บทที่ 113 บทเพลงเดี่ยวเปียโน

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

ทั้งนครอัลโต้ปรบมือสรรเสริญการแสดงของลูเซียน ในโลกใบนี้ ผู้คนไม่คุ้นเคยกับการปลุกเร้าทางอารมณ์อย่างรุนแรงเช่นนี้มาก่อน ทุกคนตกตะลึงไปตามๆ กัน

“ข้าแทบหยุดหายใจ” ลิลิธพูด “การอำนวยเพลงของท่านอีวานส์ทำให้ซิมโฟนีเพลงนี้มีชีวิตใหม่”

“ไม่มีใครรู้จักเพลงดีไปกว่าผู้ประพันธ์เพลงหรอก!” ซาลายังคงปรบมืออยู่ ดวงตาเขาเป็นประกายด้วยความตื่นตาตื่นใจ

เมื่อเปรียบเทียบกับเพลงรูปแบบอนุรักษ์นิยมของวาทยกรเดิมๆ คนที่ไม่มีความรู้เรื่องดนตรีมากนัก ย่อมนิยมการนำเสนอดนตรีตามแบบฉบับของลูเซียนมากกว่า

“เขามันบ้า” ตอนแรกเวอร์ดี้ก็รู้สึกประทับใจ แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขากลับรู้สึกว่าการแสดงอารมณ์ของลูเซียนเยอะเกินพอดี “ลูเซียน ไม่มีคำว่าความสง่างามในหัวเอาเสียเลย”

เวอร์ดี้ไม่ได้คิดไปคนเดียว นักดนตรีสายอนุรักษนิยมคนอื่นหลายๆ คนที่ยึดติดกับธรรมเนียมในอดีตก็พยักหน้ารับ ขณะที่เวอร์ดี้แสดงความเห็น

คาดการณ์ได้เลยว่าหนังสือพิมพ์ ‘ดนตรีวิพากษ์’ และ ‘ข่าวสารซิมโฟนี’ ฉบับวันพรุ่งนี้จะเต็มไปด้วยบทวิจารณ์รูปแบบการอำนวยเพลงของลูเซียน

“ข้ากลับไม่คิดอย่างนั้น เวอร์ดี้” นาตาซาส่ายหน้าด้วยท่าทีตื่นตาตื่นใจ “วิธีการอำนวยเพลงวิธีนี้เกิดมาเพื่อ ‘ซิมโฟนีแห่งชะตาชีวิต’! เจ้าไม่คิดอย่างนั้นหรือ?”

“กระหม่อมเห็นด้วยพะยะค่ะ” คริสโตเฟอร์ ปรมาจารย์ผู้รอบรู้ แสดงความเห็นอยู่ข้างนาตาซา “รูปแบบการอำนวยเพลงของลูเซียนจุดพลังความมุ่งมั่นของวงออร์เคสตราทั้งวง และพวกเขาบรรเลง ‘ซิมโฟนีแห่งชะตาชีวิต’ ในแบบฉบับที่เร้าใจยิ่งกว่าเดิม การอำนวยเพลงรูปแบบนี้ ในความคิดกระหม่อม เหมาะกับแนวทางของเพลงๆ นี้อย่างยิ่งพะยะค่ะ”

“แต่ท่านคริสโตเฟอร์…” เวอร์ดี้มองหน้าเขา

“ข้ารู้ว่าท่านจะพูดอะไร ท่านเคานต์เวอร์ดี้” คริสโตเฟอร์ยิ้ม “อันที่จริง ลูเซียนใส่พลังมากเกินไปนิด เขาแสดงออกชัดเจนเกินไปในการนำเสนอ ‘ซิมโฟนีแห่งชะตาชีวิต’ และเหลือพื้นที่ให้ผู้ชมไว้จินตนาการต่อเพียงน้อยนิด”

แม้แต่นาตาซาเองก็เห็นว่าสิ่งที่คริสโตเฟอร์พูดนั่นถูกต้อง

“อย่างไรเสีย กระหม่อมคิดว่าเราก็ไม่ควรใจร้ายกับนักดนตรีรุ่นใหม่เกินไป และนี่เป็นการแสดงครั้งแรกของเขา” คริสโตเฟอร์ไขว้นิ้วมองไปยังแกรนด์ดยุก “เราต้องการคนรุ่นใหม่ที่มีความสร้างสรรค์ การยอมรับและเปิดใจให้กว้างเป็นบันไดขั้นแรก”

แกรนด์ดยุกยิ้มและพยักหน้า เรื่องที่คริสโตเฟอร์พูดตรงกับสิ่งที่เขากำลังคิดทุกประการ

เรื่องที่ทั้งนาตาซาและเวอร์ดี้อยากจะพูดถูกคริสโตเฟอร์พูดแทนไปหมดแล้ว เวอร์ดี้หันหน้าไปทางอื่น

“หม่อมฉันมีเรื่องอยากถาม ขอประทานอภัยที่ขัดจังหวะ ฝ่าบาท ทำไมลูเซียนเลือกใส่ ‘ซิมโฟนีแห่งชะตาชีวิต’ ไว้เป็นเพลงที่สองของการแสดงคืนนี้” มิเชล เจ้าชายจากอาณาจักซีราคิวส์ ถามด้วยความสับสน “หม่อมฉันหมายถึง… ส่วนที่เหลือของการแสดงมีเพียงการเดี่ยวเปียโนเท่านั้น มันดูไม่ค่อยสมดุลสำหรับหม่อมฉันเลย”

“อืม?” แกรนด์ดยุกหยิบแผ่นรายชื่อเพลงข้างตัวขึ้นมาดู “จริงของเจ้า… มิเชล เจ้าตั้งข้อสังเกตได้ดี ท่านคิดอย่างไร คริสโตเฟอร์?”

“ฝ่าบาท… เพลงที่โด่งดังที่สุดของลูเซียนคือซิมโฟนีแห่งชะตาชีวิต การใช้ซิมโฟนีแห่งชะตาชีวิตเป็นเพลงปิดการแสดงอาจเป็นการจัดลำดับเพลงที่หลายๆ คนคิด” คริสโตเฟอร์ลูบคางเบาๆ “สำหรับตอนนี้ อย่างที่เจ้าชายมิเชลตรัส บัตรรายชื่อเพลงดูไม่ค่อยสมดุล กระหม่อมก็ไม่ได้สังเกตมาก่อนเลยพะยะค่ะ”

หลังจากหยุดพักไปช่วงสั้นๆ ซาร์ดหลับตาลงครึ่งหนึ่ง เขายิ้มและพูดกับทุกคนว่า “หม่อมฉันไม่คิดว่าลูเซียนจะโง่ขนาดนั้นหรอกนะ บางทีเขาคงมั่นใจในการเดี่ยวเปียโนมาก หรืออาจเตรียมอะไรใหม่ๆ มาแสดง คุ้มค่าที่จะรอดู ไม่ใช่หรือ?”

เมื่อพวกเขาได้บทสรุป คณะออร์เคสตราทั้งวงลงจากเวทีไปแล้ว ตอนนี้ บนเวทีเหลือเปียโนเพียงหลังเดียวเท่านั้น

แทนที่จะหันหน้ามาทางผู้ชม เปียโนกลับหันไปในมุมแปลกๆ

เมื่อเห็นลูเซียนปรากฏตัวบนเวทีผ่านโดมคริสตัลอีกครั้ง ปิโอลาถามเพื่อนๆ “ทำไมเขาตั้งเปียโนแบบนี้?”

ผู้คนมากหมายก็กำลังสงสัยเรื่องเดียวกัน

บนเวที ลูเซียนโค้งคำนับผู้ชมและนั่งลงตรงหน้าเปียโน

เขาเริ่มพรมนิ้วกดคีย์บอร์ดของเปียโน มือของลูเซียนเคลื่อนไหวไหลลื่นไปบนคีย์บอร์ด

“เพลงแคนอน จีเมเจอร์ บรรเลงด้วยเปียโน!” ชารอนจำทำนองที่คุ้นหูและไพเราะนี้ได้ในทันที

แม้ฟังดูเรียบง่าย แต่เพลงแคนอน ดีเมเจอร์ อาจเป็นเพลงที่คลาสสิกที่สุดในโลกนี้ ด้วยการเล่นโน้ตเพลงแคนอนซึ่งวนซ้ำทำนองเพลงเมื่อหมดห้องเพลงที่กำหนด การเล่นล้อไล่วนซ้ำด้วยทำนองนุ่มนวลและอ่อนหวานปลอบประโลมห้วงความคิดของผู้ฟังทุกคนดั่งลมเย็นๆ ผู้ชมค่อยๆ เรียกสติคืนมาจากความหนักหน่วงของ ‘ซิมโฟนีแห่งชะตาชีวิต’ ผู้ฟังหลายๆ คนยืดเหยียดตัวอยู่ในที่นั่งและปลดปล่อยอารมณ์ไปตามเสียงเพลงในท่าทีที่ผ่อนคลาย

ลูเซียนนั่งอยู่หน้าเปียโนและบรรเลงด้วยบทเพลงด้วยหัวใจและวิญญาณ หน้าตาคมคายและนิ้วมือที่เรียวยาวและว่องไวของลูเซียนสะกดให้ผู้ชมทุกคนตกอยู่ในภวังค์อีกครั้ง

ราวเจ็ดนาทีต่อมา เสียงปรบมือดังกึกก้องอีกหน แต่ครั้งนี้เสียงปรบมือไม่รุนแรงและคลุ้มคลั่งเหมือนครั้งก่อน แต่เป็นเสียงปรบมือที่นุ่มนวลขึ้น

ครั้งนี้ ผู้ชมสัมผัสได้ถึงความงามและความสงบสุขจากการบรรเลงของลูเซียน

“เปลี่ยนแปลงเพียงนิดเดียว แต่ผลลัพธ์ออกมาต่างกัน” ทำนองของเพลงแคนอนยังคงเกาะอยู่ในหัวใจของปิโอลา “แตกต่างจากเพลงที่ด้วยไวโอลินและฮาร์ปมากเลย”

“นั่นแหละความพิเศษของเปียโน บริสุทธิ์และหนักแน่น” รอยยิ้มหวานๆ ปรากฏบนหน้าเกรซ “ท่านอีวานส์มีเสน่ห์เหลือเกินตอนกำลังเล่น… ทั้งหน้าตา… ทั้งมือ…”

‘ข้ารู้แล้วว่าทำไมเจ้าวางเปียโนในมุมนั้น ลูเซียน!’ ณ อีกฝั่งหนึ่งของห้องเฉลียงของโรงละครซาล์มฮอล นาตาซายิ้มและคิดกับตัวเอง สีหน้าดูเพลิดเพลิน ‘เจ้าอยากให้คนดูเห็นการเคลื่อนไหวของเจ้าชัดๆ สินะ แต่ทำไมไม่บอกข้าก่อนนะ ตอนข้าเล่นเปียโนให้ซิลเวีย?’ นาตาซานึกตำหนิลูเซียนอยู่ในใจ

“เขาวางแผนการแสดงมาเป็นอย่างดี รู้ได้เลยจากวิธีการวางเปียโนของเขา” คริสโตเฟอร์พูด “เรียบง่าย แต่ทรงเสน่ห์ แคนอนเพลงนี้จะเป็นที่นิยมแน่นอน”

ลูเซียนยังไม่ได้ขยับตัวหลังจากบรรเลงเพลงจบ เขายังนั่งอยู่บนเก้าอี้เปียโน ราวกับว่ากำลังเตรียมและรอคอยอะไรบางอย่าง

พักช่วงสั้นๆ ระหว่างสององค์ ชั่วครู่ต่อมา มือของลูเซียนเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง คราวนี้มาในเพลงเดี่ยวเปียโน ประพันธ์ใหม่จากไวโอลินโซนาตา จีไมเนอร์

หลังจากช่วงต้นของเพลงที่เน้นความกระชับและความลื่นไหล ลูเซียนเริ่มบรรเลงโน้ตเพลงสั้นๆ แต่รวดเร็ว นิ้วของเขาราวกับนักเต้นระบำสองคนกำลังเต้นรำอยู่บนคีย์บอร์ดเปียโน

“ไวโอลินโซนาตา จีไมเนอร์?” ผู้ฟังบางคนกระซิบกระซาบกัน “นั่นมันเพลงไวโอลินนะ ไม่มีทางเล่นกับเปียโน…”

เนื่องจากการเดี่ยวเปียโนครั้งนี้ประกอบด้วยไป ‘โน้ตเขบ็ตสองชั้น’ เป็นหลักซึ่งทำให้ท้วงทำนองในห้องเพลงเป็นทำนองเพลงเร็ว มือของลูเซียนก็ยิ่งต้องเคลื่อนไหวเร็วและเร็วขึ้น ด้วยลูกเล่นหลากหลายทั้งการเล่นโน้ตสองตัวพร้อมกัน การเล่นทำนองซ้ำยืนพื้น การเล่นเรียงโน้ตทีละตัว การสลับมือ… ลูเซียนผสมผสานกลวิธีการเล่นเปียโนที่มีเกือบทั้งหมดเข้าด้วยกัน และนั่นทำให้ผู้ชมต้องตกตะลึง

พวกเขาแทบไม่อยากเชื่อสายตานั่นคือมนุษย์ที่กำลังบรรเลงเพลงอยู่

การพรมนิ้มอย่างสง่างามเกินบรรยายของลูเซียนแสดงให้เห็นถึงศักยภาพทั้งหมดที่มีในเปียโน เพลงนี้ไม่เพียงแสดงทักษะการเล่นอันช่ำชองของผู้เล่นเท่านั้น แต่ยังสรรเสริญศักยภาพอันสูงส่งของเปียโนในฐานะเครื่องดนตรีชิ้นใหม่ของโลกใบนี้

เมื่อระดับเสียงไต่สูงขึ้นและสูงขึ้นไป ทำนองก็ถ่ายทอดความตื่นตาตื่นใจมากขึ้นๆ

ผู้ชมต้องใช้ความพยายามอย่างหนักห้ามตัวเองไม่ให้หลุดปากเปล่งเสียงออกมา การบรรเลงยังไม่จบเพียงเท่านี้

ขณะที่ลูเซียนปิดการบรรเลงเพลงนี้ด้วยกลวิธีการพรมนิ้วที่ยากที่สุดและการไล่ระดับเสียง ผู้ฟังทั้งจัตุรัสโห่ร้องและตะโกนด้วยความอิ่มเอม ขณะที่ขุนนางชนชั้นสูงและนักดนตรีในโรงละครก็ปรบมือกึกก้อง

การบรรเลงของลูเซียนทำให้ทุกคนได้รู้ว่าเปียโนมีศักยภาพมากขนาดไหน

……………………………………….