ตอนที่ 367 ผิดคาด
เช้าวันรุ่งขึ้นอันหลิงอีที่ตื่นขึ้นมาในจวนตระกูลหลี่ก็รีบส่งคนไปยังสถานที่ลับเมื่อวานอย่างมีความสุข
“จำไว้ว่าเจ้าต้องแสร้งพาคนไปพบที่นั่นโดยมิได้ตั้งใจ รอถึงที่นั่นแล้วเจ้าค่อยกล่าวว่าคนที่อยู่ด้านในคือคุณหนูใหญ่แห่งจวนโหวอัน ส่วนเรื่องอื่น เจ้าก็ตัดสินใจเอาเองแล้วกัน”
นางกำชับสาวใช้ข้างกายอีกครั้งเพราะกลัวจักทำเรื่องสำคัญเช่นนี้พังมิเป็นท่า
น่าเสียดายที่ตอนนี้นางอยู่ในจวนหลี่ สาวใช้ข้างกายจึงใช้งานมิค่อยได้เรื่องสักเท่าไร เช่นนั้นนางคงมิต้องเปลืองแรงมากเพียงนี้หรอก
สาวใช้รีบรับคำสั่งทันที จากนั้นก็พาคนไปยังห้องที่เมื่อวานอันหลิงเกอโดนจับตัวไว้ พวกนางตั้งใจส่งเสียงดังระหว่างทางเพื่อดึงดูดสายตาของผู้คน
เหล่าสาวใช้เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชาวบ้านธรรมดา พวกนางลอบส่งสายตาให้กันจากนั้นก็มีคนหนึ่งร้องเสียงแหลมว่า “วันนี้ข้าจักไปดูหน้าสตรีไร้ยางอายที่ยั่วยวนสามีข้าแล้วจักตีขามันให้หักเลย คอยดู ! ”
สาวใช้ที่แสร้งทำเป็นภรรยาจอมโหดพับแขนเสื้อขึ้น นางก้าวไปข้างหน้าจากนั้นก็ผลักประตูออก
แต่ภาพที่เห็นภายในห้องกลับทำให้นางตกตะลึงยิ่งนักเพราะหาได้มีสตรีไร้ยางอายที่ยั่วยวนสามีของนางไม่ ทว่ามีขอทานท่าทางสกปรกคนหนึ่งกำลังนอนอยู่ที่พื้นโดยมิไหวติงราวกับหลับไป
สาวใช้ก้าวไปข้างหน้าด้วยความกล้า นางอยากแสดงละครในครั้งนี้ให้จบจึงยื่นเท้าไปเตะขอทานที่นอนอยู่บนพื้น
แต่คาดมิถึงว่าขอทานคนนั้นกลิ้งไปตามแรงเตะของนางจนเผยให้เห็นรูขนาดใหญ่ที่ลำคอ เลือดที่ไหลออกมาตั้งแต่เมื่อคืนตอนนี้ก็แห้งสนิทแล้วเกาะอยู่บริเวณลำคอรวมถึงร่างกายเต็มไปหมด แม้แต่เส้นผมที่ยุ่งเหยิงก็ยังเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบโลหิต
เมื่อสาวใช้เห็นคนตายก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมามิหยุดด้วยความตกใจทำให้ดึงดูดผู้คนเข้ามาดู
สาวใช้คนอื่นยังคิดว่านางกำลังทำตามแผนที่อันหลิงอีสั่งไว้ว่าให้ดึงดูดคนอื่นโดยห้ามมีพิรุธ จึงมิแปลกใจอันใดที่ได้ยินเสียงกรีดร้องเช่นนี้
หลังจากนั้นก็มีผู้คนเดินเข้ามามุงมากขึ้น ตอนนี้สาวใช้ที่แสร้งทำเป็นภรรยาจอมโหดมีสีหน้าซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัดและเอ่ยออกมาด้วยริมฝีปากสั่นเทา
“ตาย มีคนตาย มีคนตาย ! ”
คำที่กล่าวออกมาราวกับฟ้าผ่าตอนกลางวันทำให้ทุกคนตกอกตกใจ จากนั้นก็มีเสียงฝีเท้ามากมายดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
คนที่มามุงดูมิได้มีแต่ผู้หญิงเท่านั้น ยังมีผู้ชายหลายคนที่ได้ยินข่าวจึงอยากมาดูว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่
เมื่อได้ยินสาวใช้ตะโกนว่ามีคนตาย ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็หยุดฝีเท้ามิกล้าเข้าไปดูใกล้ ๆ แต่มีผู้ชายหลายคนมิกลัวแล้วก้าวเข้าไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“นั่นมันขอทานที่ชอบนั่งอยู่แถวประตูเฉิงตงมิใช่หรือ ? ”
มีชายคนหนึ่งจำขอทานคนนั้นได้จึงกล่าวออกมาด้วยความตกใจ “เมื่อวานข้ายังเห็นมันอยู่เลย เหตุใดวันนี้จึงตายได้ ? ขอทานต่ำต้อยเช่นนี้จักไปมีศัตรูที่ไหนกัน ? ”
อีกคนหนึ่งก็ชี้ไปที่รูบริเวณลำคอของขอทานด้วยความหวาดกลัว “เจ้าดูบาดแผลที่คอของมันสิ รูใหญ่ขนาดนี้ผู้ที่ลงมือลงช่างโหดเหี้ยมมากเหลือเกินจึงมีเลือดไหลออกมามากมายเช่นนี้”
ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในเมืองจิงค่อนข้างคุ้นเคยกับขอทานคนนี้ อยู่ ๆ ก็เห็นเขาตายไป ภายในใจก็รู้สึกโศกเศร้าขึ้นมา
เหล่าสาวใช้ที่ปะปนอยู่ในฝูงชนลอบส่งสายตาให้กัน จากนั้นสาวใช้ที่เล่นละครเป็นภรรยามาจับชู้ก็เอ่ยขึ้นว่า “มิต้องสนใจหรอกว่าขอทานตายได้อย่างไร พวกเจ้ามีใครเห็นสตรีไร้ยางอายที่ยั่วยวนสามีข้าบ้าง ? ”
นางกล่าวออกมาในยามนี้ช่างเลือดเย็นนัก แต่คนที่กำลังหึงหวงก็มักไร้เหตุผลเช่นนี้อยู่แล้ว
ชาวบ้านที่มามุงดูต่างก็เข้าใจ สาวใช้อีกคนจึงคว้าโอกาสนี้ไว้ด้วยการเอ่ยว่า “ข้าเห็นคนหนึ่งออกมาจากห้องนี้ หน้าตางดงามมากทีเดียว แต่ข้าเห็นนางเดินไปทางถนนจูเชว่จึงคิดว่าอาจเป็นสาวใช้ตระกูลใหญ่สักตระกูล”
“สาวใช้ของตระกูลใหญ่หรือ ? ” อีกคนรีบรับไม้ต่อแล้วกล่าวทันทีพร้อมทำท่าทางสงสัย “เจ้าพูดจาเหลวไหลอันใด สาวใช้ตระกูลใหญ่จักออกมาข้างนอกตามอำเภอใจได้อย่างไร ยิ่งลอบมาพบผู้ชายเช่นนี้ย่อมมิมีทางเด็ดขาด”
เดิมทีตามแผนของพวกนางนั้นแค่ต้องทำให้มีคนมาที่นี่เยอะ ๆ โดยมิให้ผิดสังเกต จากนั้นก็แสร้งบังเอิญว่าจำอันหลิงเกอได้ ทุกคนจักได้รู้ว่าอันหลิงเกอโดนพวกขอทานทำลายความบริสุทธิ์
แต่ตอนนี้แผนเปลี่ยนไปแล้ว ภายในห้องนอกจากขอทานที่นอนตายก็มิเห็นคนอื่นแม้แต่เงาจึงทำให้ถ้อยคำที่พวกนางเตรียมเอาไว้มิสามารถใช้ได้ พวกนางต้องคิดหาวิธีใหม่เพื่อสาดโคลนใส่อันหลิงเกอ
สาวใช้สามสี่คนคุยกันเป็นวรรคเป็นเวรโดยเริ่มจากการเอ่ยถึงถนนจูเชว่ ในนั้นมีแต่ตระกูลใหญ่ทั้งสิ้น จากนั้นก็บอกว่าชู้รักถ้ามิใช่สาวใช้ในตระกูลใหญ่ก็ต้องเป็นพวกคุณหนูนิสัยเสียสักคน
แต่เหล่าคุณหนูตระกูลใหญ่ต่างก็ถือตัวยิ่งนัก มีกฎระเบียบเคร่งครัด มิอนุญาตให้พวกนางเข้าออกจวนได้ตามใจชอบจึงมิสามารถลอบพบผู้ชายได้เช่นกัน
“เหตุใดจักมิมีเล่า ? ”
สาวใช้ที่อยู่ในกลุ่มคนตะโกนออกมาเพื่อเถียงกลับคอเป็นเอ็น “มีคนหนึ่งที่สามารถเข้าออกจวนได้อย่างอิสระ พวกเจ้าอย่าลืมว่าคุณหนูใหญ่จวนโหวอันได้รับอนุญาตจากฝ่าบาท อย่าว่าแต่เข้าออกจวนเลยเพราะแม้แต่ภายในวังก็เดินไปไหนมาไหนได้ นี่เป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ฝ่าบาทประทานให้นาง”
หลังจากกล่าวจบ ภายในห้องก็เงียบไปครู่หนึ่ง
มิมีใครเชื่อหรอกว่าอันหลิงเกอที่เป็นถึงจวิ้นจู่และฮ่องเต้ทรงโปรดเกล้าขึ้นเป็นหมอหญิงเพียงคนเดียวนับตั้งแต่ก่อตั้งราชวงศ์ต้าโจวจักลอบเป็นชู้กับชาวบ้านธรรมดาที่มีครอบครัวแล้ว
“เจ้าพูดเหลวไหลอันใด ? คุณหนูใหญ่อันจักทำเรื่องเช่นนี้ได้เยี่ยงไร ? ”
ชาวบ้านที่อยู่ในฝูงชนร้องถามพร้อมสีหน้ามิสู้ดี
เหล่าสาวใช้รอเวลานี้อยู่ เมื่อได้ยินคนถามขึ้นมาเช่นนี้ก็รีบแย่งกันกล่าวทันที
“เจ้ามิรู้อันใด มากกว่าครึ่งปีก่อนคุณหนูใหญ่อันเคยถูกท่านโหวอันส่งตัวไปอยู่ที่วัดชิงหยุน หากนางมิได้ทำอันใดผิดแล้วท่านโหวอันจักทำเช่นนั้นเพราะเหตุใด ? ”
“เรื่องนี้ข้ารู้ ข้าได้ยินมาว่าเพราะคุณหนูใหญ่อันมิปฏิบัติตัวตามประเพณี คืนหนึ่งภายในจวนมีโจรบุกเข้ามา ตอนที่ไปค้นเรือนของคุณหนูใหญ่อันจึงพบว่าที่นั่นมีผู้ชายคนหนึ่งซ่อนตัวอยู่ ท่านโหวอันโมโหมากจึงไล่นางออกนอกจวน”
ต้องบอกว่าสาวใช้พวกนี้มีความสามารถในการแต่งเรื่องโกหกได้เยี่ยมยอด ตีไข่ใส่สีได้อย่างแนบเนียน
“เท่านั้นยังมิพอ หลังจากที่คุณหนูใหญ่อันไปที่วัดชิงหยุนแล้วยังมิสำนึกผิด ยังนัดพบผู้ชายในวัดอีกด้วย ทั้งสองคนอยู่ภายในห้องเดียวกัน อีกนิดก็เกือบโดนคนที่นั่นจับได้แล้ว”
ที่แท้ยังมีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ ?
ชาวบ้านธรรมดาจักไปรู้เรื่องภายในตระกูลใหญ่ได้เยี่ยงไร เมื่อได้ยินพวกนางกล่าวกันเช่นนี้ก็รู้สึกประหลาดใจมากจึงอดถามออกมามิได้ “คนที่คุณหนูใหญ่อันลอบพบใช่สามีเจ้าหรือไม่ ? ”