ตอนที่ 366 รอด

เพียงชั่วพริบตาขอทานผู้นั้นก็มองมิชัดว่าเกิดอันใดขึ้น เพียงรู้สึกว่าแขนข้างที่ยื่นออกไปชาขึ้นมา จากนั้นก็ชาลามไปทั่วทั้งตัว

ร่างกายที่มิสามารถขยับได้ทำให้เขาส่งเสียงร้องออกมาและภายในใจก็ตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก

“เจ้า เจ้าทำอันใดข้า ? ”

เขาลองขยับมือก็พบว่าแขนข้างหนึ่งตกลงข้างลำตัวเพราะไร้เรี่ยวแรง มิสามารถทำตามที่สมองสั่งการได้

เสียงที่ขอทานคนนั้นเปล่งออกมาสั่นเล็กน้อย สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

คนอื่นเห็นท่าทางของเขาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“เจ้ามัวทำอันใด เร็วเข้าสิ พี่น้องคนอื่นยังรอต่อแถวอยู่ อย่ามัวชักช้าเสียเวลา ! ”

ขอทานอีกคนรู้สึกรอมิไหวแล้วจึงส่งเสียงเร่งขึ้นมา

แต่ขอทานที่ยืนอยู่ข้างหน้าอันหลิงเกอมิขยับเขยื้อน มีเพียงดวงตาขุ่นมัวคู่นั้นที่เผยความหวาดกลัวออกมา

เขาพยายามก้าวไปข้างหน้า อยากกระชากเสื้อผ้านั้นออก อยากกกกอดหญิงสาวตรงหน้าไว้ใต้ร่างแล้วสนุกไปกับนาง แต่ก็ทำได้เพียงคิดเท่านั้นเพราะตอนนี้เขายังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มิว่าอยากทำแค่ไหนก็ไร้เรี่ยวแรง !

“นางต้องทำอันใดบางอย่างแน่ ! ”

อยู่ ๆ ขอทานที่ยืนนิ่งก็ตะโกนขึ้นมาเสียงดังแล้วเรียกพรรคพวกให้เข้ามา “เจ้าสองคนอยากจัดการก็เชิญเลย ถึงตอนนี้ข้าขยับตัวมิได้ก็มิมีทางปล่อยให้นางรอดไปได้ ! ”

ขอทานยิ้มอย่างสะใจ มิว่าอันหลิงเกอใช้วิธีการใดเมื่อตกอยู่ใต้เงื้อมมือของพวกเขาแล้วก็มิมีทางหนีรอดได้อย่างแน่นอน !

สีหน้าของอันหลิงเกอเปลี่ยนไปเล็กน้อย มิสามารถระงับอาการประหม่าได้

ยาที่นางซ่อนไว้ใต้เล็บมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สามารถทำให้ขอทานที่อยู่ตรงหน้าตัวชาและไร้เรี่ยวแรงได้ก็นับว่ามิเลวแล้ว ส่วนอีกสองคนที่เหลือนางมิเหลือยาที่ใช้ลงมือกับพวกเขาแล้ว

เมื่อเห็นอีกสองคนเริ่มขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ แววตาของอันหลิงเกอก็ฉายชัดถึงความกังวล

มือทั้งสองข้างที่โดนมัดของนางบิดไปมาอยู่ด้านหลังอย่างรวดเร็ว ผ่านไปครู่หนึ่งจึงรู้สึกว่าเชือกที่มัดเริ่มคลายออก

แววตาของอันหลิงเกอทอประกายดีใจทันที แต่ใบหน้ามิเผยพิรุธออกมาจวบจนขอทานคนที่สองเข้าประชิด นางจึงยื่นมือออกไปเพื่อจับเข้าที่ลำคอของขอทานส่วนมืออีกข้างก็ดึงปิ่นปักผมออก จากนั้นก็ปักเข้าที่ลำคออย่างสุดกำลัง !

ปิ่นปักผมอันแหลมคมถูกนางกำไว้แน่น พริบตาเดียวก็ปักลงที่คอของขอทานแล้วดึงออกมาทำให้โลหิตพุ่งทันที

การเปลี่ยนแปลงภายในห้องที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้อีกสามคนที่เหลือตื่นตกใจ ขอทานที่ยืนไร้เรี่ยวแรงอยู่ก็เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ เผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่โดยมิรู้ตัวราวกับว่าปิ่นด้ามนั้นปักลงมาที่ร่างของตนก็มิปานและรับรู้ได้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดนั้นเป็นอย่างดี

ขอทานคนหนึ่งยังยืนอยู่ที่เดิม มิกล้าขยับไปข้างหน้าแม้แต่ก้าวเดียว

ความเจ็บปวดของสองคนข้างหน้าบ่งบอกให้เขารู้ว่าบนกายของอันหลิงเกอต้องมีบางอย่างซ่อนอยู่เป็นแน่ เช่นนั้นมิมีทางทำให้คนไร้เรี่ยวแรงไปทั้งตัวได้และยิ่งไร้ทางที่จักเอาชีวิตใครได้ภายในพริบตาเยี่ยงนี้ นางช่างน่ากลัวยิ่งนัก !

ขอทานอีกคนมีเพียงความขลาดกลัว เดิมทีคิดว่าจักได้หาความสุขอย่างสมใจ เวลานี้ทุกอย่างมลายหายไปจนสิ้น

เขาจ้องอันหลิงเกอด้วยความหวาดกลัวและอดมิได้ที่จักก้าวถอยหลัง

“เจ้าฆ่าคน เจ้ากล้าฆ่าคนอย่างนั้นหรือ ! ”

เมื่อเห็นขอทานที่กุมลำคอไว้ล้มลงต่อหน้า ขอทานคนสุดท้ายก็ส่งเสียงร้องแสบแก้วหูออกมาและแววตาที่ใช้มองอันหลิงเกอก็ทำราวกับเห็นนางเป็นปิศาจร้ายก็มิปาน

อันหลิงเกอยกมุมปากเผยให้เห็นรอยยิ้มที่เยือกเย็นขึ้นมา ฆ่าคนแล้วอย่างไร ? พวกเจ้าอยากทำลายความบริสุทธิ์ของข้ามิใช่หรือ อยากทำลายชื่อเสียงของข้าให้ป่นปี้แล้วเหตุใดตอนที่โดนอันหลิงอีสั่งจึงมิคิดบ้างว่ากำลังฆ่าคนทั้งเป็น !

รอยยิ้มที่มุมปากของอันหลิงเกอเย็นเยือกจนทำให้คนที่ยังยืนอยู่ตัวสั่นและรู้สึกคล้ายว่าอากาศภายในห้องอยู่ดี ๆ ก็เย็นจนหนาวจับขั้วหัวใจ

“เจ้าอย่าเข้ามา ! ” ขอทานเห็นรอยยิ้มของนาง ภายในใจก็รู้สึกหวาดกลัวและคำที่เปล่งก็ไร้ความกล้าดั่งในตอนแรก “มีอันใดก็ค่อย ๆ เจรจากันดีกว่า มิเห็นต้องลงไม้ลงมือกันเลย เจ้าก็มิอยากให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตมิใช่หรือ ? ”

พวกคุณหนูตระกูลใหญ่ต่างก็ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงกันทั้งนั้น เมื่อคิดได้แล้วขอทานจึงเกลี้ยกล่อมนางต่อ “ขอเพียงเจ้ามิทำอันใดบุ่มบ่าม เรื่องอื่นพวกเราก็คุยกันได้”

“ตอนนี้คุยกันได้แล้วหรือ ก่อนหน้านี้เหตุใดมิคุย ? ” ภายในดวงตาของอันหลิงเกอวาวโรจน์ขึ้นมา นางค่อย ๆ ลุกจากพื้นแล้วยืนขึ้นพลางขยับข้อมือไปมาก่อนเผยรอยยิ้มเย็นชาและกระหายโลหิต

“แต่หากพวกเจ้าทำตามที่ข้าสั่ง เรื่องนี้ข้าจักปล่อยไปก็ได้”

หลังจากได้ยินคำพูดของอันหลิงเกอ ดวงตาของขอทานที่ยังเคลื่อนไหวร่างกายมิได้ก็มีประกายความหวังขึ้นมาทันที เขาจึงถามด้วยความลังเล “พวกเราจักทำตามที่เจ้าบอก แต่เจ้าต้องปล่อยพวกเราไปอย่างปลอดภัย”

พวกเขาเป็นขอทานมานาน นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกกลัวสตรีมากถึงเพียงนี้ พวกเขามิสนใจเรื่องความอับอายอีกต่อไปแล้วเพราะชีวิตต่างหากที่สำคัญ

ขอทานที่มิสามารถขยับร่างกายได้พูดขึ้นว่า “เมื่อครู่เป็นพวกข้าน้อยที่มีตาแต่ไร้แววจึงเผลอล่วงเกินท่าน โชคดีที่ท่านมีเมตตามิเอาเรื่องมดแมลงเช่นพวกเรา”

พวกเขาถึงขั้นเปรียบเทียบว่าตนเป็นเพียงมดแมลง ดูแล้วคงหมดปัญญาจริงถึงได้หาคำเปรียบเทียบเช่นนี้ออกมา

แต่อันหลิงเกอมิได้รู้สึกเห็นใจแม้แต่น้อย หากวันนี้คนที่อยู่ตรงนี้มิใช่นางแต่เป็นหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่งที่มิสามารถป้องกันตัวได้จักทำเยี่ยงไร ? ต้องโดนทำลายความบริสุทธิ์จากนั้นก็ฆ่าตัวตายเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของตนเยี่ยงนั้นหรือ ?

เมื่อนางนึกถึงตรงนี้แล้วแววตาก็เย็นเฉียบ ขอทานที่เหลือในห้องอดใจเต้นโครมครามมิได้เพราะกลัวว่านางมิเห็นด้วย

แต่ผู้ใดจักคิดว่าผ่านไปเพียงครู่เดียวอันหลิงเกอก็หยิบขวดเล็ก ๆ ขวดหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อแล้วให้พวกเขาทานสิ่งที่อยู่ในขวดลงไป

“ในขวดนี้คือยาพิษ ภายในสามวันถ้าพวกเจ้ามิได้กินยาถอนพิษ เลือดก็จักออกจากทวารทั้งเจ็ดจนตาย”

อันหลิงเกอสร้างเรื่องโกหกขึ้นมาโดยบอกว่ายาเม็ดบำรุงกำลังเป็นยาพิษ ทำให้คนที่เพิ่งทานยาลงไปหน้าถอดสีทันใด

“เจ้า…”

“มิต้องห่วง พวกเจ้ามิใช่ผู้บงการดังนั้นข้ามิสังหารพวกเจ้าหรอก” อันหลิงเกอเอ่ยด้วยแววตาเรียบนิ่ง “ขอเพียงพวกเจ้าทำตามที่ข้าสั่ง หลังจากนี้สองวันข้าจักให้ยาถอนพิษแก่พวกเจ้า”

ขอทานที่ยืนหน้าซีดเผือดค่อย ๆ มีสีหน้าดีขึ้นและรีบพยักหน้าให้อันหลิงเกอ “ท่านบอกมาเลยว่าจักให้พวกข้าทำสิ่งใด ? ”