ตอนที่ 410 ล่วงรู้ความจริงเรื่องที่ฉินหงเหยียนหายตัวไป!
เย่เทียนและยูมิเองก็กำลังกินข้าวเช้าด้วยกันที่โซนบุฟเฟต์อาหารเช้าของโรงแรม
ที่นี่คนมีคนไม่เยอะส่วนมากเป็นคนต่างชาติ
“ไปหยิบอะไรมากินสิไป”
ยูมิกล่าวกับทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม
อาหารเช้าที่นี่เป็นบุฟเฟต์ไม่จำเป็นต้องใช้คูปองหรือบัตรอะไร
ขอแค่มีปัญญามาปรากฏตัวที่หน้าประตู อาหารนับร้อยที่มีในนี้เลือกเอาได้ตามสบาย
ซูมู่ชิงเองชิงเดินไปเลือกอาหารก่อน
เย่เฉินเองก็อยากจะเดินตามอีกฝ่ายไป แต่เย่เทียนกลับชิงลุกขึ้นแล้วเดินมาหาน้องชาย
“น้องสาม ขึ้นไปเอาของด้านบนเพื่อนพี่หน่อย แล้วค่อยกลับมากิน” เย่เทียนกล่าว
“อ้อ”
เย่เฉินเองก็ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็เดินตามเย่เทียนออกไป
เมื่อมาถึงลิฟต์เย่เฉินก็ถามพี่ชาย “พี่ใหญ่ หลายวันมานี้ที่เมืองหลวงเรียบร้อยดีใช่ไหมครับ?”
เย่เทียนส่ายหน้า “เรียบร้อยดี ฉันอยู่กับเจ้าชายและพระชายาของเขา คนตระกูลซูไม่กล้าแตะฉันหรอก”
เมื่อแตะบัตรเข้าห้องพักไปแล้ว เย่เทียนก็ไม่ได้มีท่าทีจะหาของอะไรทั้งนั้น
เย่เฉินพอจะมองออกว่าเย่เทียนจงใจเรียกตนเองขึ้นมาด้านบน เพื่อหาโอกาสคุยกันสองต่อสอง
เย่เทียนกล่าว “น้องสามคืนนี้พี่จะไปแล้ว”
เย่เฉินเองก็ประหลาดใจไม่น้อย “พี่จะไปวันนี้แล้วเหรอครับ? ไม่อยู่ต่ออีกหน่อยเหรอครับ? พ่อแม่ซูมู่ชิงและก็คุณปู่ของหล่อนยังอยากจะนัดเรากินข้าวกับพวกเขาอีกสักมื้ออยู่เลยครับ”
เย่เทียนส่ายหน้าด้วยท่าทีจริงจัง “ที่จริงที่ฉันมาที่นี่ก็อันตรายมากแล้ว จะอยู่ที่นี่นานไม่ได้”
เย่เฉินพยักหน้า เขาเองก็พอจะรู้ว่าตระกูลเย่ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงวุ่นวาย
เย่เทียนกล่าวด้วยใบหน้าตึงเครียด “ก่อนพี่จะไป มีบางเรื่องอยากจะบอกนาย หลังจากที่ตามสืบลับๆ แล้วพี่ก็ได้ข่าวพี่รองของนาย”
เย่เฉินเองก็ประหลาดใจอย่างมาก “ตอนนี้พี่รองอยู่ที่ไหนครับ?”
เย่เทียนส่ายหน้า “ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่าก่อนนี้เขามาที่เมืองหลวงแล้วพาตัวฉินหงเหยียนไปด้วย”
เย่เฉินตกตะลึงทันที “พี่ใหญ่ครับ…พี่พูดอะไรของพี่? พี่ว่าหงเหยียนโดนพี่รองพาตัวไปเหรอครับ?”
เย่เฉินคิดมาตลอดว่าฉินหงเหยียนโดนคนตระกูลซูเอาตัวไปซ่อน เพื่อใช้หล่อนบีบให้เขาแต่งงานกับซูมู่ชิง!
เย่เทียนหยิบรูปถ่ายที่เพิ่งปริ้นท์ออกมาไม่นานจากกระเป๋าถือ
“นายดูสิ นี่คือรูปถ่ายที่กล้องวงจรปิดในสนามบินวันนั้น”
เย่เฉินพินิจมองรูปถ่ายอย่างละเอียด ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะแต่งตัวมิดชิดอย่างมาก
แต่ว่าจากดวงตาและเรือนร่างของทั้งสองคนแล้ว เย่เฉินก็แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่านั่นคือเย่เซวียนและฉินหงเหยียน!
ฉินหงเหยียนยังสวมชุดในวันที่เลิกกันวันนั้นอยู่เลย!
“ถูกแล้วครับ ฉินหงเหยียนแน่ๆ!”
เย่เฉินตื่นเต้นอย่างมาก ตั้งแต่ที่หญิงสาวหายตัวไป ในที่สุดเขาก็ได้ข่าวคราวของหญิงสาวเสียที!
และในวินาทีนี้เย่เฉินก็พบว่าเส้นสายของพี่ชายนั้นมีมากกว่าตนเองมาก
เขาตามสืบอยู่นานแต่ก็ไม่ได้ข่าวคราวอะไรของฉินหงเหยียนเลย
แต่เย่เทียนเพิ่งมาที่นี่ได้สามวันก็ได้ภาพถ่ายของฉินหงเหยียนและเย่เซวียมาแล้ว อีกทั้งเรื่องนี้ยังเกิดขึ้นไปนานแล้วด้วย
ยิ่งเรื่องที่เกิดขึ้นนานเท่าไหร่ อยากจะตามสืบก็ยิ่งยากขึ้นตามไปเท่านั้น
ที่จริงแล้วเมื่อประมาณ 7-8 ปีก่อน เย่เทียนก็เคยถูกส่งมาฝึกที่นี่
ดังนั้นเขาอยู่ที่นี่ก็พอจะมีเส้นสายและลูกน้องของตนเอง
เพียงแต่เย่เทียนเก็บเขี้ยวเล็บเอาไว้อย่างไม่ชิด อย่าว่าแต่คนนอกไม่รู้เลย
กระทั่งน้องชายอย่างเย่เฉินยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกน้องของพี่ชายเป็นใครบ้าง
เย่เฉินถือรูปถ่ายแล้วซักไซร้ “ทำไมพี่รองต้องจับฉินหงเหยียนไปด้วย!”
“เอ่อ”
และในเวลานี้เองเย่เทียนก้มหน้าลงพลางถอนหายใจเหมือนว่ามีเรื่องอยากจะเอ่ยปาก
เรื่องของผู้หญิงที่เย่เฉินรักสุดหัวใจ จะให้เขาทนไม่รับรู้เรื่องราวได้อย่างไร
เขาคว้าเสื้อพี่ชาย แล้วตะโกนถามเสียงดัง “พี่ใหญ่ พี่รู้ใช่ไหมว่าเพราะอะไร? รีบบอกผมมา”
เย่เทียนมีสีหน้าลำบากใจ “น้องสาม พี่และพี่รองของนาย เราสามคนโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ถึงแม้ว่าพอโตแล้วเราจะนานนานเจอกันทีและไม่ค่อยได้ติดต่อกัน แต่พี่คิดไปเองว่าสายสัมพันธ์พี่น้อง ของเราไม่เคยจางหายไป“
เขาเองก็คิดเช่นนั้นว่าสายใยสัมพันธ์พี่น้องของพวกเขาลึกซึ้งมากเสียยิ่งกว่าพี่น้องที่เจอหน้ากันทุกวันเสียอีก!
เย่เทียนกล่าวต่อ “แต่ว่า อย่างไรเสียเย่เซวียน ก็ไม่ได้มีแม่คนเดียวกับเรา เราเห็นเขาเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดแต่เขาอาจจะไม่ได้คิดแบบนั้นก็ได้ พี่รู้สึกตลอดว่าลึกๆ แล้วเขาเกลียดชังพวกเรา”
“อะไรนะครับ?”
เย่เฉินชะงัก พี่รองทำไมถึงได้…
เย่เทียนกล่าว “น้องสาม นายลองคิดให้ละเอียด ตอนนายไปสงครามเขาก็จัดแจงโยนซูมู่ชิงไปให้นาย เป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือเค้าจงใจทำแบบนี้กันล่ะ ผู้หญิงสวยสวยในประเทศเรามีมากมายนับไม่ถ้วนทำไมเค้าถึงต้องเลือกผู้หญิงจากตระกูลซูที่ทรงอำนาจแบบนั้น”
ที่จริงเย่เฉินก็เคยคิดปัญหาเรื่องนี้มาก่อน เค้าเองก็รู้สึกว่าเรื่องที่พี่ชายส่งตัวซูมู่ชิงมาให้เขานั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ซูมู่ชิงเป็นผู้หญิงสวยก็จริงแต่คนสวยไม่ได้มีแค่หล่อนเพียงคนเดียว
ไม่ต้องพูดถึงอะไรไกลแค่ที่อวิ๋นโจวก็มีหวังเจียเหยา อีกทั้งยังเป็นตระกูลไม่ใหญ่มากมาย เป็นหลานสาวที่ย่าไม่ค่อยรัก
เขาจับตัวหวังเจียเหยามาให้เย่เฉินคั่วดีกว่าไหม?
จบเรื่องก็จะไม่โดนตระกูลหวังไล่ล้างแค้นด้วย
เย่เทียนถาม “นายโดนตระกูลซูล้างแค้นเพราะเรื่องของซูมู่ชิงไม่ใช่หรือไง จนเกือบเป็นอันตรายถึงชีวิตด้วยซ้ำ?”
เย่เฉินพยักหน้ารับ
เพราะเรื่องเย่เฉินข่มขืนซูมู่ชิง ทำให้ซูมู่หลินยังใช้เงินฟาดหัวหวังเจียเหยาเพื่อล้างแค้นให้พี่สาว
จนทำให้หนึ่งในลูกแฝดของเย่เฉินไม่ใช่ลูกของเขา ทำให้ในตอนนั้นเย่เฉินสติแตก!
หลังจากนั้นที่เย่เฉินบุกมาตระกูลซู ถ้าเขาไม่ได้จัดแจงเอา UFO มาซุ่มเอาไว้ก่อน
ไม่แน่ว่าตอนนี้เย่เฉินอาจจะโดนคนตระกูชซูสังหารไปแล้ว!
และทั้งหมดนี้เป็นเพราะเย่เซวียน!
ถ้าหากว่าเย่เซวียนไม่จับตัวซูมู่ชิงไปเซ่นเย่เฉินตั้งแต่แรก ก็คงจะไม่เกิดเรื่องวุ่นวายแบบนี้ขึ้น!
เย่เทียนกล่าว “ถึงแม้ว่าพี่จะไม่อยากคิดแบบนี้กับน้องชายตนเอง แต่ว่าพอสรุปๆ ไปแล้วที่เย่เซวียนจงใจทำแบบนี้เพราะเขาอยากจะยืมมือตระกูลซู อาศัยอิทธิพลที่พวกเขามีมาทำร้ายนาย!”
เย่เฉินถอยเท้าไปด้านหลังอย่างไม่รู้ตัวด้วยความตกใจ “อะไรนะครับ? พี่รองเขาอยากฆ่าผมเหรอ?”
เย่เฉิน ไม่กล้าเชื่อความจริงเรื่องนี้!
แต่ไหนแต่ไรมาพี่ชายคนรองดีกับเขามาก มักจะเลือกเฟ้นหาผู้หญิงที่สวยที่สุดมาให้เขา เลือกของขวัญและอาหารที่ดีที่สุดในโลกใบนี้มอบให้เขา
หรือว่าทั้งหมดนี้จะเป็นแค่เรื่องโกหก?
เย่เฉิน ไม่อยากจะเชื่อ “ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ด้วยเหรอครับ? ต่อให้เรา สามคนมีแม่คนละคนกัน แต่พี่เขาก็ไม่จำเป็นต้องฆ่าผมนี่ครับ ตระกูลเย่ของเรามีทรัพย์สมบัติตั้งมากมาย มากจน ต่อให้เราเจ็ดคนพี่น้องหารเท่าๆ กันก็ยังใช้ไม่หมดทั้งชีวิต เขาไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำแบบนี้เพียงเพื่อแย่งชิงสมบัตินี่ครับ!”
เย่เทียนแค่นเสียง “ ไม่ใช่เพราะเรื่องเงินหรอก แต่เป็นเพราะเรื่องความลับของตระกูลต่างหาก!”
ความลับของตระกูล!
ของที่มีแต่ทายาทที่ฝึกฝนภารกิจทั้งหมดของตระกูลสำเร็จแล้วจะได้รู้มันคืออะไรกันแน่!
หรือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่มีมูลค่าเสียยิ่งกว่าทรัพย์สมบัติแสนล้านอีกเหรอ!