เขาไม่ตอบ เขาใช้มือซ้ายจับพวงมาลัยเอาไว้ แต่กลับยื่นแขนขวาออก และใช้ข้อนิ้วเคาะลงบนกระจกมองหลัง เพื่อสื่อความหมายให้เธอเหลือบมอง
เมื่อมองพฤติกรรมที่อธิบายไม่ถูกของเขา เธอจึงยืดหลังตรงด้วยความสงสัย เพื่อส่งกระจกมองหลัง
หลังจากนั้น เธอถึงกลับสะดุ้งโหยง แก้มของเธอแดงเป็นปื้น มันร้อนผ่าวอย่างน่ากลัว ราวกับเสียหน้าจนไม่อยากเจอหน้าเจอตาผู้คน
เมื่อคืนเหนื่อยสายตัวแทบขาด ดังนั้นหลังกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเสร็จก็ไม่ได้ล้างหน้าล้างตาก่อนและผล็อยหลับไปเลย
บวกกับ การถูกเขาข่มขู่ตั้งแต่เช้ามืด เธอกลัวว่าจะเป็นการปลุกให้คนข้างบ้านต้องพลอยตื่นไปด้วย ดังนั้นจึงรีบลงมาจากตึก แต่ใครจะรู้ว่า…
ใบหน้าที่แดงเป็นปื้นนั้น จนเธอเคาะที่นั่งทางด้านหลังคนขับของเขา “เอ่อคือ ประธานออกัสรบกวนกลับรถหน่อยค่ะ…”
“กลับไปทำอะไร?” มุมปากของเขาเหมือนกระตุกขึ้น และถามกลับทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้ว
“ไป…ล้างหน้า…” น้ำเสียงเล็กๆ ดังเล็ดลอดออกมา
“คุณครูเชอร์รีนเองก็ไม่ติดขัดอะไร ผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะติดขัดอยู่แล้ว เอาตามนี้นะ…” เขาทำตัวสบาย ๆ และไม่คิดจะจอดรถด้วยซ้ำ
เชอร์รีนอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหนแล้ว และไม่สามารถตามน้ำเขาไปได้ จึงพูดข่มขู่ทันที “ถ้าคุณไม่กลับรถ เดี๋ยวถึงสำนักงานเขตแล้ว ฉันก็จะไม่ยอมลงจากรถ!”
นัยน์ตาลึกซึ้งกวาดตามองรอบๆ ออกัสเลิกคิ้วโก่งงามขึ้น จากนั้นก็กลับรถ และจัดการจอดลงข้างทางที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
“ลงรถ” เขาพูดมาหนึ่งคำ
เชอร์รีนเหลือบมองรอบๆ และส่ายหน้ายืนกรานเช่นเดิม “ฉันจะกลับบ้าน!”
ออกัสพูดข่มขู่ทันที “คุณอยากจะลงรถเองดีๆ หรือว่าต้องการให้ผมไปดึงตัวคุณลงจากรถ?”
คำตอบของเธอยังเหมือนเดิม “กลับบ้าน!”
จนระหว่างคิ้วแสดงอาการหมดความอดทน ออกัสลงจากรถ และเดินก้าวเท้าเข้าไปในร้านค้าเล็กๆ ที่อยู่ตรงข้ามเพียงแค่สองก้าว
รอจนเวลาที่เขากลับมานั้น ก็มีน้ำแร่กลับมาด้วยหนึ่งขวด นิ้วเรียวยาวจัดการบิดฝาขวดออก และมีน้ำแร่ไหลอยู่ในอุ้งมือของเขาอยู่ไม่น้อย
ส่วนอุ้งมือในฝ่ามือใหญ่อีกมือก็มีน้ำชุ่ม ลำตัวยาวพลันงอตัวลง และนิ้วมือแห้งกร้านมาอยู่ตรงมุมปากของเธอ จากนั้นก็จัดการค่อยๆ เช็ด เพื่อเช็ดเอาคราบน้ำมันออก
ไม่คิดเลยว่าเขาจะทำเช่นนี้เป็นด้วย เชอร์รีนตะลึงไปชั่วครู่ จนลืมตัวไปเลย
เขาอยู่ใกล้เธอมาก ความเป็นผู้ใหญ่ของผู้ชายและกลิ่นบุหรี่หอมอ่อนๆ อันซับซ้อนมันปกคลุมรอบตัวเธอ เธอรู้สึกว่าหายใจไม่ทั่วท้อง หายใจไม่ออก
นิ้วมืออันแห้งกร้านขยับไปตามนั้น มันช่างดูสนิทสนมอยู่บ้าง
จนแก้มของเธอแดงแจ๋หนักกว่าเขา จนเห็นความหื่นออกมาอย่างชัดเจน พละกำลังที่อยู่ในตัวเหมือนถูกดูดจนหมดตัว ร่างกายชาไปทั่วตัว เหมือนโดนไฟฟ้าแล่นผ่าน
แพขนตาสั่นไหวเล็กน้อย เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น แววตาก็จ้องมองลงบนตัวเขาอย่างไม่รู้ตัว
เขาไม่ได้มองเธอสักนิด เพราะมัวแต่สนใจเช็ดอยู่ตรงบริเวณนั้น นัยน์ตาดำขลับและลึกซึ้ง ราวกับจดจ่อกับสิ่งนั้นและลงมืออย่างอ่อนโยน
วินาทีนั้น หัวใจส่วนหนึ่งของเธอก็อ่อนลง ดั่งก้อนหินกระทบพื้นผิวน้ำ จนคลื่นกระเพื่อมไปทั่ว…
ชั่วครู่ ออกัสลุกขึ้น พลันยืดตัวขึ้นอยู่แวบหนึ่งจากนั้นก็เดินหนีไป พร้อมทั้งใช้สายตากวาดมองมา แก้มอันขาวโพลนของเธอ แต่กลับมีรอยแดงจากการเช็ดถูอยู่บริเวณนั้นอยู่ที่เดียว
ผิวพรรณของเธอละเอียดลออมาก เขาไม่ได้ลงแรงด้วยซ้ำ แต่บริเวณตรงนั้นกลับแดงขึ้นมา แต่กลับรู้สึกว่า ประสาทสัมผัสการรับรู้ช่างดีจริงๆ …
“ยังต้องกลับรถและขับรถกลับไปไหม?” เขามองเธอ
เธอสบตากับแววตาของเขา แต่รีบเบนออกอย่างผิดปกติ เมื่อเอามาเปรียบเทียบกับเมื่อครู่ มันทั้งอ่อนโยนและเชื่อฟัง “ไม่ต้องแล้ว…”
เขากวาดตามองแก้มแดงๆ ของเธอซ้ำอยู่นาน มุมปากคลี่ยิ้มเล็กน้อย เหมือนว่ามีความสุขมาก
รถยนต์ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปทางด้านหน้า แต่การขับรถในครั้งนี้รถกลับสงบลงเยอะ ไม่มีเสียงดังเล็ดลอดออกมาสักแอะ
เชอร์รีนรู้สึกว่าแก้มร้อนผ่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่ถูกเขาสัมผัส มันยิ่งร้อนเหลือทน ร้อนจนหูของเธอร้อนระอุ
เมื่อมาถึงสำนักงานเขตแล้ว เหตุที่มาแต่เช้าตรู่ คนที่มาเราต่อคิวเลยมีแค่สามคู่เท่านั้น
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ก็มาถึงคิวของคนสองคนแล้ว
ออกัสแววตาที่ไร้ความรู้สึก ทำให้คนคาดเดาอารมณ์ไม่ได้ มีอาการเคร่งขรึมไป แต่ในมือของเขาก็จับปากกาเซ็นชื่ออย่างมีพริ้วไสว โดยไม่อาการหยุดค้างแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม
ผ่านไปชั่วครู่ จากนั้น เธอก็ก้มหน้าลง ราวกับตัดสินใจแน่วแน่ที่สุดแล้ว จัดการเซ็นชื่อตัวเองลงไป อย่างจริงจัง
ขั้นตอนมันแสนจะธรรมดาเช่นนี้ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนกลับเปลี่ยนแปลงไปสุดขั้ว…
จากคนแปลกหน้าจนกลายเป็นคนสนิทกัน พลางเปลี่ยนความสัมพันธ์เป็นคู่เรียงเคียงหมอนไปเสียแล้ว…
เมื่อเดินออกมาจากสำนักงานเขต เวลาแปดโมงครึ่งแล้ว
หิมะที่เหมือนผลึกน้ำแข็งจนควบแน่นกลายเป็นเกล็ดหิมะ จนขาวโพลนไปทั่วพื้นดิน
เธอสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ กลิ่นอายความหนาวเย็นไหลเข้าโพรงจมูก จนทำให้เธอตัวสั่นสะท้านด้วยความหนาวเย็น
แค่ชั่วข้ามคืนเท่านั้นเอง อากาศกลับเปลี่ยนเป็นหนาวเย็นขนาดนี้เชียว!
เมื่อครุ่นคิดไปเรื่อย เธอใช้เวลาแค่ชั่วข้ามคืนจากสถานะภาพโสดจนเปลี่ยนเป็นสมรสแล้ว แล้วจะไปสนใจอะไรกับสภาพอากาศล่ะ?
จนแสดงให้เห็นตามภาพ ระยะเวลาแค่ชั่วข้ามคืนก็สามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างมากมาย…
จังหวะที่เธอกำลังคิดเลยเถิดเตลิดไปไกลนั้น ออกัสก็เดินออกมาจากสำนักเขต และยังมีเจ้าหน้าที่เดินตามหลังเขาอีกสองคน เหมือนกำลังพูดอะไรบางอย่างกันอยู่ ท่าทางพินอบพิเทามาก
“ขึ้นรถ” เขาเปิดประตูรถ เพื่อสื่อความหมายให้เธอขึ้นรถ
เชอร์รีนยังคงรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง เธอจงใจแสร้งทำทีเหลือบมองเวลา และพูดเลี่ยงออกไป “แปดโมงครึ่งแล้ว ฉันต้องรีบไปโรงเรียน คุณเองก็คงยุ่งมาก ฉันนั่งรถแท็กซี่กลับเองได้ค่ะ”
ทำเหมือนว่าไม่ได้ยิน เขาขมวดหัวคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็อ้าปากพูดซ้ำอีกครั้ง “ขึ้นรถ!”
คนที่อยู่รอบๆ ต่างเพิ่มจำนวนมากขึ้น และมีสายตาของคนจำนวนไม่น้อยที่มองมาที่ตัวของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า พร้อมทั้งเริ่มพูดกระซิบกระซาบกันขึ้นมาแล้ว และแสดงอาการปลาบปลื้มพร้อมทั้งตกใจออกมาพร้อมกัน
เขาเป็นคนที่สะดุดตาคนที่สุดโดยไม่ต้องสงสัยเลย ดังนั้น ณ สถานที่แห่งนี้ จึงทำให้กลายเป็นจุดสนใจจากสายตาที่อยู่รอบๆ นี้
เมื่อฉุกคิดได้ว่าตนเองยังไม่ได้ล้างหน้าเลย จนเธอเริ่มทนยืนต่อไปไม่ไหวแล้ว พลันงอตัว และสอดตัวไปนั่งเบาะด้านหลังทันที
พลันมีเสียงทุ้มต่ำกรอกเข้าข้างโสตประสาททันที “นั่งหน้า ผมไม่ใช่คนขับรถ…”
“…” เธอกัดฟันแน่น คนคนนี้ประสาทไปแล้วมั้ยเนี่ย ขนาดจะนั่งหน้าหรือนั่งหลังยังจะมาเจ้ากี้เจ้าการอีก?
สุดท้าย คนที่ต้องคอยอ่อนข้อให้ก็ต้องเป็นเธอ!
รถยนต์เคลื่อนตัวออกไปด้านหน้าอย่างมั่นคง นัยน์ตาออกัสจับจ้องมาที่ร่างกายของเธอ จากนั้นก็เผยอปากบางๆ พูด “ตอนบ่ายผมมีประชุมสำคัญ คุณจัดการเก็บของให้เรียบร้อย เดี๋ยวเลขาฯจะเป็นคนพาคุณไปเอง”
ท่ามกลางความรู้สึกหวาดหวั่นที่อยู่ในใจ เชอร์รีนได้แต่ส่ายหน้าไปมา สัญญาตญาณแสดงอาการปฏิเสธออกมาทันที “เรื่องนี้ฉันยังไม่ได้บอกพ่อกับแม่เลย รอให้ฉันบอกพวกเขาก่อน แล้วฉันค่อยย้ายไปนะ”
การตัดสินใจเช่นนี้มันมาอย่างกะทันหันเหลือเกิน เธอยังไม่ได้เตรียมใจเอาไว้เลย…
เมื่อคิดว่าต้องใช้ชีวิตอยู่กินกับเขาตั้งแต่เวลานี้ไปแล้ว พลันอดหวาดหวั่นอีกครั้งอย่างอดไม่ได้…
หลังจากมองเธออยู่สักครู่แล้ว เขาก็หมุนพวงมาลัยไปทางซ้าย เพื่อกลับรถ ดวงตาเคร่งขรึม “ทางผมเองก็ยังไม่ได้บอกเหมือนกัน สองสามวันนี้หาเวลา ไปบ้านคุณก่อน แล้วค่อยไปบ้านผม เรื่องพวกนี้ ให้ผมเป็นคนออกตัวเองจะดีกว่า…”
เธอเห็นด้วยกับคำพูดนี้ “ฉันเองก็รู้สึกว่าให้คุณเข้าไปพูดเองมันค่อนข้างจะดีกว่า”
มุมปากเหมือนอมยิ้มอยู่ ออกัสค่อยๆ จอดรถตรงด้านหน้าประตูโรงเรียน และพูดกำชับเอาไว้ “ตอนบ่าย เดี๋ยวเลขาฯจะมารอคุณอยู่ด้านหน้าคอนโดนะ”
“ขอเวลาอีก 2 วันได้ไหม?”
“ทำไมเหรอ?” เขาเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับถามกลับทันที
เธอตอบตามความเป็นจริง “ฉันยังไม่ได้เตรียมใจเลย”
ออกัสใช้สายตาอันลึกซึ้งเหลือบมองเธออยู่ชั่วครู่ พลันหรี่ตาลงเล็กน้อย น้ำเสียงแหบพร่า “ต้องเตรียมตัวทางไหน? ทางใจ หรือว่าร่างกายเหรอ?”
ตานี่! เชอร์รีนจ้องเขาตาเขม็ง จนหัวใจเต้นรัวเล็กน้อย “ก็ต้องเป็นทางใจสิ!”
“พูดแบบนี้ ทางร่างกายก็เตรียมตัวไว้ดีแล้วสิ หือ?” เขาอาศัยช่องโหว่ ในการพูดแถไปตามเนื้อผ้า
เขาแก้มแดงแจ๋ พร้อมทั้งกัดฟันอย่างแค้นเคือง “คุณเป็นหนูเหรอ? ถึงจงใจอาศัยมุดช่องโหว่มันสนุกมากไหมเนี่ย?”