บทที่ 241 ในบ้านมีภรรยาที่ดุร้ายจึงต้องทุกข์ทรมาน

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 241 ในบ้านมีภรรยาที่ดุร้ายจึงต้องทุกข์ทรมาน
อวิ๋นหลัวฉวนเดินไปที่ประตูและเห็นท่านอ๋องตวนเข้า โดยคิดว่าเขาแค่เดินผ่าน

“ท่านอ๋อง” ก้มศีรษะคารวะ อวิ๋นหลัวฉวนเตรียมจะเข้าไป

ท่านอ๋องตวนสังเกตอวิ๋นหลัวฉวนอยู่สักพัก “หลายวันมานี้เจ้าออกไปข้างนอก ไปที่ไหนหรือ?”

หรงชินอ๋องใช้ชีวิตอยู่ในคุกมาเป็นเวลานานและร่างกายเจ็บป่วยด้วยโรคภัยไข้เจ็บ หลายวันมานี้อวิ๋นหลัวฉวนมักไปเยี่ยมเยียนโดยไปแต่เช้าและกลับมาในช่วงบ่าย

อยากจะพูดถึงหรงชินอ๋อง แต่เมื่อคำพูดมาถึงลำคอ อวิ๋นหลัวฉวนก็เก็บกลั้นไว้ เพราะนางรู้ว่าท่านอ๋องตวนไม่ชอบหรงชินอ๋อง จึงไม่พูดให้รำคาญใจ

“ออกไปข้างนอกเพราะมีธุระเล็กน้อย ท่านอ๋องมีอะไรหรือเพคะ?” อวิ๋นหลัวฉวนไม่ชอบทะเลาะกับท่านอ๋องตวนและนับว่าให้ความร่วมมือ

ท่านอ๋องตวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “คนที่วังหลวงมาแล้วและพระชายามารับเจ้าแต่ไม่สำเร็จ ข้าจึงมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ กลับไปกับข้าเถอะ”

อวิ๋นหลัวฉวนรู้สึกไม่คาดคิด แต่ก็ไม่แปลกใจ พระมเหสีหวาจะต้องเรียกให้แม่นมเว่ยมา ดังนั้นท่านอ๋องตวนจึงเป็นกังวลขึ้นมา

และอวิ๋นหลัวฉวนรู้ว่าการอยู่จวนท่านอ๋องเย่ไปตลอดนั้นไม่ใช่ทางออกที่ดี จึงได้ตอบตกลง

“ท่านอ๋องรอหม่อมฉันก่อน หม่อมฉันจะไปเก็บของเดี๋ยวนี้เลยเพคะ”

อวิ๋นหลัวฉวนพูดจบจึงเดินไปที่เรือนจู๋อวิ๋นไจเพื่อเก็บเสื้อผ้าและนำตงเอ๋อร์ออกมาด้วย

เมื่อท่านอ๋องตวนเห็นนางเดินออกมาจึงพานางกลับไปจวนท่านอ๋องตวน

เมื่อมาถึงหน้าประตูจวนของท่านอ๋องตวน และมองเห็นคนกำลังเก็บอิฐ สีหน้าของท่านอ๋องตวนจึงเปลี่ยนไปและยืน

อวิ๋นหลัวฉวนรู้สึกแปลกใจ “ทำไมถึงช่างคุ้นตาเหมือนกับอิฐปูพื้นที่เรือนด้านหน้าของจวนท่านอ๋องเย่จังนะ?”

ท่านอ๋องตวนกัดฟันกรอดและก้าวเข้าไปดูข้างใน

อวิ๋นหลัวฉวนเดินตามเข้าไปในเรือนด้วยความแปลกใจ ท่านอ๋องตวนกล่าวว่า “ไปที่ห้องโถงด้านหน้าเพื่อพบกับแม่นมเว่ย และบอกว่าพระชายาไปรับเจ้ากลับมา ข้าจะไปดูนาง”

“เพคะ”

อวิ๋นหลัวฉวนเดินตรงไปที่ห้องโถงด้านหน้า แต่ท่านอ๋องตวนไม่ไปหาจวินฉูฉู่ที่เรือนนด้านหลัง แต่กลับไปที่ห้องบัญชีที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง

“ท่านอ๋อง” นายบัญชีเห็นท่านอ๋องจึงรีบออกมา

ท่านอ๋องตวนถาม “เมื่อสักครู่ได้มีการถอนตั๋วเงินออกไปหรือ?”

นายบัญชีคิดว่าเป็นความประสงค์ของท่านอ๋องตวนเพราะเป็นจำนวนที่มาก แต่ขณะนี้ท่านอ๋องตวนกลับถามขึ้นมาจึงต้องตอบตามความเป็นจริง

“ขอรับ ถอนตั๋วเงินออกไปขอรับ”

“เท่าไรหรือ?”

“หกหมื่นตำลึงขอรับ”

นายบัญชีตอบอย่างต่อเนื่อง

สีหน้าของท่านอ๋องตวนซีดเซียวลงเมื่อนึกถึงคำพูดของพ่อบ้านที่จวนท่านอ๋องเย่ ท่านอ๋องเย่ถูกลวนลามกระทำอนาจารโดยผู้หญิงคนหนึ่ง และอิฐเหล่านั้นที่อยู่หน้าจวนของท่านอ๋องตวน?

และวันนี้ตั๋วเงินก็ได้ถูกรีดไถไปแล้ว หากไม่เป็นความจริงเช่นนั้นทำไมต้องนำตั๋วเงินไปปิดปากด้วยหรือ?

ท่านอ๋องตวนหันหลังให้ นายบัญชีจึงถามว่า “ท่านอ๋อง มีอะไรหรือขอรับ?”

“ไม่มีอะไร เจ้าทำธุระของเจ้าไปเถอะ”

ท่านอ๋องตวนเดินออกจากประตูไปและกล่าวว่า “เรื่องที่ข้ามาที่นี่ไม่ต้องบอกให้พระชายาและพ่อบ้านรู้”

“ขอรับ”

ท่านอ๋องตวนออกไปและเดินไปที่เรือนด้านหลังโดยไม่เดินเข้าไป แต่ได้ส่งคนไปบอกจวินฉูฉู่ว่าเขาได้รับตัวของอวิ๋นหลัวฉวนกลับมาแล้ว

จวินฉูฉู่จึงพยายามฝืนบังคับร่างกายที่โมโหออกมาจากในเรือน

เมื่อเห็นท่านอ๋องตวน จวินฉูฉู่จึงเดินเข้าไปหาและก้มศีรษะโค้งคารวะ “ท่านอ๋อง”

“นางกลับมาแล้วอยู่ที่ห้องโถงด้านหน้า ไปหากันเถอะ”

ท่านอ๋องตวนหันหลังเดินไปที่ห้องโถงด้านหน้า จวินฉูฉู่ไม่ได้สังเกตว่ามีอะไรผิดปกติและเดินตามท่านอ๋องไปที่ห้องโถงด้านหน้า

ดวงตาของท่านอ๋องตวนแทบไม่กะพริบและเขาถอนหายใจ

ขึ้นไปไม่ได้ ลงก็ไม่ได้

เมื่อทั้งสองมาถึงที่ห้องโถงด้านหน้า อวิ๋นหลัวฉวนกำลังพูดคุยอย่างเป็นมิตรกับแม่นมเว่ย

ในขณะนี้แม่นมเว่ยรู้สึกได้ว่า แม้ว่าอวิ๋นหลัวฉวนจะเกิดจากลูกของแม่ทัพ แต่เมื่อเทียบกับจวินฉูฉู่แล้ว กลับเหมาะสมกับการเป็นพระชายาตวนเสียอีก

แต่เรื่องเหล่านั้นแม่นมเว่ยไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ เป็นคนใช้ทำได้เพียงทำตามคำสั่งของเจ้านายเท่านั้น

และเมื่ออวิ๋นหลัวฉวนจะกลับมาที่จวนท่านอ๋องตวนแล้ว แม่นมเว่ยจึงไม่อยากอยู่ที่จวนต่อไปแล้ว

“ข้าน้อยต้องกลับไปรายงานพระมเหสีหวาแล้วเจ้าค่ะ” แม่นมเว่ยเดินไปที่ประตู จวินฉูฉู่รีบออกไปส่งและอวิ๋นหลัวฉวนก็เดินตามออกไป

ท่านอ๋องตวนนั่งลงและเริ่มแสดงอาการเหม่อลอย

เมื่อจวินฉูฉู่เดินกลับเข้ามาจึงเริ่มชวนท่านอ๋องตวนพูดคุย “ในเมื่อพระชายารองอวิ๋นกลับมาแล้ว หม่อมฉันขอตัวไปจัดเตรียมสถานที่ก่อน ส่วนท่านอ๋องรออยู่ตรงนี้ประเดี๋ยวหม่อมฉันจะรีบกลับมาเพคะ”

อวิ๋นหลัวฉวนไม่ได้สนใจอะไรมากนักและหันหลังเดินออกไป

หนานกงเย่ใช้เวลาทั้งวันในการแช่ตัวอยู่ในสระกำมะถันเพื่อล้างตัว

ฉีเฟยอวิ๋นยืนอยู่บนสระน้ำและมองไปที่หนานกงเย่ด้วยสีหน้าไม่ดีนัก เดิมทีหนานกงเย่ต้องการจะอธิบาย ทำเช่นนี้เขาจึงไม่กล้าแม้แต่จะอ้าปากพูดออกมา

“พระชายา รับประทานอาหารได้แล้วขอรับ”

พ่อบ้านรายงานอยู่ภายนอก เมื่อเห็นท่านอ๋องไม่ออกมา เกรงว่าจะเกิดอันตรายขึ้นจึงรีบเข้ามาเตือน

ฉีเฟยอวิ๋นจึงถามว่า “ล้างสะอาดดีแล้วหรือยังเพคะ?”

“สะอาดแล้ว ข้าแช่มาทั้งวันจนเกือบจะเปื่อยแล้ว” หนานกงเย่ยังคงรู้สึกเสียใจ

จึงทำให้ร่างกายรับไม่ไหว

ฉีเฟยอวิ๋นจึงหันหลังเดินออกไป “ออกมาเถอะเพคะ”

หนานกงเย่รีบออกไป และเมื่อออกจากประตูมาก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อมองไปที่มือและเท้าก็เห็นว่ามือเปื่อยและเท้าเปื่อยหมดแล้ว

ตอนกลางคืนหนานกงเย่ก็ไม่ได้ออกไปไหน ฉีเฟยอวิ๋นจึงเรียกให้คนนำสำรับอาหารเข้าไปส่งในห้อง เพื่อให้หนานกงเย่รับประทานอาหารให้อิ่ม

เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ หนานกงเย่จึงอธิบาย “เรื่องนี้ไม่ได้เป็นความเต็มใจของข้าเลย ข้าก็ไม่คิดว่าจวินฉูฉู่จะไร้ยางอายเช่นนี้”

ฉีเฟยอวิ๋นขมวดคิ้ว “นางไร้ยางอายหรือไม่นั่นก็เป็นเพราะท่าน ทั้งที่รู้ว่านางมีความคิดที่ไม่ดีต่อท่าน แต่ท่านกลับให้โอกาสนางมีช่วงเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง เป็นเพราะท่านตั้งใจที่จะให้นางได้กระทำลวนลาม”

“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร นางเห็นข้านางจึงไม่เรียกคนใช้ติดตามเข้าไป แต่กลับไปที่ห้องโถงด้านหน้าคนเดียวเพื่อรอข้า?” หนานกงเย่รู้สึกลำบากใจ

ฉีเฟยอวิ๋นกลับไม่ได้โมโหอะไรขนาดนั้น แต่ก็ยังพูดตักเตือน “ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น ห้ามมีครั้งหน้า”

“อวิ๋นอวิ๋นไม่โกรธแล้วหรือ?” หนานกงเย่อดไม่ได้ที่จะพุ่งเข้าไปกอดฉีเฟยอวิ๋น

ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองหนานกงเย่อย่างไม่สบอารมณ์ “หม่อมฉันโกรธที่ท่านอ๋องจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ดี แต่เป็นเพราะถูกหม่อมฉันจับได้คาตา แต่หากทำให้ท่านอ๋องตวนมาเห็นเช่นนี้เข้า และจวินฉูฉู่แว้งกัดท่านข้างหลัง จวินฉูฉู่ร้องไห้เก่งขนาดนั้น ท่านจะทำอย่างไร?

เมื่อถึงเวลานั้นท่านและท่านอ๋ฮงตวนก็จะเป็นศัตรูต่อกัน ท่าคิดว่าท่านจะทำอะไรได้?”

หนานกงเย่รู้สึกสับสนเล็กน้อย เมื่อได้สติขึ้นมาเขามองไปที่ฉีเฟยอวิ๋นอย่างซาบซึ้งใจ “ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร ข้าต้องขอบคุณอวิ๋นอวิ๋น เรื่องเช่นนี้ข้าจะไม่ให้เกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน

ก่อนหน้านี้ในจวนของเรา นางก็ทำเช่นนี้แล้วครั้งหนึ่ง ข้าก็ไม่คิดว่านางจะกล้าทำอีก ดังนั้นจึงทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก

ครั้งหน้าข้าจะไม่ประมาทอย่างแน่นอน”

ฉีเฟยอวิ๋นจึงปล่อยหนานกงเย่ไป แต่ก็ได้ถาม “ท่านไม่ได้มีความรู้สึกกับนางจริงหรือ?”

“ข้าจำนางไม่ได้แล้ว ในสายตาของข้า นางเป็นพระชายาของท่านอ๋องตวนตั้งนานแล้ว ส่วนเรื่องในอดีต……”

หนานกงเย่เหลือบมองฉีเฟยอวิ๋นอย่างระมัดระวัง “ข้าพูดออกไปอวิ๋นอวิ๋นก็อาจไม่เชื่อข้า เท่าที่ข้าพูดมาได้ ก่อนหน้านี้อวิ๋นอวิ๋นเป็นเพียงแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง หากแต่งงานกับจวินฉูฉู่ก็จะเหมาะสมมากกว่า

ข้าและนางเป็นคู่ที่มีใจให้กันตั้งแต่เด็กๆ ตามหลักแล้วก็ควรจะแต่งงานกับนาง

และข้าก็ไม่เคยคิดถึงผู้หญิงคนอื่นเลย

แต่มาวันนี้ หากไม่มอบอวิ๋นอวิ๋นให้กับข้า ข้าก็จะไม่ยอม”

“คำพูดไพเราะแต่ไม่จริงใจ” แต่ฉีเฟยอวิ๋นกลับชอบฟัง แต่น่าเสียดายที่คำพูดที่น่าฟังเกินไปเธอกังวลว่าจะถูกหลอก

หนานกงเย่ลุกขึ้นและกลับไปนอนต่อ หากไม่เชื่อเขาก็ไม่พูดต่อ

ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปนั่งลง และเมื่อเห็นหนานกงเย่มีสีหน้าไม่ดีนัก เธอจึงรู้สึกกังวลเล็กน้อย “รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเพคะ?”

“มีบางที่รู้สึกเจ็บปวด” หนานกงเย่แช่ในน้ำเป็นเวลาหลายชั่วยาม ต่อให้ร่างกายแข็งแรงดีแค่ไหนก็ทนไม่ได้ เขาไม่พูดและไม่ออกมา เพราะกลัวว่าเธอจะโมโหจนล้มป่วยลง

ขณะนี้เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อย หากพูดอ้อนวอนก่อนหน้านี้ไม่กี่คำก็คงไม่ต้องรับโทษเช่นนี้!

ฉีเฟยอวิ๋นปลดเสื้อผ้าของเขาออก และนำขี้ผึ้งและผงยามาทาให้กับเขา

“อวิ๋นอวิ๋น ต่อไปข้าจะระมัดระวังกว่านี้!”

หลังจากทายาเสร็จก็หลับไป แต่ปากก็ยังพูดพร่ำว่าต่อไปจะระมัดระวัง

ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้าขึ้น และเขาได้หลับไปแล้ว

แต่เมื่อเห็นมือของเขาจับมาที่เสื้อผ้าของเธอ ดูเหมือนเขาจะยังไม่ต้องการปล่อยเธอ