ตอนที่ 217 ฉลาดเหมือนลิง

“ถึงตอนนี้ยังไม่เยอะ แต่อนาคตก็เยอะแล้ว คุณลองคิดดูสิ หนึ่งครอบครัวมีลูกตั้งหลายคน พอลูก ๆ เติบโต ก็ต้องแต่งงานมีลูก พอมีลูกก็มีคนเพิ่มขึ้นมาอีกตั้งเยอะ หนึ่งครอบครัวเป็นแบบนี้ สองครอบครัวเป็นแบบนี้ ไม่สร้างบ้านแล้วจะให้นอนซ้อนกันเหรอ? ยังไงก็ต้องสร้างบ้าน แล้วจะไปสร้างที่ไหนล่ะ ก็ทำได้แค่สร้างนอกเมืองไง!”

เย่ฉูฉู่เองก็คิดว่าสิ่งที่จ้าวเหวินเทาพูดมีเหตุผล

ตัวอย่างสำเร็จรูปก็อยู่ตรงหน้าแล้ว ยกตัวอย่างเช่นเธอและสามีก็ออกมาสร้างบ้านแล้วไม่ใช่เหรอ? ไหนจะพี่ชายพี่สะใภ้ของเธอก็ออกมาสร้างบ้านกันหมดแล้ว เมื่อคนชนบทออกมาสร้างบ้าน คนในเมืองก็ต้องออกมาสร้างบ้านด้วยเหมือนกัน

ต้องยอมรับว่า ความคิดของทั้งสองคนมีตรรกะมากทีเดียว

ต่อให้มีการวางแผนครอบครัว ในเมืองก็ต้องขยายออกไปข้างนอก สถานที่ที่อยู่นอกเมืองจะกลายเป็นขนมกลิ่นหอมหวานในไม่ช้านี้

“ถ้าซื้อที่ดินตรงนั้น ต่อให้พวกเราไม่ไปเลี้ยงกระต่ายก็ทำอย่างอื่นได้ ตรงนั้นอยู่หน้าเมืองเลยนะ ทำอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ได้เงินแล้ว” จ้าวเหวินเทาวิเคราะห์ให้ภรรยาฟัง “ขนาดพวกเราอยู่ห่างจากอำเภอมาก แต่ก็ยังทำเงินได้มากขนาดนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงในจังหวัดเลย คนในจังหวัดเยอะกว่าคนในอำเภอมาก กิจวัตรประจำวันทั่ว ๆ ไปก็ต้องใช้เงินทั้งนั้น ในนี้ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็สามารถค้าขายได้ทั้งหมด!”

เย่ฉูฉู่เห็นท่าทางของสามีที่กำลังพูดเรื่องเหล่านี้ ร่างกายของเขาก็ดูราวกับเกิดแสงสว่าง

สายตาของเธอเผยให้เห็นรอยยิ้ม ทุกคนต่างก็บอกว่าเขาพึ่งดวงจึงทำให้ได้กินและดื่มของดี ๆ แต่เธอกลับคิดว่าเขาพึ่งพาความสามารถตัวเอง ต่อให้ไม่มีดวง วิสัยทัศน์และสายตานี้ของเขาก็ยังทำให้ได้กินและดื่มของดี ๆ ได้อยู่ดี!

“งั้นก็ซื้อเถอะค่ะ ไม่ว่าจะเท่าไรฉันก็จะสนับสนุนคุณ!” เย่ฉูฉู่พยักหน้า

จ้าวเหวินเทาเห็นภรรยาเป็นแบบนี้ เขาก็ยื่นหน้าเข้าไปหอมหนึ่งครั้ง “ภรรยา ไม่ต้องรีบร้อนหรอก การไล่ตามไม่ใช่การค้าขาย รอไปก่อน อีกอย่างพวกเราก็ต้องถามให้ดี ๆ ก่อนหน้านี้บอกว่าขายกระต่ายรวมถึงที่ดินด้วย แต่หลังจากนั้นพอฉันไปถามจางหมิง เขาบอกว่าที่ดินภายในจังหวัดไม่สามารถเอาไปขายตามใจชอบได้ ยังต้องมีการถ่ายโอนกรรมสิทธิ์ เรื่องพวกนี้ก็ต้องทำความเข้าใจด้วย จะปล่อยให้พวกเขาหลอกเราไม่ได้”

เย่ฉูฉู่มองลูกลิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยรอยยิ้ม “ไม่แปลกใจเลยที่คุณจะพาลิงกลับมา เพราะคุณฉลาดเหมือนลิงไง!”

จ้าวเหวินเทาชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ปรากฏรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา “มาเถอะ ภรรยา ขอลิงฉลาดตัวนี้ได้กอดคุณสักหน่อยสิ!” ระหว่างที่พูดก็กอดภรรยาและจูบเธอไปหนึ่งรอบ

ลูกลิงเห็นว่านายหญิงของมันถูกรังแกอีกแล้ว มันจึงเข้ามาช่วยเหลือ ทำเอาจ้าวเหวินเทาถึงกับเตะมันไปข้าง ๆ ด้วยความรำคาญ

“ไอ้ลูกลิงนี่ ฉันจูบภรรยาของฉัน เกี่ยวอะไรกับแกไม่ทราบ!”

ลูกลิงไม่ยอม มันส่งเสียงร้องเจี๊ยก ๆ ทำท่าจะเข้ามาอีกครั้ง เสี่ยวไป๋หยางที่นอนอยู่ข้าง ๆ จึงร้องอุแว้ออกมา แสดงออกว่ากำลังประท้วง เย่ฉูฉู่เห็นก็ถึงกับคลี่ยิ้มอย่างมีความสุข

จ้าวเหวินเทาเองก็มีความสุข “เจ้าตัวเล็กทั้งสองคนนี้ไม่มีมโนธรรมเลยนะ!”

ทั้งสองคนโวยวายกันครู่หนึ่ง จู่ ๆ เย่ฉูฉู่ก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “จริงสิ วันนี้มีคนมาดูกระต่ายอีกแล้วค่ะ พวกเขาบอกว่าพรุ่งนี้จะมาใหม่ บอกว่าอยากได้จำนวนเยอะมาก ห้าสิบตัวเลย”

จ้าวเหวินเทาชะงัก “มาจากหมู่บ้านไหน?”

“บอกว่าคนจากเซี่ยเตี้ยน” เย่ฉูฉู่ครุ่นคิดก่อนจะพูด “พวกเขาบอกว่าได้ดูละครก็เลยรู้เรื่องกระต่ายของคุณ การโฆษณาของคุณได้ผลขนาดนี้เลยเหรอคะ?”

“แน่นอนอยู่แล้ว ของดีถ้าไม่ป่าวประกาศออกไปใครจะรู้ล่ะ จริงไหม?” จ้าวเหวินเทาพูดเคล้ารอยยิ้ม

เขาลองคำนวณดูแล้ว ตั้งแต่การแสดงกระต่ายเริ่มต้นจนจบ ช่วงระยะเวลานี้รวมตั้งแต่ต้นจนถึงช่วงท้าย จากในหมู่บ้านและนอกหมู่บ้าน เขาขายกระต่ายไปร้อยกว่าตัวแล้ว

ถ้ารวมเข้ากับครั้งนี้ ก็น่าจะประมาณสองร้อยตัว

นี่ยังไม่ข้ามปีเลย ถ้าถึงช่วงข้ามปีแล้ว คณะละครในอำเภอต่อให้ไม่ได้ทำละครกระต่ายของเขาเพื่อโฆษณาก็ต้องออกไปแสดง แบบนั้นปริมาณการขายของเขาก็จะเพิ่มมากขึ้นด้วย

ไม่ได้การล่ะ สองสามวันนี้เขาต้องไปในจังหวัดอีกครั้ง เลือกกระต่ายพันธุ์ดี ๆ มาสักครอกหนึ่ง ไม่เช่นนั้นคงไม่เพียงพอ!

ระหว่างนั้นก็จะได้ถามเรื่องการซื้อขายที่ดินด้วย…

เย่ฉูฉู่เองก็ไม่เข้าใจเรื่องโฆษณา แต่เมื่อเห็นได้อย่างชัดเจนว่าการโฆษณามีประสิทธิผล จึงคิดว่าการโฆษณานี้ดีจริง ๆ และอดไม่ได้ที่จะนึกถึงชุดที่ตนเองออกแบบ มันจะใช้ได้หรือเปล่านะ?

ไม่เพียงแค่จ้าวเหวินเทาที่จะได้รับประโยชน์จากการโฆษณากระต่าย ทั่วทั้งหมู่บ้านที่เลี้ยงกระต่ายก็ได้รับประโยชน์ด้วย พวกเขาขายกระต่ายออกไปได้ไม่น้อย คนที่ขายได้มากที่สุดก็คือพี่สะใภ้รองจ้าว

พี่สะใภ้รองจ้าวและพี่รองจ้าวใช้ชีวิตแบบไม่ต้องพูดถึงเลย สัตว์เลี้ยงทั้งหมดภายในบ้านพวกเขาต่างดูแลด้วยใจ ดังนั้นกระต่ายจึงเติบโตเป็นอย่างดี ทั้งยังคลอดลูกออกมามากเป็นพิเศษ กระต่ายน้อยนี้ขายออกไปได้ไม่น้อย ทั้งยังมีกระต่ายตัวเมียอีกสามสี่ตัว ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่อยากขายก็คงมีคนซื้อไปแล้ว

ช่วงเวลานี้พวกเขาทำเงินได้ 30-40 หยวนเลยล่ะ!

พี่สะใภ้รองจ้าวดีใจจนหุบยิ้มไม่ได้ หากเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่แน่สิ้นปีนี้อาจจะคืนหนี้ที่ใช้สร้างบ้านจนหมดก็ได้!

“พวกเราซื้อกระต่ายเพิ่มอีกหน่อยเถอะ” เมื่อเห็นเงิน พี่สะใภ้รองจ้าวย่อมคิดว่าตนเองเลี้ยงกระต่ายน้อยเกินไป

พี่รองจ้าวเองก็มีความสุขมาก เขาพยักหน้าเห็นด้วย “แล้วพวกเราจะซื้อกี่ตัวดีล่ะ?”

พี่สะใภ้รองจ้าวคิดอยากจะบอกตัวเลขที่หล่อนเพิ่งคิดได้ แต่เมื่อคิด ๆ ดูแล้วจึงพูดว่า “คุณไปถามคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านหน่อย ดูว่าพวกเขาซื้อกระต่ายไปกี่ตัว”

“พวกเราก็ซื้อของพวกเราสิ จะไปดูของคนอื่นทำไม” พี่รองจ้าวไม่เข้าใจ

“คุณจะถามให้มากมายไปทำไม ฉันบอกให้คุณไปถามคุณก็ไปถามสิ!” พี่สะใภ้รองจ้าวคิดว่าถามดูสักหน่อย จิตใจของหล่อนจะได้สงบลงด้วย

ถ้าคนอื่นก็เลี้ยงไว้เยอะเหมือนกัน แบบนั้นพวกเขาก็เลี้ยงเยอะ ๆ แต่ถ้าคนอื่นเลี้ยงน้อย พวกเขาก็เลี้ยงให้มันน้อย ๆ ในด้านจิตวิทยาสิ่งนี้เรียกว่าการกระจายความเสี่ยง

แม้ว่าพี่สะใภ้รองจ้าวจะไม่เข้าใจเรื่องจิตวิทยา นี่ก็ไม่อาจหยุดหล่อนจากการเลือกตามสัญชาตญาณได้

อีกด้านหนึ่ง ทางฝั่งพี่สามจ้าวกลับไม่ได้เป็นแบบพี่สะใภ้รองจ้าว เขาเป็นคนฉลาด

จ้าวเหวินเทาบอกว่ากระต่ายของข้าวซานถุนโด่งดังไปถึงอำเภอ เขาจึงลองไปถามดู ตอนนั้นละครกระต่ายยังไม่ดัง แต่กลับได้ยินว่าในอำเภอกินเนื้อกระต่ายกันเยอะมาก ตอนนั้นเขาจึงไปซื้อกระต่ายจากจ้าวเหวินเทาเพิ่มอีกสามสิบตัว!

เขาซื้อกระต่ายมาได้ไม่กี่วันกระต่ายข้าวซานถุนก็มีชื่อเสียงแล้ว มีคนนอกหมู่บ้านเข้ามาซื้อกระต่าย แต่มีจำนวนมากที่ไปซื้อกับจ้าวเหวินเทา ส่วนของเขาก็ไม่ได้ขายในหมู่บ้าน แต่นำกระต่ายไปขายที่หมู่บ้านข้าง ๆ อำเภอ โดยบอกว่าตัวเองมีบ้านอยู่ที่ข้าวซานถุน กระต่ายก็เป็นกระต่ายของข้าวซานถุน ทั้งยังนำจดหมายแนะนำที่ได้มาจากในหมู่บ้านให้คนอื่นได้ดูด้วย

อีกฝ่ายได้เห็นว่าเป็นของจริงจึงซื้อไว้ เขาย่อมไม่ได้ขายตามราคามาตรฐานอยู่แล้ว เขาขายออกไปในราคาที่เพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัว และมันก็ขายออกไปได้จริง ๆ!

ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าพี่สามจ้าวมีความสุขขนาดไหน กระต่ายจำนวนสามสิบตัวสามารถขายออกไปได้มากกว่าราคาปกติถึงหนึ่งเท่าเลยนะ เขาใช้เวลาเลี้ยงแค่ไม่กี่วัน แถมยังไม่มีต้นทุนอะไรเลย!

ตอนที่กลับมาก็ซื้อกระต่ายจากจ้าวเหวินเทาเพิ่มอีกสามสิบตัว จากนั้นเขาก็นำออกไปขายอีก เขาทั้งขายเต้าหู้และกระต่ายไปพร้อม ๆ กัน ระยะเวลาหนึ่งเดือนจึงได้เงินมาหนึ่งร้อยกว่าหยวน

เยี่ยมไปเลย ได้กำไรเท่ากับรายได้เมื่อหลายปีก่อนแล้ว

สิ่งนี้ทำให้พี่สามจ้าวคิดว่าการนำของไปขายได้เงินมากกว่าการทำนาหาเงิน ตอนนี้เป้าหมายของเขาจึงมีแค่การเลี้ยงและขายกระต่าย เป็นเพราะหยิบยืมชื่อเสียงจากกระต่ายข้าวซานถุน อย่างอื่นเขาไม่กล้าทำอะไรแล้ว ส่วนเต้าหู้ไม่นับเพราะมันคือผลผลิต

เมื่อได้เงินเยอะแล้ว พี่สามจ้าวจึงเปลี่ยนอุปกรณ์ เดิมทีใช้แผ่นกระดาษเพื่อจดบัญชี ตอนนี้เขาเปลี่ยนมาใช้กระดาษสีขาวแทน กระดาษสีขาวถูกตัดเข้าเล่มเป็นหนังสือเล่มเล็ก ๆ ขนาด A6 แล้ว

ดินสอที่จากเดิมเคยใช้ก็เปลี่ยนเป็นดินสอแท่งใหม่ ก่อนหน้านี้เขาใช้ถุงขาด ๆ ที่ถูกปะมาใส่เงิน แต่ตอนนี้เขายอมปวดใจซื้อกระเป๋าใบเล็กมาหนึ่งใบ

เสื้อผ้าก็ยอมใส่ชุดใหม่เพื่อข้ามปี

โดยปกติแล้วการใส่ชุดใหม่จะเกิดขึ้นตอนข้ามปีเท่านั้น หลังจากข้ามปีจบก็จะนำไปเก็บไว้ รอให้ข้ามปีต่อไปก็จะนำมาใส่ใหม่ โดยปกติถ้าไปบ้านญาติในช่วงสำคัญถึงจะหยิบออกมาใส่

เสื้อผ้าตอนที่ออกไปขายเต้าหู้ก็เหมือนกับพวกขอทาน แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว วันนี้เขาซื้อเนื้อหมู่สามชั้นมาสองชั่งเป็นครั้งแรก ตอนกลับมาก็บอกให้พี่สะใภ้สามจ้าวนำไปห่อเกี๊ยวไว้รับประทาน

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

เห็นอานิสงส์ของเหวินเทาหรือยังล่ะ ดวงก็เรื่องหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่คือความสามารถและวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลกว่าคนอื่นต่างหาก

ไหหม่า(海馬)