้งจําเป็นต้องรอ

 

“จะอยู่กินข้าวด้วยกันไหมครับ?” เขาถาม

 

“ไม่ล่ะ ขอบคุณ” หวังเย้าตอบ “ผมคงต้องกลับก่อน”

 

เขาวางแผนการเดินทางไปหาซูเสี่ยวซวี ดังนั้น เขาจําเป็นต้องเตรียมการสําหรับการเดินทางเล็กน้อย

 

“จริงๆแล้ว อาทิตย์นี้ผมต้องไปปักกิ่งน่ะ” หวังเย้าพูด “ตอนที่ผมไม่อยู่ ฝากคุณดูแลหมู่บ้านด้วยนะ

 

“ได้ครับ เชียนเชิง ไม่ต้องเป็นห่วง” จงหลิวชวนพูด

 

อยู่ๆหวังเย้าก็หยุดเดินและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า “อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว”

 

ในโรงแรมแห่งหนึ่งที่เหลียนซาน เครื่องปรับอากาศถูกเป็ดจนเย็น ทําให้ภายในห้องเย็นสบาย

 

ชายคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียง ในหน้าของเขาซีดขาวเล็กน้อย รสชาติในปากของเขาทําให้รู้สึกคลื่นไส้

 

เขาถอนหายใจอย่างหนักหน่วง เขาไม่อยากทําอะไรเลย แล้วร่างกายของเขาก็แทบไม่ยอมเคลื่อนไหวเลยด้วย

 

พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำ ถูกแทนที่ด้วยพระจันทร์ที่เริ่มลอยขึ้นสูง เขาลุกขึ้นจากเตียงและดื่มยา เขาหาอะไรทานเล็กน้อยและกลับไปที่เตียงอีกครั้ง

 

คิ้วของเขาขมวดเป็นปมแน่นพร้อมกับคิดในใจ อีกแล้วเหรอ! เขาลุกขึ้นและตรงไปที่ห้องน้ำ เขาท้องเสียเจ็ดถึงแปดครั้งต่อวัน ทุกครั้งที่เขาเข้าห้องน้ำจะต้องเจอกับหนอนแมลงอยู่ตลอด ทุกครั้งที่คิดว่าพวกมันออกมาจากตัวเขา เขาก็อดที่จะขยะแขยงไม่ได้

 

บ่อยครั้งที่เขาคิดถึงสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับตนเอง ถ้าหากเขาปล่อยทิ้งไว้นานกว่านี้ สิ่งเลวร้ายพวกนี้จะต้องกัดกินอวัยวะภายใน, กระเพาะของเขา, จากนั้นก็เจาะทะลุออกมาจากร่างของเขาเพียงแค่คิดมันก็ทําให้เขาหวาดกลัวมากแล้ว

 

เขาไม่อยากคิดถึงมันอีก แต่บางครั้ง ยิ่งไม่อยากคิดถึงมากแค่ไหน มันก็ยิ่งวนเวียนอยู่ในหัวไม่ยอมหายไปเท่านั้น

 

เมื่อเขาคิดไปถึงคนพวกนั้น ความตื่นตระหนกก็ฉายอยู่ในแววตาของเขา แมลงชั่ว! พวกคนชั่ว!

 

เขารู้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นจะต้องเกี่ยวข้องกับคนพวกนั้นอย่างแน่นอน อาการป่วยที่เขาเป็นอยู่บอกให้รู้ว่า คนเหล่านั้นเลวร้ายมากแค่ไหน เขาคิด ช่างมันเถอะ ในสถานการณ์ที่แย่ที่สุด ฉันก็แค่ต้องหยุดปลูกสมุนไพรแล้วยกเขาลูกนั้นให้กับพวกมันไป หลายปีมานี้ฉันเก็บเงินได้มากพอแล้ว ฉันจะกลับไปคุยกับผู้ว่าถั่วดู ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?

 

ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เขาได้ทุ่มเทความใส่ใจทั้งหมดไปที่เขาลูกนั้น แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็รู้ว่าไม่มีอะไรสําคัญไปกว่าสุขภาพที่แข็งแรง

 

ในโรงพยาบาลประจําเมืองเหลียนชาน ชายคนหนึ่งเข้าไปที่แผนกฉุกเฉิน

 

ดวงตาของเขาแดงก่ำและบวมช้ำ หมอที่ดูอาการของเขาถาม “คุณเริ่มเจ็บตาตั้งแต่เมื่อไหร่?”

 

คนไข้คิดตามที่หมอถาม เขาตัดสินใจระยะเวลาที่แท้จริงและตอบกลับไปว่า “เอ่อ ประมาณ 10 วันได้ครับ”

 

“นี่มันทิ้งไว้นานเกินไป” หมอพูด “คุณอาจจะเสียดวงตาได้นะ”

 

“อะไรนะ?” เขาไม่อยากเชื่อ

 

“เอาแบบนี้นะครับ คุณคงต้องอยู่รักษาตัวที่โรงพยาบาลสักหลายวัน” หมอพูด

 

“โอ้ ได้ครับ” เพราะความกลัว เขาจึงตัดสินใจอยู่รักษาตัวที่โรงพยาบาล

 

ในตอนที่เขากําลังจัดการเรื่องเอกสารอยู่นั้น เขาก็เห็นหมอในชุดกาวน์ พยาบาลทักทายเขา “สวัสดีค่ะ หมอพัน”

 

“สวัสดีครับ วันนี้คุณเข้าเวรเหรอ?” พันจวินถาม

 

“ค่ะ” พยาบาลตอบ

 

“หมอพัน? ชายที่กําลังเขียนเอกสารอยู่เหลือบมองเขา เขาชี้ไปที่พันจวินและเอ่ยถามพยาบาล “เขาเป็นใครเหรอ?”

 

“นั่นเป็นหมอฟันค่ะ เขาเป็นหัวหน้าของแผนกฉุกเฉิน” พยาบาลตอบ “มีอะไรรึเปล่าคะ?”

 

ชายคนนั้นอึ้งไป เขาเคยเจอพันจวินที่คลินิกในหมู่บ้านกลางเขา ในตอนนั้น เมื่อได้ยินว่า พันจวินคือหัวหน้าแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลประจําเขต เขาก็ไม่เชื่อเลยสักนิด ไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายๆคนก็สงสัยในเรื่องนี้ ใครจะไปเชื่อว่า หมอจากโรงพยาบาลประจําเขตจะนับหมออายุน้อยคนหนึ่งเป็นอาจารย์ได้?

 

เรื่องนี้ทําให้เขาคิดได้ในทันที เขารักษาตาของฉันได้! เขาตัดสินใจไม่เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลและขี่มอเตอร์ไซด์มุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านกลางเขาในทันที

 

“โอ้ คุณกลับมาแล้ว!” หวังเย้ายิ้มให้กับชายที่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อตรงหน้าเขา

 

ถึงแม้ว่าชายคนนี้จะใส่แว่นตาอยู่ แต่เขาก็สามารถบอกได้ว่า สภาพดวงตาของเขานั้นแย่ลงกว่าเดิม

 

เขาพูดออกว่าด้วยท่าทีวิตกกังวล “หมอ ผมยินดีซื้อยา”

 

“ทําไมอยู่ๆถึงได้เปลี่ยนใจละครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ผมไปที่โรงพยาบาลเขตมา แล้วก็เห็นหมอพันที่นั่นน่ะ” เขาพูดออกไปตามตรง “ผมขอโทษ ผมไม่ควรสงสัยในตัวหมอเลย”

 

“อ้อ นั่นเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วนะครับ” หวังเย้าพูด

 

สุดท้าย เขาก็จ่ายเงินหนึ่งพันหยวนสําหรับยาหนึ่งขวด หวังเย้าหยดยาใส่ตาของเขาให้ด้วย

 

“ใช้ยาตัวนี้วันละสามครั้งนะครับ” หวังเย้าพูด “อย่านอนดึก แล้วก็ดูแลดวงตาของตัวเองให้ดีดีด้วย”

 

“อ้อ ได้ๆ” เขาพูด

 

“ที่ทํางานของคุณมีฝุ่นเยอะมากเลยเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ใช่ ฉันทํางานในโรงโม่แป้งน่ะ” เขาพูด

 

“พยายามเลี่ยงการอยู่ใกล้ที่ที่มีฝุ่นนะครับ” หวังเย้าพูด “หรือคุณอาจจะรอจนกว่าอาการจะหายดีแล้วค่อยกลับไปทํางานก็ได้”

 

เขาเอ่ยขอบคุณและจากไปพร้อมกับขวดยา

 

ตัวยานั้นไม่ได้มีตัวยาอะไรมาก หวังเย้าเพียงผสมขี้ผึ้งต้วนชื่อเล็กน้อยเข้ากับน้ำแร่โบราณก็เท่านั้น ส่วนเรื่องของประสิทธิภาพนั้น มันค่อนข้างให้ผลดีทีเดียว

 

ในตอนที่เขาเดินออกมาจากคลินิก ดวงตาของเขาก็รู้สึกได้ถึงความเย็นสบาย มันไม่ได้รู้สึกร้อยและเจ็บปวดอีกต่อไป ราวกับว่าดวงตาทั้งสองข้างถูกทําความสะอาดด้วยน้ำเย็น เขาคิดถ้าฉันรู้ก่อนหน้านี้ ฉันคงจะซื้อยาตัวนี้ไปตั้งแต่ตอนนั้น แล้วฉันก็จะได้ไม่ต้องทนเจ็บตาอยู่แบบนี้ตั้งหลายวัน

 

ความเจ็บปวดในดวงตานั้นรุนแรงจนเขาแทบไม่ได้นอนในตอนกลางคืน ภรรยาและลูกของเขาคอยบอกให้เขาไปรักษา เขารู้ดีว่าหากเขาตาบอดขึ้นมาจริงๆ มันคงกลายเป็นปัญหาอย่างแน่นอน หลังจากไปถึงที่โรงพยาบาล เขาไม่คิดเลยว่า อาการของเขาจะร้ายแรงมากขนาดนี้

 

ภายในคลินิก หวังเย้าโทรหาซูเสี่ยวซวี

 

“เชียนเชิงกําลังทําอะไรอยู่คะ?” เธอถาม

 

“ผมเพิ่งรักษาคนไข้ไปคนหนึ่งนะ” หวังเย้าตอบ

 

“เป็นโรคอะไรเหรอคะ?” ซูเสี่ยวชวีถาม

 

“เป็นโรคเกี่ยวกับดวงตานะ” หวังเย้าพูด

 

“แล้วคุณจะมาเมืองหลวงเมื่อไหร่คะ?” เธอถาม

 

“ผมคงต้องรอไปอีกสักสองวัน” หวังเย้าพูด “ยังมีคนไข้ที่ได้รับการรักษาไปแล้วกลับมาตรวจอีกรอบนะ”