ตอนที่ 759

Elixir Supplier

759 กลางคืน, งู

 

หากไม่ใช่เพราะคนไข้ที่ปวยด้วยคู่ละก็ หวังเย้าก็คงสามารถเดินทางไปเมืองหลวงในวันนี้ได้เลย แมลงพิษที่อยู่ภายในร่างกายของชายคนนั้นจะถูกกําจัดออกไปในสองวันนี้ หวังเย้าต้องจัดยาอีกชุดหนึ่งสําหรับบํารุงร่างกายของเขาให้กลับมาแข็งแรงดังเดิม

 

“อ่อ งั้นฉันจะรอนะคะ” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

คนทั้งสองพูดคุยกันอยู่นานก่อนจะวางสายไป

 

อยู่ๆหวังเย้าก็คิดขึ้นมา เฮ้อ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนไข้จากเว่ยหนาน!

 

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อยามค่ำคืนมาถึง ทุกอย่างก็เงียบลง เจี๋ยจื้อจายนอนมองออกไปด้านนอนอยู่บนเตียง เขาเอาแต่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่หยุด มันน่าตื่นเต้นมาก

 

พยายามอย่างมากที่จะพลิกตัว แต่ก็ทําไม่ได้ เขาถอนหายใจและคิด ฉันอยากเรียนกับเขาจริงๆนะ!

 

ในชีวิตผู้คนมากมายมีบางสิ่งที่พวกเขาไล่ตามอยู่ ตอนนี้เจี๋ยจื้อจายมีเป้าหมายใหม่ ที่ไม่มีใครรู้ได้ในบางจุด สิ่งที่เขากําลังไล่ตามอยู่ก็ดูเหมือนจะคล้ายกับของจงหลิวชวน

 

ท้องฟ้าด้านนอกส่งเสียงครืนครั่น สายฟ้าที่ฟาดลงมาได้ทําลายค่ำคืนที่เงียบสงัดลง ฝนเริ่มโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า เม็ดฝนตกกระทบเข้ากับหลังคาและหน้าต่างจนเกิดเสียงดังลั่น

 

หลังจากผ่านไป 30 นาที พายุฝนก็สงบลง ความเงียบเข้าปกคลุมอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเจี๋ยจื้อจายก็ได้ยินเสียงแปลกๆ เขาคิดว่าบางทีมันอาจจะเป็นหนูก็ได้ ไม่นานเขาก็รู้ว่ามันเป็นเสียงของงูตัวหนึ่ง

 

ร่างกายของเขาเริ่มตื่นตัว ปกติงนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของเขา แต่โชคร้ายที่ตอนนี้เขาถูกมัดอยู่ทั้งร่างกายก็ไร้กําลัง

 

งูตัวนี้คล้ายกับได้ยินเสียงบางอย่าง มันจึงเลื่อยตรงไปที่เตียง

 

“เชี่ย! แกกําลังทําอะไร?” เจี๋ยจื้อจายตะคอกใส่งูตัวนั้น

 

งชูคอของมันขึ้นด้วยท่าทางดุร้าย มันฉกเข้าที่น่องของเจี๋ยจื้อจาย “โอ๊ย!”

 

เขาประหลาดใจที่งูเป็นฝ่ายจู่โจมก่อน แต่แล้วเขาก็เข้าใจได้ว่า มันคืองูพิษ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกงูกัด และไม่ใช่ครั้งแรกที่งูมีพิษกัดเขา เขารู้เป็นอย่างดีว่างูกตัวไหนมีหรือไม่มีพิษ

 

ร่างกายของเขาเกิดปฏิกิริยาอย่างรวดเร็ว งูตัวนี้มีพิษร้าย

 

“จงหลิวชวน!” เขาตะโกนออกด้วยกําลังทั้งหมด

 

สายฟ้าแล่นปราดอยู่บนฟ้า เสียงของเขาดูเหมือนจะถูกกลบด้วยเสียงของฟ้าร้องจนหมด

 

พิษของงูตัวนี้ออกฤทธิ์อย่างรวดเร็ว เขาคล้ายว่าจะได้ยินเสียงเปิดประตูดังขึ้น ไฟในห้องสว่างขึ้น

 

“เกิดอะไรขึ้น?” จงหลิวชวนเดินเข้ามาในห้อง

 

เมื่อเขาเปิดไฟ เขาก็เห็นงูกําลังกัดอยู่ที่น่องของเจี๋ยจื้อจาย ตัวของมันเล็กมากและยาวเพียง 15 นิ้วเท่านั้น

 

เกิดประกายวาบผ่านในตอนที่จงหลิวชวนตัดงเป็นสองท่อน หัวของงูยังคงกัดน่องของเจี๋ยจื้อจายแน่น เมื่อเขามองไปที่งูตัวนั้น เขาก็รู้ในทันทีว่ามันเป็นงูพิษที่หาได้ยาก

 

“ไม่ดีแล้ว” เขาพูด

 

จงหลิวชวนรีบหยิบมือถือขึ้นมา และกดโทรหาหวังเย้าที่อยู่บนเนินเขาหนานชาน

 

“งู? ทําไมงูพิษถึงไปอยู่ที่นั้นได้?” หวังเย้ารู้สึกแปลกใจกับเรื่องที่ได้ยิน

 

เขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านมาตลอดทั้งชีวิตของเขา เขารู้ว่ามีงอาศัยอยู่แถวนี้ แต่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่า มีงูพิษอยู่ในพื้นที่นี้ด้วย

 

แทนที่จะรีบลงไปจากเขา เขากลับไม่ไปไหนและลงมือปรุงยาขึ้นมา ในเมื่อมันมีพิษ การใช้หญ้าพิษก็คงเพียงพอ

 

หวังเย้าปรุงยาแก้พิษออกมาสองตัวด้วยความเร่งรีบ จากนั้นก็ลงไปจากเขา ลมและพายุฝนยังคงรุนแรง ฟ้าร้องและฟ้าผ่าเปล่งประกายอยู่ทั่วท้องฟ้า เพียงก้าวกระโดดก็ลงไปจากเขาได้หนึ่งก้าวที่ไปไกลถึง 3 เมตร ดังนั้นเขาจึงเดินทางได้อย่างรวดเร็ว ไม่นานเขาก็ไปถึงบ้านที่เลี้ยจื้อจายถูกขังเอาไว้

 

“เป็นยังไงบ้าง?” หวังเย้าถาม

 

“เขาหมดสติไปแล้ว” จงหลิงชวนพูด

 

เจี๋ยจื้อจายนอนอยู่บนเตียง เขาดูเหมือนจะหายใจถี่เร็วและใบหน้าเริ่มม่วง

 

หวังเย้าแปลกใจ หลังจากที่เขาได้รับโทรศัพท์ก็ผ่านไปเพียง 30 นาทีเท่านั้น เขาอาจมาช้าเพราะต้องปรุงยาก็จริง แต่เขาก็ไม่คิดว่าพิษจะรุนแรงได้ขนาดนี้

 

“หลีกไปก่อนครับ” เขาพูด

 

จงหลิวชวนเดินหลีกไปอีกด้านหนึ่ง

 

“พิษของงูตัวนี้ร้ายแรงมาก!” หวังเย้ารู้ถึงพิษของมันได้ทันที

 

“เขาจะรอดไหมครับ?” จงหลิวชวนถาม

 

“อืม พิษร้ายแรงก็จริง แต่ก็ใช่ว่าจะรักษาไม่ได้” หวังเย้าตอบ

 

หลังจากที่ป้อนยาแก้พิษให้เจี๋ยจื้อจายเรียบร้อยแล้ว ยาก็ออกฤทธิ์อย่างรวดเร็ว พิษในร่ายกายของเขาก็สลาย การหายใจของเขาราบรื่นขึ้น

 

หวังเย้าจับดูชีพจรของเขา “เขาน่าจะไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ”

 

ทั้งเขาและจงหลิวชวนต่างก็ไม่มีใครรีบจากไปไหน

 

หลังจากผ่านไปสักพัก จงอันซินก็เดินมาจากบ้านอีกหลังหนึ่ง เธอถามว่า “พี่ เขาเป็นอะไรเหรอคะ?”

 

“ไม่มีอะไรหรอก” จงหลิวชวนพูด “เขาได้รับพิษน่ะ แต่เขาจะปลอดภัย กลับไปนอนเถอะ”

 

“อ้อ ดีค่ะ” ก่อนจงอันซินจะออกไป เธอได้หันกลับไปมองเจี๋ยจื้อจาย เธอคิด มีคนมาอยู่บ้านข้างๆตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

 

“แปลกมาก งูพิษตัวนี้โผล่มาจากที่ไหนกัน?” หวังเฝ้ามองดูงู ซึ่งถูกจงหลิวชวนนั่นเป็นสองท่อน

 

ทางเหนือนั้นมีงูไม่มากนัก และที่หมู่บ้านก็ยิ่งมีน้อยยิ่งกว่า บางทีนี่อาจจะเป็นกรณี พิเศษก็เป็นได้โดยปกติแล้วจะไม่เป็นฝ่ายโจมตีมนุษย์ก่อน ในความเป็นจริง พวกมันมักจะหวาดกลัวมนุษย์มากกว่าที่มนุษย์หวาดกลัวพวกมันด้วยซ้ำ ดังนั้น พวกมันจะพยายามหลีกเลี่ยงมนุษย์และจะดุร้ายก็ต่อเมื่อมนุษย์รุกล้ำเขตแดนของพวกมันเท่านั้น

 

“ผมก็คิดว่าแปลก” จงหลิวชวนพูด

 

“การที่มันดุร้ายขนาดนี้ หรือว่ามันจะกลายพันธุ์?” หวังเย้าพูดขึ้นมา

 

งูตัวนี้ดูราวกับไส้เดือนตัวหนึ่งที่เขาเคยเห็นมาก่อน ที่ต่างออกไปก็คือเกร็ดของงูตัวนี้เป็นสีดําและมีพิษ

 

เนินเขาซีชาน? หวังเย้านึกถึงพวกแมลงที่อยู่ที่นั่นขึ้นมา

 

“เชียนเชิงพูดว่าอะไรนะครับ?” จงหลิวชวนถาม

 

“อ่อ ไม่มีอะไร” หวังเย้าตอบ

 

เจี๋ยจื้อจายได้สติขึ้นมา

 

“รู้สึกยังไงบ้างครับ?” หวังเย้าถาม

 

“บอกตามตรงนะ ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่” เขาตอบพร้อมสูดลมหายใจเข้าลึก

 

เขาไม่เพียงอ่อนแรง แต่ยังชาไปทั้งตัวด้วย ขาข้างที่ถูกงูกัดนั้นไร้ความรู้สึกอย่างสิ้นเชิง

 

“พิษของงูร้ายแรงมาก แต่ตอนนี้คุณปลอดภัยแล้วล่ะครับ” หวังเย้าพูด “แล้วพรุ่งนี้ผมจะเอายามาให้คุณนะครับ”

 

“ขอบคุณนะ หมอหวัง” เจี๋ยจื้อจายพูด

 

หวังเย้าเพียงยิ้มตอบเท่านั้น

 

“หมอเกลียดฉันไหม?” เจี๋ยจื้อจายถาม “ฉันไม่รู้ว่า นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ฉันสมควรได้รับแล้วก็เป็นได้”

 

“นอนหลับฝันดีนะครับ พรุ่งนี้เช้าหลังตื่นขึ้นมาอาการของคุณก็จะดีขึ้น” หวังเย้าผลักมือออกไปในอากาศ

 

ความอบอุ่นล้อมรอบตัวเจี๋ยจื้อจาย ความรู้สึกอ่อนแรงและไรกําลังจางหายไปและกลับคืนมาอีกครั้ง ที่หายไปในคราแรกเป็นสิ่งที่หวังเย้าทํากับเขาก่อนหน้านี้ และอาการที่กลับมาในภายหลังคืออาการหลังจากที่เขาถูกพิษของงู

 

หวังเย้าเก็บร่างของงูและจากไปพร้อมกับจงหลิวชวน

 

“เขาจะไม่เป็นอะไรจริงๆใช่ไหมครับ?” จงหลิวชวนถาม

 

“เขาไม่เป็นอะไรหรอกครับ” หวังเย้าพูด “พิษงูควรจะหมดไปภายในสองวัน”

 

“โอเค งั้นกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะครับ” จงหลิวชวนพูด

 

สายฝนยังคงโปรยปรายลงมา

 

“อืม พรุ่งนี้มาที่คลินิกด้วยนะครับ” หวังเย้าพูด “ผมมีเรื่องบางอย่างจะคุยกับคุณ”

 

“โอเค” จงหลิวชวนพูด

 

จงอันซินที่ได้ยินเสียงจากด้านนอกก็เดินออกมาพร้อมกับร่มคันหนึ่ง “หมอหวังยังจะกลับขึ้นไปบนเขาอยู่อีกเหรอคะ?”

 

“อืม” หวังเย้าตอบ “กลับเข้าบ้านเถอะลมฝนย์

 

“ค่ะ เดินกลับดีดีนะคะ” เธอพูดแล้วเดินกลับเข้าไปในบ้าน

 

ฝนตกลงมาอย่างหนัก ฝนที่ตกลงมาดูคล้ายม่านที่บดบังฟ้าดินเอาไว้ แม้จะมีร่มก็ช่วยไม่ได้มาก หวังเย้าที่ไม่มีอะไรป้องกันได้เดินหายลับไปในความมืดของลมฝน

 

“พี่ หมอไม่ได้เอาร่มไปด้วย” จงอันซินพูด

 

“พี่เห็นแล้ว” จงหลิวชวนพูด

 

แต่ไม่เห็นเสื้อผ้าของเขาเปียกเลยสักนิดเดียว” จงอันซินพูด

 

“เพราะหวังเชียนเชิงเป็นคนที่พิเศษมากยังไงล่ะ” จงหลิวชวนยิ้มแล้วลูบศีรษะของน้องสาว

 

“นี่ เรามีเพื่อนบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอคะ?” เธอถาม

 

“ก็ตอนที่เธอไปเรียนน่ะสิ” จงหลิวชวนพูด “อย่าไปหาเขาล่ะ เขาไม่ใช่คนดี”

 

น้องสาวของเขานั้นยังอ่อนต่อโลกมาก เธอเป็นเด็กใส่ชื่อที่ไม่มีทางตามทันเล่ห์เหลี่ยมของเจี๋ยจื้อจาย

 

“อ้อ เข้าใจแล้ว” จงอันซินพูด

 

“เอาล่ะ ได้เวลาเข้านอนแล้ว” จงหลิวชวนพูด

 

ฝนยังคงตกลงมาจากฟ้า หวังเย้ากลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชานอย่างรวดเร็ว โดยที่เสื้อผ้าของเขาไม่เปียกเลย

 

เมื่อเขากลับเข้าไปในกระท่อม เขาก็หยิบงูออกมาและมองดูมันภายใต้แสงไฟ