“สนุก…” น้ำเสียงทุ้มต่ำแต่แอบแฝงความหมายเลศนัยอยู่ จากนั้น เขาเลิกคิ้วขึ้น และเอ่ยว่า “คนเป็นครูบาอาจารย์ ความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันได้ทันเวลาและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของการปรับตัว สำหรับคุณครูเชอร์รีนแล้ว ผมย่อมมั่นใจเต็ม 100…”
“ประธานออกัส ใครเป็นคนบอกคุณเหรอว่าคนที่เป็นครูควรมีความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันได้ทันเวลาและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของการปรับตัว? คุณคิดว่าฉันเป็นพวกคนที่ใช้ชีวิตท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพรเหรอไง?” เธอรีบตอกกลับอย่างไม่สบอารมณ์
“คุณครูเชอร์รีนมีความรู้อยู่ไม่น้อยเลยจริงๆ …” ริมฝีปากบางของ ออกัสคลี่ยิ้ม จากนั้นก็สตาร์ทรถออก และจากไป
อีตานี่ทำไมถึงเผด็จการขนาดนี้นะ? ไม่ยอมฟังคำพูดของคนอื่นเลย เธอขมวดคิ้ว และบ่นพึมพำอยู่ในใจ
แต่ว่า ตอนที่เขาจะขับออกไปนั้นมุมปากก็คลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย จนเชอร์รีนเห็นเต็มตา แถมยังกระชากจิตวิญญาณและจิตใจเตลิดไปด้วย… ตกบ่ายเมื่อถึงเวลาเลิกงาน เพิ่งเดินออกจากโรงเรียน ก็มีผู้ชายใส่สูทผูกเนคไทวัยกลางคนเดินเข้ามาหา และขวางทางเธอไว้
เธอย่นคิ้ว อย่างไม่เข้าใจ ตอนที่กำลังจะอ้าปากถาม คนคนนั้นก็อ้าปากพูดก่อน “คุณครูเชอร์รีนผมคือเลขาเตโช ท่านประธานให้ผมมาพาคุณไปที่คอนโดครับ”
ไม่มีวิธีที่จะบ่ายเบี่ยงอีกแล้ว เชอร์รีนทำได้แค่นั่งลงบนรถ โดยการกลับไปเก็บสิ่งของเครื่องใช้และเสื้อผ้าบางส่วนของตนเองที่บ้านก่อน
จากนั้น และค่อยเดินทางไปที่คอนโดกับเลขาเตโช
คอนโดอันหรูหรามีระดับห้องขนาดใหญ่กลับไม่มีคนอยู่ เธอลากกระเป๋าสัมภาระและยืนอยู่ตรงห้องรับแขก ส่วนเลขาเตโชก็กลับไปแล้ว
เมื่อยืนอยู่ตรงนั้น เชอร์รีนก็เริ่มมึนงงและลังเลเล็กน้อย เมื่อนึกถึงว่าทั้งสองคนต้องนอนอยู่ห้องเดียวกัน เธอก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นและไม่เป็นตัวของตัวเอง
แต่ว่าเมื่อกลับมาคิดอีกครั้งยังไงก็หนีไม่พ้นอยู่แล้ว จากนั้นก็กัดฟัน เธอยกกระเป๋าสัมภาระเข้าไปห้องทันที
ผับโซ่สวาท
เสียงเพลงเร้าใจดังจนแสบแก้วหู บรรดาหญิงสาวชายหนุ่มที่อยู่บนฟลอร์เต้นรำต่างโยกย้ายร่างกายตนเองไปตามจังหวะอย่างสุดเหวี่ยง
ภายในห้องรับรอง
สายตาของหัสดินกับดนัยต่างจ้องมองไปที่ตัวของผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนโซฟา โดยไม่มีการละสายตาสักครั้ง
สูทตัวนอกวางไว้บนโซฟาอย่างไม่ยี่หระออกัสใส่เพียงเสื้อเชิ้ตสีดำอยู่บนตัวเท่านั้นเอง และจัดการพับแขนเสื้อขึ้น แขนกำยำ จนเห็นกล้ามเป็นมัดๆ จนเป็นลอน
ฝ่ามือใหญ่ของเขายกแก้วเหล้าขึ้น และเผยอปากเล็กน้อย จัดการกระดกจนเห็นตูดแก้ว
“ชิ นี่มัน Spirytus vodka ของโปแลนด์เลยนะ ปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 96% ทำไมเขาถึงไม่เมาหัวทิ่มไปล่ะ?” หัสดิน ลูบปลายคาง
“เมื่อเอามาเปรียบกับคำถามนี้แล้ว ที่ทำให้ฉันยิ่งแปลกใจกว่าก็คือ การที่เขาคบหากับคุณครูเชอร์รีน แถมยังแต่งงานกันอีกด้วย!” ดนัยยักไหล่ พร้อมทั้งแสดงอาการแปลกใจมากกว่าอีกเท่าตัว
“แม้ว่าฉันจะแปลกใจกับปัญหาเรื่องนี้ก็ตาม แต่ความแปลกใจมากที่สุดก็คือคืนนี้เป็นคืนเข้าหอ แต่กลับมานั่งดื่มเหล้าอยู่ที่นี่ คงไม่ใช่มัวแต่ไปคิดถึงผู้หญิงคนนั้นอยู่มั้ง?”
ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แก้วเหล้าที่อยู่ในมือ ออกัสหยุดค้างเล็กน้อย แต่ก็เพียงชั่วครู่เท่านั้นเอง จากนั้นก็กลับมาเป็นดังเดิม ราวกับไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นมาก่อน
แต่หางตาของดนัยจับจุดได้และ และชนไหล่ของหัสดินเบาๆ พลางกระซิบพูด “นี่แกอยากจะดับเครื่องชนให้ได้ใช่ไหม?”
พลันมีเสียงงึมงำเล็กน้อย หัสดินจับสัมผัสอะไรได้ จึงรีบปิดประเด็นทันที
เวลา ตีหนึ่งตรง
เชอร์รีนยังคงไม่นอนและนั่งอยู่บนโซฟา อาจจะเพราะว่าเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม เลยทำให้นอนไม่หลับ
ส่วนออกัสก็ยังไม่กลับมา…
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย พลันมีความรู้สึกบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้เกิดขึ้นอยู่ในใจ
เวลานั้นเอง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น จนทำให้เธอที่นั่งอยู่บนโซฟาตกใจจนลุกพรวดขึ้นมาทันที
ดึกป่านนี้แล้วใครกัน? หรือว่าจะเป็นออกัส?
เธอเดินมุ่งหน้าไปเปิดประตู ก็เห็นดนัยกับหัสดินกำลังยืนประกบข้าง
ส่วนออกัสยืนอยู่ตรงกลาง เพราะถูกคนสองคนประคองอยู่ จนเส้นผมลู่ลงมา สภาพเมาแอ๋
“คุณครูเชอร์รีนไม่ได้เจอกันนานแล้ว” หัสดินยิ้มให้ “วันนี้คุณชายออกัสเพิ่งเสร็จงานเลี้ยงทางธุรกิจมา เลยดื่มหนักไปหน่อย”
ดนัยพูดกำชับอีกครั้ง “ประจวบเหมาะกับพวกเราอยู่ด้วย เลยเอาตัวเขากลับมาส่ง”
เชอร์รีนยังตกใจเหมือนสายฟ้าฟาดลงกับคำที่เรียกว่าพี่สะใภ้จนยืนอยู่กับที่ พลางจ้องมองคนสองคนที่ประคองตัวออกัสวางลงตัวลงบนเตียงอย่างตกตะลึง จากนั้นก็เดินออกไป
“คุณชายออกัสก็ยกให้คุณครูเชอร์รีนจัดการแล้ว อยากจะทำอะไรก็ทำไปเลย!”
หัสดินยังพูดไม่ทันขาดคำ ดนัยที่อยู่ด้านหลังก็ใช้เท้าถีบเขาทันที และหมดอารมณ์ “คุณครูเชอร์รีนอย่าได้เก็บไปคิดเลย ฝันดีครับ”
จากนั้น เขาก็ดึงหัสดินปากไม่มีหูรูดออกไป
เมื่อเดินเข้ามาในห้องนอน สายตาของเชอร์รีนก็จับจ้องบนเตียง
เขาดื่มเหล้าไปไม่น้อย อาการเมาเหมือนหมา ใบหน้าอันหล่อเหลากลับโทรมลงและปล่อยเนื้อปล่อยตัว จนหมดสภาพ
เธอเดินเข้าไปหา และจัดการย่อตัวลงเล็กน้อย พลันจัดการถอดรองเท้าหนังของเขาออก
ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่มีความหนักแน่นเป็นผู้ใหญ่ แต่วันนี้ทำไมถึงดื่มหนักจนอยู่ในสภาพนี้ล่ะ?
สายตาพลันกวาดตามองริมฝีปากอันแห้งผากเล็กน้อยของเขา พลันชะงักอยู่ชั่วครู่ เธอหันตัวเดินออกไป ตอนที่เดินกลับเข้ามาอีกครั้ง ในมือก็ถือน้ำอุ่นเข้ามาหนึ่งแก้ว
เชอร์รีนนั่งอยู่ข้างเตียง และยื่นมือออกไปเขย่าไหล่ของเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “นี่ ลุกขึ้นมาดื่มน้ำ!”
เขาขมวดหัวคิ้วเอาไว้ แต่คนกลับไม่มีท่าทีตอบสนองสักนิด เธอเริ่มออกแรงเขย่ามากกว่าเดิม แบบไม่มีความเกรงใจสักนิด
จังหวะนั้นเอง เขาก็เริ่มหยีตา แต่กลับมีเส้นเลือดแดงๆ แต่ที่มากกว่าคือสีดำดั่งหมึก ทั้งเข้ม ดำมืด และไร้จุดจบ
เธอถูกเขามองจนสะดุ้งโหยง และเริ่มเบนสายตาหนี พลันยื่นแก้วน้ำไปทางด้านหน้าทันที “เอ้านี่”
นานแล้วก็ไม่ยอมรับสักที่ เธอได้แต่ย่นคิ้วอย่างสงสัย จังหวะที่จะหันไปมองนั้น ก็มีแขนข้างหนึ่งดึงเธอไปกดลงบนเตียงนั้น จากนั้นก็ได้เสียง “เพล้ง” เพราะแก้วน้ำหล่นกระจายลงพื้น
เธอตกใจ และถูกมือข้างนั้นโอบรัดอยู่ในอ้อมกอด และยังไม่ทันตั้งสติได้ทัน จากนั้นก็ถูกประกบจูบทันที
ร่างกายเธออ่อนระทวยหมดเรี่ยวแรง มือก็จับตรงอกเสื้อของเขาอย่างไม่ทันรู้ตัว
ผ่านไปสักพัก ในที่สุดก็ยอมผ่อนมือ
ในที่สุดก็สามารถหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด หน้าอกของเธอกระเพื่อมขึ้น
แก้มร้อนผ่าวดั่งถูกไฟแผดเผา พลันหวนคิดถึงจิตใต้สำนึกของตนเองที่เผลอไผลตามเขาไปด้วย จนรู้สึกอายอยู่บ้าง
เธอเริ่มขยับตัวออก พร้อมทั้งรีบขัดขืนเพื่อต้องการจะออกจากอ้อมกอดของเขา แต่ขัดขืนอยู่สักพัก ก็ไม่สามารถเขย่าตัวเขาออกได้สักนิด
“นี่ ปล่อยนะ!” เธอกระซิบเสียงทุ้มต่ำ พลันกระแทกเข้ากับหน้าอกของเขา
แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ สิ่งที่ตอบสนองเธอกลับมาก็คือการหายใจเป็นจังหวะตามปกติ เพราะเขาคอตกฟุบหลับไปอีกครั้ง…
เชอร์รีนแค่รู้สึกเหนื่อยหน่าย แถมยังสะบัดตัวไม่หลุดสักที ตอนนี้ก็ตี 2 เข้าไปแล้ว จนไม่สามารถอดทนกับความง่วงเหงาหาวนอนที่จู่โจมเข้ามาได้แล้ว จึงอาศัยแผงอกอันร้อนผ่าวดั่งเตาไฟของเขา จนผล็อยหลับตามไปด้วย
ท่ามกลางความเงียบงันในห้อง เสียงลมหายใจดังเข้าออกเป็นจังหวะของคนสองคนต่างเข้ามาแทนที่
หลังจากนั้นผ่านไปชั่วครู่ ร่างกายออกัสก็เริ่มขยับอยู่บนเตียง เขากอดผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดเอาไว้แน่น ใบหน้าอันหล่อเหลางดงามซุกอยู่ตรงซอกคอของเธอ พลันสูดดมกลิ่นน้ำหอมกลิ่นส้มจางๆ จนรู้สึกพอใจจากนั้นก็เริ่มพูดงึมงำออกมา “หยาดฝน……หยาด……ฝน……”
เสียงอันแหบพร่าทุ้มต่ำผิดปกติเมื่อถึงคำสุดท้าย กลับกลายเป็นอ่อนโยนดั่งสายน้ำไหล…
แต่ว่า หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดหลับสนิทไปตั้งนานแล้ว จึงไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น
เช้าตรู่วันถัดมา
ตอนที่เชอร์รีนตื่นขึ้นมานั้น พลันสบตากับใบหน้าของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ออกัสตื่นนอนแล้ว
ลำตัวที่สูงโปร่งกำยำที่กำลังนอนเอียง พลันใช้มือข้างเดียวมาหนุนศีรษะเอาไว้ เส้นผมลู่ปรกหน้าผากของเขา เส้นเลือดที่อยู่ในดวงตาของเขาพลันมลายหายไปแล้ว และมีเคราสีเขียวจางเล็มออกมาให้เห็นตรงปลายคาง เสื้อเชิ้ตสีดำไม่เรียบร้อยดั่งเดิม มีรอยย่น แต่กลับทำตัวสบายๆ แต่ยิ่งดูมีเสน่ห์เหลือทน
เขามีอาการเมามีขี้ตาอยู่บ้าง อาการลืมตาแบบสะลึมสะลือ และเหลือบมองเธออยู่เงียบๆ
นัยน์ตาช่างลึกซึ้งซ่อนเร้นเกินควร จนเธอมองไม่ออก และยิ่งไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่
เมื่อคิดถึงสภาพของตนเองในเวลานี้แล้ว เชอร์รีนถึงกับกระแอมเล็กน้อย และพูดอธิบาย “ฉันไม่ได้ตั้งใจว่าจะนอนอยู่ที่นี่ แต่คุณกลับกอดเอาไว้ไม่ยอมปล่อยสักที”
เขาเก็บความรู้สึกที่อยู่ในดวงตาทั้งหมดทันที เพื่อเก็บงำมันเอาไว้ เขาคลี่ยิ้มเล็กน้อย “คุณครูเชอร์รีนไม่ตั้งใจจะนอนที่นี่ แล้วจะไปนอนที่ไหน?”
“…” เชอร์รีนอึกอัก
“เป็นผัวเมียกันก็ควรจะนอนเตียงเดียวกันไม่ใช่เหรอ?” เขาเริ่มถามกลับอย่างกดดัน
เธอเลียริมฝีปาก การแสดงลักษณะเช่นนี้ออกมาจนเธอไม่สนใจแล้ว “ฉันคิดว่าคุณไม่สะดวก”
เขาเลิกคิ้วขึ้น และย้อนถาม “คุณกลัวว่าผมไม่สะดวก หรือคุณจะไม่สะดวกกันแน่?”
อีตานี่ ที่แท้ก็เป็นพวกมีดโกนอาบยาพิษ เธอจึงตอบกลับแบบไม่สบอารมณ์ “ฉันนอนไม่ค่อยนิ่ง ชอบพลิกไปพลิกมาอยู่ตลอดเวลา อีกอย่างยิ่งไม่คุ้นกับคนแปลกหน้า เพราะเกิดมีผู้ชายอยู่บนเตียงอีกคนอย่างไม่ทันตั้งตัว ฉันเลยนอนไม่หลับ”
แต่เขาเป็นคนใจกว้างมาก “กลิ้งมาอยู่บนตัวผมก็ไม่ว่าอะไรนะ ยังมีอีก นอนกันบ่อยๆ เดี๋ยวก็ชินกันไปเองแหละ…”
“ปากดีขนาดนี้ทำไมไม่ไปเป็นทนายนะช่างเปลืองทรัพยากรจริงๆ เลย!” เชอร์รีนขมวดคิ้ว และบ่นงึมงำ
“ขอบคุณสำหรับคำชม” จังหวะที่กำลังพูดอยู่นั้น ออกัสใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างยันด้านหลังของตนเอง พลันเขยิบลุกนั่ง จนเผยแผ่นอกกำยำออกมาให้เห็น ช่างแน่นปึกและเนียนละเอียดจนเป็นเงาสะท้อน
จนแก้มเธอร้อนผ่าว และเริ่มเบนสายตาหนี ซึ่งจังหวะนั้น พลันมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น กนกอรโทรเข้ามาหา
เธอกดรับสาย และรีบเอ่ยคำเรียกแม่ออกมา จากนั้นเธอก็เดินไปยืนตรงบริเวณด้านหน้าของกระจกจรดพื้นเพื่อคุยโทรศัพท์
ตอนที่กำลังโทรศัพท์อยู่ เธอก็หันตัวกลับมา และมองออกัสที่กำลังจ้องเธออยู่ “คุณลุงกับคุณป้ากลับมาแล้วเหรอ?”
“คุณลุงกับคุณป้าเหรอ?”
เธอตะลึงอยู่ชั่วครู่ จากนั้นถึงได้มีปฏิกิริยาตอบโต้กลับมา ที่เขากำลังพูดอยู่นั้นคือพ่อแม่ของเธอ มันดูแปลกพิกล แต่ยังคงพยักหน้าให้
“กลับกันมาแล้ว งั้นก็เตรียมตัวกันสักหน่อย เราจะไปบ้านคุณกันเดี๋ยวนี้เลย…”
เชอร์รีนตกใจทันที และรีบพูดอย่างทันควัน “ทำไมถึงได้รีบร้อนขนาดนั้นด้วย?”