ตอนที่ 367 ขอแต่งงานที่สนามบิน

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น

เมื่อซูฉิงเห็นท่าทางของยวี๋น่าใจของเธอก็รู้สึกสับสน แต่เธอก็ยังตบไหล่ยวี๋น่า อยากทำให้เธอร่าเริงขึ้น
ซูฉิงยิ้มและพูด “อะไรกัน เราเป็นเพื่อนสนิทกันนะ มันเป็นเรื่องที่สมควรแล้วที่ฉันจะช่วยเธอดูแลเขา อ้อใช่ ขาขวาของเขาดีขึ้นแล้วหลังได้ฝังเข็มไป บางครั้งเขาก็สามารถลุกจากเตียงและเดินได้สองสามก้าว อาฉีบอกว่าการเคลื่อนไหวจะช่วยเรื่องอาการบาดเจ็บของเขาได้มากเลยล่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ยวี๋น่าก็รู้สึกโล่งใจ และพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
แต่ในขณะเดียวกัน ความเจ็บปวดที่ถูกระงับไว้ในใจก็ปรากฏขึ้นมา เธอแสบจมูก และขอบตาของเธอก็ร้อนผ่าว แต่เธอก็ไม่อยากให้ซูฉิงสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของเธอ เธอจึงหันศีรษะไปอีกทางเงียบๆ และค่อยๆ เช็ดรอยน้ำตาจากหางตาของเธอด้วยปลายนิ้ว
ไม่ว่ายังไงก็ตาม ขาขวาของเทียนเหอดีขึ้นก็ดีแล้ว
แบบนี้ก็ถือว่าพวกเขาเลิกกันจริงแล้ว มันคุ้มแล้ว…
แม้ว่ายวี๋น่าจะรู้สึกเศร้าในใจ แต่เธอก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ เธอพยายามกลั้นน้ำตาไว้ จับมือซูฉิง และกล่าวอย่างขอร้อง “ซูฉิงฉันอยากไปเยี่ยมเขา… เธอพาฉันไปที่นั่นหน่อยสิ”
เมื่อซูฉิงได้ยินคำพูดเหล่านี้ เธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ช่วงนี้ยวี๋น่าถูกโจมตีมามาก และเธอก็เป็นกังวลมากเมื่อเห็นเพื่อนสนิทของเธอหลายเป็นแบบนี้ แต่ในเมื่อตอนนี้ยวี๋น่าเต็มใจที่จะออกไปข้างนอก มันก็ดีแล้ว
“ได้สิ ฉันจะพาเธอไปที่นั่น” ซูฉิงพยักหน้า ปล่อยมือของเธอ และเดินไปรอยวี๋น่าที่ประตู
ยวี๋น่าและซูฉิงออกจากโรงแรมไป เห็นได้ชัดว่าเธอยังคงไม่สบายใจ เธอปัดผมที่ปรกลงมาตรงหน้าเธอและถามอย่างกังวลว่า “ซูฉิง ถ้าฉันไปอู๋เทียนเหอจะยอมเจอฉันไหม?”
ซูฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอนึกถึงอาการของอู๋เทียนเหอในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา นอกเหนือจากการให้ความร่วมมือในการรักษาแล้ว บางครั้งเขาก็จ้องมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย
แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรเลย แต่ซูฉิงก็สามารถเดาได้ว่าเขาอาจจะคิดถึงยวี๋น่า
แต่เธอก็ได้แต่คิด ไม่ได้พูดออกไป เธอเพียงแค่ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่หรอก เธอทั้งสองคนพูดกันชัดเจนแล้ว เขาจะไม่ทำกับเธอเหมือนเมื่อก่อนหรอก เราไปกันเถอะ”
ยวี๋น่าโล่งใจ ซูฉิงขับรถมุ่งหน้าไปทางโรงพยาบาล ระหว่างทางยวี๋น่ารู้สึกประหม่ามาก หัวใจของเธอเต็มไปด้วยภาพของอู๋เทียนเหอ
หลังจากที่เจออู๋เทียนเหอ เธอควรพูดอะไร…
ขณะที่กำลังคิด จู่ๆ โทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น
กริ๊งงงง
ยวี๋น่าหยิบโทรศัพท์ของเธอออกมา เมื่อเห็นว่าเป็นสายของพ่อของเธอ เธอจึงปรับอารมณ์ของเธอก่อนจะรับโทรศัพท์ และพูดอย่างใจเย็น “แม่ มีอะไรรึเปล่า?”
เมื่อได้ยินเสียงที่อ่อนแรงของแม่ของยวี๋น่าดังมาจากปลายสาย “ฮัลโหล.. น่าน่า แม่ แม่ป่วย ลูกรีบกลับมาหน่อยได้ไหม? แม่คิดถึงลูกมาก”
ทันทีที่ยวี๋น่าได้ยินประโยคนี้ เธอก็ขมวดคิ้วแน่น และรีบตอบกลับอย่างรีบร้อน “แม่ แม่เป็นอะไร? แม่ไม่ต้องกังวลนะ ฉันจะรีบซื้อตั๋วกลับไปเลย!”
ซูฉิงสังเกตเห็นการท่าทางของยวี๋น่า จึงรีบเหยียบเบรก และถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้น?”
ยวี๋น่าไม่มีเวลาจะสนใจเธอ หลังจากปลอบแม่เธอทางโทรศัพท์สักพัก เธอก็รีบวางสายไป และรีบพูดอย่างรวดเร็ว “ซูฉิงแม่ฉันป่วย ตอนนี้ฉันไปเยี่ยมเทียนเหอไม่ได้แล้ว เธอรีบไปส่งฉันที่สนามบินได้ไหม? ฉันจะกลับไปหาแม่!”
“คุณน้าไม่สบายเหรอ? เป็นอะไร?”
เมื่อซูฉิงได้ยินคำพูดของยวี๋น่าเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล เธอเคยเจอพ่อกับแม่ของยวี๋น่า และชอบพวกเขามาก
ขณะที่เธอถาม เธอก็กลับรถและมุ่งไปยังสนามบิน ดวงตาของยวี๋น่าเต็มไปด้วยความกังวล “ฉันก็ไม่รู้… เฮ้อ นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย…”
ภายใต้แรงกดดันจากหลายสิ่งหลายอย่าง ในที่สุดยวี๋น่าก็ไม่สามารถกลั้นมันได้อีกแล้ว เธอจึงปล่อยโฮออกมา เธอกุมมือไว้ที่หน้าผากของเธอ ดูเหมือนจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่เธอมีในการร้องสะอื้น
เดิมทีเธอคิดว่าเธอจะไม่เศร้าอีกต่อไปแล้ว
ซูฉิงก็เป็นกังวลมากเช่นกัน เธอต้องขับรถไปด้ววย และก็ปลอบยวี๋น่าไปด้วย “เอาล่ะ ไม่ร้องไห้นะ คุณน้าเป็นคนดีพระคุ้มครองต้องไม่เป็นอะไรแน่”
รถของพวกเขาแซงรถบนถนนเกือบทุกคันแล้ว และในที่สุดก็มาถึงสนามบินภายในยี่สิบนาที
ทันทีที่รถหยุด ยวี๋น่าก็แทบรอไม่ไหวที่จะเปิดประตูรถและวิ่งออกไปทันที ซูฉิงรีบถือกระเป๋าที่เธอทิ้งไว้บนรถตามเธอไป “น่าน่า กระเป๋าเธอ!”
เธอเห็นยวี๋น่าวิ่งกลับมา จากนั้นก็รีบวิ่งไปที่ล็อบบี้ของสนามบิน ราวกับเป็นลูกข่าง เธอหายใจด้วยความเหนื่อยหอบ แววตาเต็มไปด้วยความกังวล
ซูฉิงหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาแล้วกดเบอร์ “ฮัลโหล คุณอยู่ที่ไหน…”
หมายเลขที่เธอกดโทรไปคือหมายเลขโทรศัพท์ของหลินหนาน
ไม่นานหลังจากที่ยวี๋น่าเข้าไปในสนามบิน รถของหลินหนานก็มาจอดที่ด้านนอกสนามบิน ตอนที่เขาลงจากรถ เธอก็ได้พบกับซูฉิง เมื่อเห็นแววตาของเธอ หลินหนานก็พยักหน้าอย่างมั่นคงและวิ่งเข้าไปทันที
ในสนามบินมีคนเยอะมาก หลินหนานคอยมองหาเงาของยวี๋น่า และในที่สุดเขาก็เจอเธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านนอก
เขาถือช่อดอกไม้ไว้ในมือ และเดินผ่านฝูงชนไปหยุดอยู่ข้างยวี๋น่า จากนั้นเขาก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วยื่นช่อกุหลาบในมือให้
“พี่น่า!”
ยวี๋น่าที่กำลังกังวลเกี่ยวกับอาการของแม่ของเธอ เมื่อเห็นว่าจู่ๆ หลินหนานก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเธอ เธอก็ตกใจมาก
“หลินหนาน ทำไมนายมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”
“ผมตามพี่มาจนถึงสนามบิน…” หลินหนานลูบท้ายทอยของเขาและพึมพำ จากนั้นก็ราวกับนึกอะไรบางอย่างได้ เขาก็ยื่นช่อดอกไม้ให้เธออีกครั้ง และพูดกับยวี๋น่า
“พี่น่า ผมมาขอพี่แต่งงาน ผมรู้ว่าช่วงนี้จิตใจพี่ยังวุ่นวาย ยังหลบหน้าผมอยู่ แต่ผมอยากบอกพี่ว่าผมตั้งใจจริงๆ ผมได้ตัดสินใจแล้วว่าพี่คือผู้หญิงคนเดียวที่ผมอยากแต่งงานด้วย แต่งงานกับผมนะครับ ให้ผมได้ดูแลพี่ได้ไหม?”
ผู้คนที่รอเครื่องอยู่รอบๆ ต่างก็ถูกดึงดูดโดยชายหญิงคู่นี้ มองมาที่พวกเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็นและประหลาดใจ และมีคนโห่ร้องให้กำลังใจมากมาย
ยวี๋น่าไม่เคยเจอกับสถานการณ์อย่างนี้เลย หรือพูดได้ว่าที่เธอเคยเฝ้าฝันถึงคืออู๋เทียนเหอเป็นคนขอเธอแต่งงาน
เธอเม้มริมฝีปาก มองไปที่ดวงตาที่ร้อนแรงของหลินหนาน และเธอก็ส่ายหัว
“ขอโทษนะหลินหนาน…ตอนนี้ฉันยังไม่อยากพูดเรื่องพวกนี้แล้ว และเรื่องระหว่างเรามันเป็นอุบัติเหตุ และฉันก็…ไม่ได้ชอบนาย”
ประโยคเหล่านี้หลินหนานได้คาดเดาไว้ก่อนแล้ว แต่เมื่อเขาได้ยินยวี๋น่าพูด เขาก็ยังรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
เมื่อผู้คนที่อยู่รอบๆ เห็นเช่นนี้ก็รู้สึกว่าไม่น่าสนใจ และพากันแยกย้ายไป
ตอนนี้ยวี๋น่าไม่มีเวลาที่จะมาสนใจหลินหนาน และเธอก็ไม่มีเวลาสนใจอารมณ์ของเขาเลย หลังจากพูดจบเธอก็หันหน้าไปด้านข้างเพื่อมองไปที่ป้ายเที่ยวบิน

สามชั่วโมงต่อมา เครื่องบินลงจอดที่สนามบินในเมือง H
ยวี๋น่าเดินตามฝูงชนออกมาจากสนามบิน แต่ทันทีที่เธอออกมา เธอก็เห็นหลินหนานอยู่ที่ทางออก
ยวี๋น่ามองเขาอย่างช่วยไม่ได้ “ทำไมนาย…”
หลินหนานพูดอย่างจริงจัง “พี่น่า ผมรู้ว่าตอนนี้พี่ไม่ตอบรับผมแน่ๆ แต่ผมยินดีที่จะไปกับพี่นะ”
“หลินหนาน ฉันบอกไปแล้วว่าฉันไม่ได้ชอบนายจริงๆ เรื่องของเราเป็นแค่อุบัติเหตุเท่านั้น” หลังจากยวี๋น่าพูดจบ เธอก็เดินต่อ เธอมองกลับไปด้านหลังด้วยหางตาและพูดอย่างจริงจังว่า “นายไม่ต้องตามฉันมานะ”