ตอนที่ 409 ตกหลุมรักซูมู่ชิง!

ซูหมิงเจ๋อเองก็เห็นด้วยกับข้อสันนิษฐานของภรรยา

ถึงแม้ว่าพี่ใหญ่ของเย่เฉินจะดูไปแล้วเป็นคนซื่อ ไม่ใช่คนละโมบ จนยอมยกทรัพย์สมบัติที่มีทั้งหมดให้น้องชาย

แต่ว่าซูหมิงเจ๋อรู้ดีว่าลูกหลานตระกูลเย่นั้นล้วนแต่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก ไม่มีคนซื่อ หรือคนโง่เง่าแน่นอน

เย่เทียนคนนี้เป็นคนที่ซูหมิงเจ๋ออ่านไม่ออกเลย!

หลังจากที่เย่เฉินและซูมู่ชิงกลับห้องไปแล้ว เย่เฉินรู้สึกเก้อเขินอย่างยิ่งเมื่อต้องสบตาอีกฝ่าย

เขาไม่อยากให้หญิงสาวรู้สึกว่าตนเองเป็นคนเห็นชีวิตสมรสเป็นเหมือนเรื่องขายของ ไม่อยากให้หญิงสาวเข้าใจผิด

“มู่ชิง คุณอย่าไปฟังหวังเจียเหยาพูดจาเหลวไหลนะ ผมไม่ได้แตะต้องหล่อนเลย หล่อนแกล้งผม”

เย่เฉินอธิบาย

ทว่าเขากลับต้องประหลาดใจอย่างยิ่ง ซูมู่ชิงกลับหัวเราะคิกคัก

“ที่รัก คุณไม่ต้องอธิบายหรอกค่ะ ฉันเชื่อคุณอยู่แล้ว”

“มู่ชิง…”

เย่เฉินคิดไม่ถึงว่าซูมู่ชิงจะเชื่อใจตนเองมากขนาดนี้ เขาจึงซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง

เช้าตรู่ของวันต่อมา ฝนยังไม่ทันตก เย่เฉินและซูมู่ชิงก็พาซือซือออกจากบ้านหลังนี้โดยที่ไม่บอกพ่อแม่เขาก่อน

ไม่กินแม้แต่อาหารเช้าด้วยซ้ำ

นี่คือสิ่งที่ซูมู่ชิงเป็นคนเสนอ เพราะว่าหล่อนรู้ว่าเย่เฉินไม่อยากเจอหน้าหวังเจียเหยาบนโต๊ะอาหาร

ซูมู่ชิงคิดเผื่อเย่เฉินตลอดเวลา อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับเขาเป็นลำดับแรก

เพื่อเย่เฉินแล้ว ไม่ว่าจะมารยาท ครอบครัว ก็ล้วนแต่ไม่สำคัญ

ผู้ชายคนไหนบ้างจะไม่อยากแต่งงานกับภรรยาแบบนี้!

ระหว่างทางกลับ เสี่ยวซือซือขึ้นรถมาก็ผลอยหลับไปทันที เพราะโดนปลุกแต่เช้า เด็กหญิงยังนอนหลับไม่เพียงพอ

ซูมู่ชิงหันมาถามเย่เฉิน “ที่รัก คุณอยากจะมีน้องชายหรือน้องสาวให้ซือซือดีคะ”

ทั้งสองคนนอนด้วยกันมาสองคืนติดต่อกันแล้ว อนาคตก็น่าจะรักกันแบบนี้

ดังนั้นซูมู่ชิงเลยอยากมีลูกให้เย่เฉินอีกสักคน

เย่เฉินกลับมีท่าทีลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด

เขาชอบซูมู่ชิงมากขึ้นทุกทีก็จริง แต่สุดท้ายเขาก็ยังไม่ลืมฉินหงเหยียน

เขายังไม่ลืมสาเหตุที่แต่งงานกับซูมู่ชิง นั่นคือเพื่อตามสืบข่าวคราวของฉินหงเหยียน!

เย่เฉินขับรถพลางกล่าว “ยังไม่ต้องรีบร้อนหรอกครับ ถ้าคุณตั้งท้องแล้วจะไปไหนไม่ได้ ทำได้แค่เลี้ยงลูกอยู่บ้านนะ เราเพิ่งจะแต่งงานกัน ผมยังอยากพาคุณไปเที่ยวรอบโลกก่อน”

ซูมู่ชิงดูจะชอบเหตุผลี้มากทีเดียว หล่อนเองก็อยากจะไปเที่ยวรอบโลกกับเขา

“ค่ะก็ดีเหมือนกัน! แต่ตอนที่ไปเที่ยวกันแล้วดันท้องขึ้นมาคุณจะโทษฉันไม่ได้นะคะ”

ซูมู่ชิงหัวเราะเสียงแผ่ว

เย่เฉินเองก็กล่าวเจือเสียงหัวเราะ “ต้องโทษคุณแน่ สบายใจได้เลย”

แล้วเวลาทั้งวันก็ผ่านไปแบบนี้

หกโมงครั้งของวันต่อมา เย่เฉินเปิดเปลือกตาช้าๆ ก็พบว่าซูมู่ชิงไม่ได้นอนอยู่ข้างกายเขา

เมื่อหันหน้าไปอีกทาง ก็พบว่าซูมู่ชิงจะอยู่ในห้องแต่งตัว หล่อนสวมชุดราตรีสีขาวบริสุทธิ์ที่สวยงามอย่างมาก

ทำให้หญิงสาวดูสูงศักดิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสวมต่างหูที่ราคาแพงที่สุดในโลกคู่นั้นของเขา!

เย่เฉินกระเซ้าถามอีกฝ่าย “ที่รัก คุณตื่นมาทำอะไรตั้งแต่เช้าสวยเชียว คุณจะไปหาผู้ชายที่ไหนครับ?”

ซูมู่ชิงกำลังสวมต่างหูผ่านกระจก หลังจากเห็นเย่เฉินตื่นแล้วก็ส่งยิ้มให้เขา

“ที่รักคุณตื่นแล้วเหรอคะ คุณลืมไปแล้วเหรอว่า พี่ชายกับพี่สะใภ้คุณนัดเราไปกินข้าวเช้าวันนี้”

หญิงสาวพูดพลางเดินมาทรุดตัวนั่งลงข้างเตียง

กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของแอร์เมสรุ่น EAU DES MERVEILLES ก็ลอยโชยเข้ามาที่จมูก

เย่เฉินคว้าข้อมือบางของซูมู่ชิงมาจับเล่นอย่างอดไม่ได้ หลายวันมานี้ทั้งสองคนยิ่งตัวติดกันมากขึ้นทุกที

เย่เฉินกล่าวพลางระบายยิ้ม “ไปเจอพี่ชายพี่สะใภ้ผม คุณแต่งตัวเสียเป็นทางการขนาดนั้นทำไม? คนในครอบครัวเดียวกันแท้ๆ แต่งตัวตามปกติก็พอแล้ว”

ซูมู่ชิงกล่าว “ได้อย่างไรล่ะคะ ได้ยินมาว่าพี่ชายของคุณอยู่กับพวกเชื้อพระวงศ์อังกฤษด้วย ถ้าเกิดไปเจอกันเข้า ฉันแต่งตัวไม่เรียบร้อยก็เสียมารยาทแย่เลยไม่ใช่หรือไง?”

เย่เฉินถึงได้เข้าใจว่าทำไมซูมู่ชิงถึงได้ให้ความสำคัญกับการแต่งตัวขนาดนี้

มันก็จริง เวลาพวกตระกูลใหญ่ๆ รับแขก จะให้ความสำคัญกับมารยาทอย่างมาก

และในเวลานี้เองจู่ๆ เย่เฉินก็สังเกตได้ว่าซูมู่ชิงแต่งหน้าแล้ว แต่ยังไม่ได้ทาลิปสติก

“ที่รักคุณแต่งหน้าทารองพื้น ปัดแก้มแล้ว แต่เหมือนจะลืมทาลิปสติกนะครับ”

เย่เฉินกล่าวเตือน

ซูมู่ชิงกลับไม่มีท่าทีตกใจแต่อย่างใด ในทางกลับกันเจ้าหล่อนกลับมีท่าทีเขินอาย “ฉัน…ไม่ได้ลืมสักหน่อย”

เย่เฉินหัวเราะ แล้วเขาก็เข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมซูมู่ชิงแต่งหน้าเรียบร้อยแล้ว แต่กลับไม่ทาลิปสติก

ที่แท้เพราะหล่อนรอจะ Morning kiss กับเขานี่เอง!

แหม ผู้หญิงนี่ก็!

คิดไม่ถึงว่าซูมู่ชิงที่ใสซื่อมาตลอดจะเป็นผู้หญิงที่เจ้าแผนการเหมือนกัน!

เย่เฉินแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ เขากระวีกระวาดลงจากเตียง “จะสายแล้ว ผมต้องรีบไปอาบน้ำแล้วล่ะ จะได้ออกบ้านกัน”

“เดี๋ยวสิ ที่รักคะ! น่ารำคาญคุณจัง!”

ซูมู่ชิงดึงเสื้อแฟนหนุ่ม แต่เย่เฉินเดินตัวปลิวไปเสียแล้ว ทำให้ซูมู่ชิงทำอะไรไม่ถูก

แต่เย่เฉินกลับเบิกบานใจอย่างเหลือเกิน

เดิมคิดว่าเขาจะพยายามรักษาระยะห่างหลังจากแต่งงานกับหญิงสาวแล้ว

คิดไม่ถึงว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งสองจะพัฒนาเป็นไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน

เพียงแค่สามวันก็รักกันหวานซึ้ง อีกทั้งดำเนินมาจนถึงขั้นถกเถียงหยอกล้อกันแล้ว

วันนี้ฝนหยุดตกแล้ว หลังจากที่ทั้งสองคนแต่งตัวเสร็จแล้วก็ขับรถตรงไปยังโรงแรมที่เย่เทียนและภรรยาพัก

โรงแรมที่เย่เทียนพักนี้เป็นโรงแรมที่จัดไว้ต้อนรับพวกอาคันตุกะคนสำคัญจากต่างประเทศ เช่นคณะรัฐบาล เชื้อพระวงศ์ต่างๆ คนมีชื่อเสียง นักวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะ

คนปกติจะเข้าไปพักอาศัยไม่ได้

ตอนเย่เฉินและซูมู่ชิงเข้าไปด้านในยังโดนค้นร่างกายด้วยซ้ำไป

เครื่องแสกนตัวจะกวาดหนึ่งรอบ จากนั้นก็จะมีพนักงานมาค้นตัว เพื่อตรวจสอบซ้ำ

แน่นอนว่าพนักงานค้นตัวนั้นมีทั้งชายและหญิง ผู้ชายตรวจให้ผู้ชาย ส่วนผู้หญิงก็ค้นตัวผู้หญิงด้วยกัน

แต่ว่าต่อให้เป็นผู้หญิงด้วยกันแตะตัวภรรยาของเขา เย่เฉินก็ยังรู้สึกหึงหวงอยู่ดี

“บ้าบอ หรือว่าฉันรักซูมู่ชิงเข้าแล้วจริงๆ ใช่ไหมนะ? แค่นี้ก็หึง! ไม่น่าจะเร็วขนาดนี้นี่นา!”

อยู่กันไปเดี๋ยวก็รักกันไปเองอะไรพวกนั้น เย่เฉินเพิ่งจะแต่งงานกับซูมู่ชิงได้แค่สามวัน เขาจะรักหล่อนอย่างลึกซึ้งขนาดนี้เชียวเหรอ?

เย่เฉินเองก็เคยเรียนวิชาจิตวิทยา ดังนั้นไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นมาช่วย เขาเองก็สามารถวิเคราะห์ความรู้สึกของตนเองได้

“ฉันว่าที่ฉันชอบซูมู่ชิงเร็วขนาดนี้เป็นเพราะซูมู่ชิงเหมือนหวังเจียเหยามาก! ทั้งสองคนสวยหยาดฟ้าทั้งคู่ แล้วฉันเองก็เคยชอบหวังเจียเหยา แต่หวังเจียเหยาไม่ใช่ผู้หญิงที่ควรค่าให้รักนักหนา ส่วนซูมู่ชิงไม่เพียงแต่สวยเหมือนหวังเจียเหยา แต่ยังอ่อนหวานแบบที่ผู้หญิงคนอื่นไม่มี หล่อนทั้งรักเดียวใจเดียว ใจดี รักจริงแล้วยังมีมารยาทอีกด้วย พูดได้ว่าหล่อนมีข้อดีที่หวังเจียเหยามี แต่ยังไม่มีข้อเสียแบบที่หวังเจียเหยามีด้วย!”

หลังจจากวิเคราะห์เรียบร้อยแล้ว เย่เฉินก็รู้สึกว่าได้อยู่กับผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบนานๆ เข้าย่อมต้องตกหลุมรักหญิงสาวอย่างถอนตัวไม่ได้

“หงเหยียน คุณรีบกลับมาเถอะนะ…”

เย่เฉินทำได้แค่อธิษฐานแบบนี้ ไม่อย่างนั้นเขาเองก็ไม่รู้จริงๆ

ว่าตอนที่วันไหนฉินหงเหยียนกลับมา เขาไม่แน่ใจว่าตนเองจะทิ้งซูมู่ชิงได้ลงคอ!

“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้!”

เย่เฉินและซูมู่ชิงมาถึงร้านอาหารฝรั่งก็เห็นเย่เทียนและยูมิ