ตอนที่ 365 ชื่อเสียงป่นปี้

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 365 ชื่อเสียงป่นปี้

“ข้ายกนางให้พวกเจ้า ขอแค่เล่นสนุกแต่อย่าให้ถึงตาย พวกเจ้าจักทำอันใดกับนางก็ได้”

น้ำเสียงเย็นชาของสตรีแว่วเข้ามาในหู อันหลิงเกอจึงค่อย ๆ ขยับนิ้วและฟื้นคืนสติ

อันหลิงอีคล้ายเห็นการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย เท้าที่เตรียมก้าวจากไปจึงชะงักและหันกลับมามอง นางรออย่างอดทนอยู่ครู่หนึ่งจนเมื่ออันหลิงเกอลืมตาขึ้นจึงยกมุมปากเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา “โอ้ มิเสียทีที่พี่หญิงใหญ่เป็นถึงหมอหญิงคนแรกแห่งราชวงศ์ต้าโจว นับว่าเจ้าได้สติเร็วกว่าคนทั่วไปมาก แต่น่าเสียดายที่เจ้าตื่นตอนนี้ก็ช้าไปเสียแล้ว เพราะข้าจักทิ้งเจ้าไว้กับขอทานพวกนี้ ให้พวกมันย่ำยีความบริสุทธิ์ของเจ้า รอถึงพรุ่งนี้เช้าค่อยให้คนแสร้งบังเอิญมาพบเข้า ลองเดาสิว่าถึงตอนนั้นเจ้าจักเป็นเช่นไร ? ”

ดวงตาดำขลับของอันหลิงเกอลอบประเมินสถานการณ์รอบกาย นางรู้ว่าโดนอันหลิงอีส่งคนไปลักพาตัวมาและตอนนี้กำลังอยู่ในห้องเล็ก ๆ ห้องหนึ่ง

ภายในห้องนี้มีเพียงเปลวเทียนสลัวเท่านั้น มีแสงจาง ๆ ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา ทว่าพริบตาก็โดนความมืดมิดภายในห้องกลืนกินจนสิ้น

เมื่อได้ยินคำพูดของอันหลิงอี นางจึงเงยหน้ามอง ดวงตาแฝงไว้ด้วยความโกรธแค้นแต่สีหน้ามิบ่งบอกอารมณ์ใดออกมา

“เพราะน้องหญิงสามสะเทือนใจต่อเรื่องในวันนี้จึงตัดสินใจลงมืออย่างโหดเหี้ยมหรือ ? ”

มิทราบว่าอันหลิงอีได้เห็นจดหมายที่มู่จวินฮานเขียนถึงนางว่ามีเนื้อหาเยี่ยงไร พอออกจากจวนจึงลงมือแก้แค้นนางอย่างบ้าคลั่งเพียงนี้ แสดงว่าเนื้อความในจดหมายนั้นต้องทำให้อันหลิงอีสะเทือนใจมิน้อยเลย

อันหลิงอีนึกถึงจดหมายฉบับนั้นและนึกถึงความอ่อนโยนที่มู่จวินฮานมีให้อันหลิงเกอ พลันใบหน้าก็บิดเบี้ยวขึ้นมา ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความเคียดแค้น

“อันหลิงเกอ เจ้าอย่าใจไปเลยเพราะหลังจากวันนี้ข้าจักดูสิว่ายังมีผู้ใดอยากได้ผู้หญิงมีตำหนิเยี่ยงเจ้าอีก ! อย่าว่าแต่มู่ซื่อจื่อเลย ต่อให้เป็นคนธรรมดาก็มิมีผู้ใดอยากได้หญิงแปดเปื้อนขอทานเช่นเจ้า ! ”

บางทีอาจเพราะภายในใจรู้สึกโกรธแค้นอย่างมาก ดังนั้นคำที่เอ่ยออกมาของอันหลิงอีจึงหยาบคายยิ่งนัก

นางชี้หน้าอันหลิงเกอพร้อมสั่งขอทานสี่ห้าคนที่ยืนอยู่ด้านข้างว่า “จำไว้ให้ดีว่าอย่าทำให้มันสิ้นใจ แต่ต้องทำให้มันตายทั้งเป็น ! ”

รอให้ถึงพรุ่งนี้เช้า หากคนในเมืองหลวงเห็นอันหลิงเกอคลุ้มคลั่งเพราะมีความสัมพันธ์กับขอทานมากถึง 5 คนเช่นนี้ มันจักต้องเป็นตัวตลกของคนทั้งเมืองหลวงแน่นอน

ถึงเวลานั้นอย่าว่าแต่ท่านพ่อมิชอบนางเลย ต่อให้ฝ่าบาทเห็นแก่ความดีความชอบของนางก็มิมีทางยอมให้สตรีสำส่อนขึ้นเป็นหมอหญิงแน่นอน

รอให้อันหลิงเกอหมดสิ้นความรักจากบิดา ไร้ซึ่งความไว้วางพระทัยจากฮ่องเต้ อันหลิงอีค่อยทรมานอีกฝ่ายจนตาย ให้นางอับอายจนมิอยากมีชีวิตอยู่ต่อ !

อันหลิงเกอได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตกใจมาก หากนางตกอยู่ในเงื้อมมือของขอทานพวกนี้จริง นางก็มิกล้านึกถึงผลที่จักตามมา

“รอก่อน ! ”

เมื่อเห็นอันหลิงอีหมุนตัวกำลังจากไป อันหลิงเกอก็รีบตะโกนเรียกไว้ทันที

อันหลิงอีเหมือนนึกไว้แล้วว่าอันหลิงเกอต้องเรียกตนเอาไว้ นัยน์ตาจึงฉายแววสะใจออกมา แววตาที่มองอันหลิงเกอมีแต่ความเหยียดหยาม “พี่หญิงใหญ่ยังมีอันใดอีกหรือ ? หากเจ้าคิดว่าคนพวกนี้ยังมิพอล่ะก็ข้ายังสามารถเรียกมาได้อีก รับรองว่าจักเป็นค่ำคืนที่เจ้าลืมมิลง ! ”

นางพูดจบก็หัวเราะออกมาเสียงดัง น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความชั่วร้าย ภายในห้องสลัวนี้ฟังแล้วช่างเสียดหูยิ่งนัก

“เจ้ามิกลัวว่าข้าจักเอาเรื่องนี้ไปเรียนท่านพ่ออย่างนั้นหรือ ? ”

ดวงตาสีนิลของอันหลิงเกอจ้องอันหลิงอี นางอยากเห็นบางสิ่งบางอย่างจากใบหน้าของอีกฝ่าย แต่ใบหน้าของอันหลิงอีดูมิหวาดกลัวแม้แต่น้อย

อันหลิงอีมองอันหลิงเกออย่างประเมินอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่งเสียง จุ๊จุ๊ ออกมา “นึกมิถึงว่าพี่หญิงใหญ่จักไร้เดียงสาเยี่ยงนี้ เมื่อก่อนตอนที่ข้าโดนเจ้าวางแผนใส่ร้าย ข้ายังคิดว่าเจ้าฉลาดกว่านี้เสียอีก ที่แท้ก็แค่นี้เอง”

อันหลิงอีรู้สึกว่าตนชนะแล้ว ดังนั้นน้ำเสียงที่กล่าวออกมาจึงเหมือนกำลังเมตตาว่าการที่นางยอมสนทนากับอันหลิงเกอต่อก็ถือเป็นการให้เกียรติมากพอ เป็นบุญเก่าที่อันหลิงเกอเคยทำไว้เสียด้วยซ้ำ

นางหัวเราะออกมาเสียงเย็น จากนั้นก็ส่งเสียง หึ “เจ้าคิดว่าถึงพรุ่งนี้แล้วท่านพ่อยังจักยอมพบหน้าเจ้าอีกหรือ ? ”

อันอิงเฉิงรักหน้าตามากเพียงใด มิใช่แค่อันหลิงเกอเท่านั้นที่รู้ดีเพราะอันหลิงอีก็เข้าใจดีเช่นกัน

เพราะว่าเข้าใจดี ดังนั้นเรื่องที่อันหลิงเกอถูกพวกขอทานพรากความบริสุทธิ์แพร่ออกไป อันอิงเฉิงต้องโมโหมาก มิแน่อาจห้ามให้กลับเข้าจวนด้วยซ้ำ หรืออาจตัดความสัมพันธ์ไปเลยก็ได้ !

อันหลิงเกอยังคิดไปฟ้องท่านพ่ออีกหรือ ช่างน่าขันเสียจริง !

“ข้าจักบอกเจ้าตามตรงว่าต่อให้ไปฟ้องท่านพ่อจริง เขาก็มิทำอันใดข้าหรอก”

เมื่ออันหลิงเกอโดนขอทานย่ำยีไปแล้ว ต่อให้ฉลาดและงดงามมากเพียงใดก็เป็นเพียงบุตรีที่ไร้ความบริสุทธิ์และท่านพ่อต้องเสียหน้าเพราะนางอีกด้วย

ส่วนอันหลิงอีผู้นี้เป็นเด็กดี น่ารักและฉลาดหลักแหลม ต่อให้อดีตเคยทำเรื่องผิดพลาดไปบ้าง ขอเพียงนางแสร้งกลับตัวเป็นคนใหม่ มองจากความรักที่ท่านพ่อมีให้นางแล้วก็ต้องลืมเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมาและดูแลประคบประหงมนางเหมือนเดิมแน่นอน ถึงเวลานั้นอันหลิงเกอจักไปฟ้องอันใดก็มีแต่ทำให้ท่านพ่อรำคาญเท่านั้น

อันหลิงเกอก็รู้ว่าเรื่องนี้ร้ายแรงมากเพียงใด ดังนั้นนางจึงพยายามคิดหาวิธีรั้งอันหลิงอีไว้ นางใช้ทุกวิถีทางเพื่อจักถ่วงเวลา

กระทั่งริมฝีปากเริ่มรู้สึกแห้งขึ้นมา อันหลิงอีจึงรู้ตัว “เจ้ากำลังถ่วงเวลาอย่างนั้นหรือ ? ”

สีหน้าของอันหลิงอีเปลี่ยนไปทันที อันหลิงเกอตัวแสบช่างเจ้าเล่ห์เสียจริง ชวนนางสนทนาเกือบหนึ่งก้านธูปได้แล้วเพิ่งรู้จุดประสงค์แท้จริงของอันหลิงเกอ

“อย่าคิดว่าจักมีคนมาช่วยเจ้าได้เพราะที่นี่เปลี่ยวมาก คนทั่วไปมิมีทางหาเจอ”

หากมิใช่เพราะพวกคนแปลกประหลาดที่ท่านตารู้จักชอบมาซ่อนตัวที่นี่ นางเองก็มิมีทางหาสถานที่เหมาะสมเช่นนี้ได้

อันหลิงอีกล่าวออกมาเสียงเย็น ก่อนเหลือบตามองอันหลิงเกออีกครั้งแล้วเดินจากไปพร้อมเอ่ยถ้อยคำสุดท้ายลอยมาตามสายลมว่า “เจ้าจงอยู่ที่นี่อย่างสงบแล้วเตรียมชื่อเสียงป่นปี้ได้เลย ! ”

นัยน์ตาของอันหลิงเกอเย็นเยือก หลังจากที่อันหลิงอีเดินออกไปแล้ว ขอทานทั้งห้าคนก็พุ่งเข้าล้อมตัวนางไว้ทันที ใบหน้าแฝงรอยยิ้มน่าขยะแขยง ปากก็พ่นเสียงหัวเราะน่ารังเกียจออกมา

“สาวน้อย เจ้ามิต้องคิดมากหรอก คืนนี้พวกเราจักทำให้เจ้ามีความสุขราวกับขึ้นสวรรค์เลยทีเดียว”

“ฮ่าฮ่า ใช่แล้วใช่แล้ว ตั้งแต่เกิดมาข้ายังมิเคยเห็นสตรีที่งดงามราวเทพธิดาเช่นนี้มาก่อน นึกมิถึงว่าคนที่งดงามเยี่ยงเจ้าจักตกเป็นของพวกเราได้”

“เหตุใดพวกเจ้าจึงพูดมากเช่นนี้ รีบจัดการให้เสร็จเข้าสิ”

ขอทานคนสุดท้ายแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างกระตือรือร้นและสายตาของมันทำราวกับว่าความอดทนใกล้สิ้นสุด

เมื่อกล่าวจบพวกมันก็เดินเข้ามาประชิดข้างกายอันหลิงเกอทันทีและหมายยื่นมือออกมาเพื่อคว้าไปที่เสื้อของอันหลิงเกอ !