ตอนที่ 218 อวดไม่สำเร็จ

พี่สะใภ้สามจ้าวทำท่าทางราวกับเห็นมนุษย์ต่างดาว นี่คือสามีของหล่อนเหรอ?

“ทำไมมองผมด้วยสายตาแบบนั้น?” พี่สามจ้าวเห็นก็เริ่มรู้สึกไม่สบอารมณ์ “ก่อนหน้านี้ผมไม่ซื้อเนื้อให้ คุณก็เอาแต่บ่นว่าผมขี้งก ตอนนี้ผมซื้อเนื้อกลับมาแล้ว คุณยังทำแบบนี้อีก ไม่กินก็ไม่ต้องกิน พรุ่งนี้ผมจะได้เอาไปขาย!”

“ใครบอกว่าไม่กินกันล่ะ!” พี่สะใภ้สามจ้าวหยิบเนื้อไปจัดการ

พวกลูก ๆ ก็มีความสุขมาก

พ่อของพวกเขาบอกว่าได้เงินมาโดยตลอด แต่ชีวิตของพวกเขากลับไม่ดีขึ้นเลย ไม่เพียงแต่จะไม่ดีขึ้นแต่ยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ ด้วย ได้กินแต่ผักเส้นดองเค็มและโจ๊กข้าวโพด การรับประทานโจ๊กข้าวโพดติดต่อกันมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

พ่อบอกว่าไม่ต้องกัดก้อนเกลือกินก็ดีถมเถแล้ว ยังคิดจะกินเนื้ออีก ฝันหวานกันเกินไปแล้ว!

ตอนนี้กลับได้รับประทานเนื้อที่พ่อของพวกเขาซื้อกลับมาแล้ว!

“แม่ ใส่เนื้อเยอะ ๆ เลยนะ!” เอ้อร์หยาและหม่าต้านเรียกร้องด้วยพลังอันแรงกล้า

ได้ยินแบบนี้ภายในใจของพี่สะใภ้สามจ้าวก็ถึงกับรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา หล่อนยกมีดขึ้นมาสับเนื้อชิ้นใหญ่เพื่อแบ่งครึ่ง ที่เหลือเก็บไว้ทำกับกับข้าวมื้ออื่น ใครจะไปรู้ว่าสามีของหล่อนจะซื้อเนื้อกลับมาครั้งหน้าอีกเมื่อใด

พี่สามจ้าวฮัมเพลงนั่งอยู่บนขอบเตียง มือข้างหนึ่งถือสมุดเล่มเล็ก ส่วนอีกข้างถือดินสอแท่งใหม่กำลังขีด ๆ เขียน ๆ อยู่บนนั้นด้วยท่าทางอารมณ์ดี

พี่สะใภ้สามจ้าวสับไส้เกี๊ยว จากนั้นก็สับผักกาดขาวหัวใหญ่สองหัว เพราะผักดองยังไม่เปรี้ยว ท้ายที่สุดจึงใส่ต้นหอม ผักชีแห้ง เกลือ และผงพริกฮวาเจียว นำมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นวางลงบนแผ่นนวดแป้งเพื่อเริ่มนวด ระหว่างนั้นก็พูดคุยกับพี่สามจ้าวไปพลาง ๆ

“คุณได้เงินมาเท่าไรเหรอคะ ถึงได้ยอมซื้อเนื้อกลับมา?” พี่สะใภ้สามจ้าวถาม

พี่สามจ้าวก็เขียนเสร็จแล้ว เขานำไปใส่ไว้ในกระเป๋าใบเล็กด้วยท่าทางเคร่งขรึม จากนั้นก็นำกระเป๋าใส่เข้าไปในตู้ใต้เตียงและล็อคไว้อย่างดี ก่อนจะนำกุญแจมาแขวนไว้ที่เข็มขัดกางเกงอีกครั้ง

กุญแจดอกนี้ไม่เคยอยู่ห่างจากตัว ส่วนเงินในตอนนี้เขาทำแบบเดียวกับจ้าวเหวินเทา คือนำเงินไปฝากในธนาคารแล้ว ในบ้านมีแค่สมุดบัญชี ถูกแบ่งไว้สองส่วน คือฝากประจำกับแบบออมทรัพย์

ส่วนใหญ่เขาจะฝากแบบประจำ ส่วนแบบออมทรัพย์เขาเก็บไว้เป็นส่วนน้อย สิ่งที่จำเป็นต้องจ่ายจะดึงเงินออกมาจากออมทรัพย์ ในบ้านจึงไม่มีการเก็บเงินไว้

หลังจากทำเรื่องเหล่านี้เสร็จเขาก็ไปล้างมือ และเดินมานั่งตรงหน้าแผ่นนวดแป้งเพื่อช่วยพี่สะใภ้สามจ้าวห่อเกี๊ยว

พี่สะใภ้สามจ้าวได้รับความโปรดปรานอย่างไม่คาดฝันจนรู้สึกประหลาดใจ ได้เงินมาเท่าไรเนี่ย ทำไมถึงได้ทำตัวดีขนาดนี้!

หล่อนแอบสงสัยอยู่ในใจ แต่ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า รอให้พี่สามจ้าวเอ่ยปากพูดด้วยตนเอง มือของหล่อนยังคงเคลื่อนไหวอย่างไม่หยุด เมื่อนวดแป้งจนได้ที่แล้วก็ตัดแบ่งออกเป็นก้อน จากนั้นจึงเริ่มรีดแป้งให้เป็นแผ่นบาง

แผ่นเกี๊ยวต้องทำจากแป้งบักวีทอยู่แล้ว แป้งขาวเป็นสิ่งที่หาได้ยากสำหรับครอบครัวนี้

พี่สามจ้าวหยิบแผ่นแป้งมาห่อเกี๊ยวพลางพูดว่า “ผมรู้แล้วว่าทำไมเจ้าหกถึงได้กินหรูอยู่สบายได้ทุกวัน”

พี่สะใภ้สามจ้าวต่อบทสนทนา “ทำไมเหรอคะ?”

“ขายของพวกนี้ได้เงินเยอะมาก! นี่เพิ่งไม่กี่วัน ผมเอากระต่ายเข้าไปขาย เจ้านั่นได้เงินดีมากเลยนะ พูดไปแล้วคงทำให้คุณตกใจตายเลยแหละ!” พี่สามจ้าวหันไปมองลูกทั้งสองคนที่กำลังฟังเขาพูด จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ออกไปเล่นข้างนอกกันก่อน ถึงเวลากินแล้วเดี๋ยวจะไปเรียก ไปเล่นกันก่อน อีกเดี๋ยวจะได้กินเยอะ ๆ!”

เอ้อร์หยาและหม่าต้านรู้สึกว่าที่พ่อพูดก็มีเหตุผล จึงออกไปวิ่งเล่น

พี่สะใภ้สามจ้าวรู้ดีถึงเหตุผลที่พี่สามจ้าวให้พวกลูก ๆ ออกไป จึงรอให้เขาพูดต่อ

“ตอนนี้ฉันไปได้ยินมาแล้วว่ากระต่ายของข้าวซานถุนขายยังไง ที่เจ้าหกบอกเป็นเรื่องจริงจริง ๆ ด้วย กระต่ายของข้าวซานถุนมีชื่อเสียงจริง ๆ รู้แบบนี้พวกเราคงได้เงินเยอะกว่านี้อีก”

พี่สะใภ้สามจ้าวแอบเสียใจเล็กน้อย สามีเข้มงวดกับเรื่องเงินมากจริง ๆ ไม่ยอมปริปากพูดเลย!

“ตอนนี้เลี้ยงให้เยอะ ๆ มันก็เหมือนกันนั่นแหละ” พี่สะใภ้สามจ้าวกล่าว “ฉันได้ยินมาว่า หมู่บ้านของเรามีหลายคนที่อยากจะเลี้ยงให้เยอะ ๆ แต่น้องหกบอกว่าเลี้ยงทีเยอะเกินไปไม่ได้ เพราะกลัวว่าจะป่วย รอให้เลี้ยงอีกสักสองสามปี คุ้นชินแล้วค่อยเลี้ยงให้เยอะขึ้น แต่ก็มีคนไม่ค่อยพอใจเท่าไร”

“ก็ต้องไม่พอใจอยู่แล้ว คุณรู้ไหมว่าตอนนี้กระต่ายของข้าวซานถุนราคาเท่าไร? 7-8 เหมาต่อตัวเลยนะ!” พี่สามจ้าวยกนิ้วขึ้นมาประกอบพลางพูด

พี่สะใภ้สามจ้าวตกใจ “7-8 เหมาเหรอ ปกติกระต่ายหนึ่งตัวราคา 5-6 เหมานะ!”

“ก็ใช่ไง ตอนนี้กระต่ายตัวเป็น ๆ ราคาสูงมาก!” พี่สามจ้าวกล่าว “ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป หมู่บ้านของเราคงสามารถจ่ายเงินที่ค้างจ่ายตอนสร้างบ้านจนหมดเลยแหละ”

พี่สะใภ้สามจ้าวชะงักพลางพึมพำ “แล้วน้องหกได้เงินมาเท่าไรกันเนี่ย?”

พี่สามจ้าวแอบไม่พอใจ ภรรยาคนนี้ทำไมถึงไม่ถามว่าเขาได้เงินมาเท่าไร หรือว่าตอนนี้เขาไม่เหมือนกับคนที่ได้เงินเยอะเหรอ?

“หมอนั่นจะได้เงินเท่าไรก็ไม่ให้คุณหรอก คุณจะไปสนใจให้มากมายขนาดนั้นเพื่ออะไร!” พี่สามจ้าวพูดอย่างไม่พอใจ

พี่สะใภ้สามจ้าวอดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่ เป็นคุณไม่ใช่เหรอที่สนใจมาโดยตลอด?

“คุณรู้ไหมว่าเดือนนี้ผมได้เงินเท่าไร?” พี่สามจ้าวข่มความโกรธไม่ไหวแล้ว หลังจากเงียบอยู่นานก็ควรทำให้ภรรยาของเขาได้รู้เสียบ้างว่าเขาเก่งกาจแค่ไหน!

“คุณไม่บอกแล้วฉันจะรู้เหรอ” พี่สะใภ้สามจ้าวพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “บ้านอื่นเขาให้ภรรยาดูแลเรื่องเงินกันทั้งนั้น มีแต่คุณนั่นแหละ อย่าว่าแต่ให้ฉันดูแลเงินเลย แม้กระทั่งจะบอกกันก็ไม่ยอมบอก!”

น้ำเสียงของพี่สะใภ้สามจ้าวเต็มไปด้วยคำตำหนิ รายได้ทั้งหมดในบ้านผ่านพี่สามจ้าวทั้งหมด หล่อนจึงไม่รู้อะไรสักอย่าง ถามไปก็ไม่บอก กุญแจก็เก็บไว้อย่างมิดชิด

แน่นอน ถ้าหล่อนอยากจะขโมยกุญแจเปิดกล่องก็สามารถทำได้ แต่หล่อนขี้เกียจที่จะทำแบบนั้น ไม่บอกก็ไม่ต้องบอก หล่อนเองก็ไม่ได้อยากรู้เหมือนกัน!

“ที่ผมไม่บอกคุณก็เพราะคุณมันไม่มีสมองไง” พี่สามจ้าวแค่นเสียงจากลำคอ “คุณมันโง่ ถ้าผมบอกคุณวันนี้ พรุ่งนี้คนจากทั้งหมู่บ้านคงรู้กันหมด!”

พี่สะใภ้สามจ้าวเริ่มขุ่นเคืองแล้ว แต่เมื่อเห็นไส้เกี๊ยวก็รู้สึกใจเย็นลง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้รับประทานเกี๊ยวไส้เนื้อสักมื้อ โกรธขึ้นมาอีกเดี๋ยวคงกินไม่ลง “ใช่ ฉันมันโง่ ส่วนคุณมันฉลาด พอใจหรือยัง”

พี่สามจ้าวรู้สึกว่าทัศนคติของพี่สะใภ้สามจ้าวไม่เลว จึงไม่ได้สนใจ ทั้งยังพูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจว่า “เดือนนี้ผมได้เงินมาร้อยกว่าหยวน!”

พี่สะใภ้สามจ้าวที่กำลังรีดแป้งถึงกับหยุดชะงัก เงยหน้าขึ้นมามองสามี

พี่สามจ้าวรู้สึกดีจริง ๆ จึงอดไม่ได้ที่จะยืดตัวตรง

“ร้อยกว่าหยวน?” พี่สะใภ้สามจ้าวรู้สึกว่าเสียงของตัวเองสั่นนิด ๆ

คนอื่นได้เงินมาหนึ่งร้อยกว่าหยวนเธอเองก็ไม่เคยได้ยิน ต่อให้ในบ้านจะมีน้องหกที่หาเงินเก่ง แต่ก็ไม่เคยคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง

หนึ่งร้อยกว่าหยวนเลยนะ แถมยังใช้เวลาแค่เดือนเดียว เป็นไปได้อย่างไรกัน!

“ใช่ หนึ่งร้อยกว่าหยวน” พี่สามจ้าวยืนยัน “เมื่อกี้ผมบอกกับคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอ ขายของพวกนี้ทำเงินได้มากจริง ๆ!”

พี่สะใภ้สามจ้าวสติแอบหลุดลอย พึมพำอีกครั้ง “งั้นน้องหกก็คงกลายเป็นครัวเรือนหมื่นหยวนจริง ๆ แล้วสิ?”

สิ่งนี้ทำให้พี่สามจ้าวโกรธ

ไม่ง่ายเลยที่จะได้โอ้อวด ผลลัพธ์ที่ได้คือภรรยาโง่ของเขากลับเอาน้ำเย็นมาสาดใส่เขา!

พี่สามจ้าวถูกภรรยายั่วโมโหจนทนไม่ไหวแล้ว

ทางฝั่งพี่สี่จ้าวกลับสมปรารถนา กระต่ายของเขาก็ขายได้เงินเช่นกัน พี่สะใภ้สี่จ้าวดีใจจนหุบยิ้มไม่ได้ หล่อนได้ยินมาว่าคนอื่น ๆ ก็ได้เงินกันประมาณนี้ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคนอื่นเลย!

“ถ้าจะพูดให้ละเอียด พวกเรายังได้เงินเยอะกว่าคนอื่นด้วยนะคะ” พี่สะใภ้สี่จ้าวเก็บเงินอย่างระมัดระวัง

“ทำไมถึงเยอะกว่าคนอื่นล่ะ?” พี่สี่จ้าวไม่เข้าใจ

“คุณอย่าลืมสิ คนที่เลี้ยงกระต่ายพวกนั้นต่างก็ขาดแคลนเงินกัน แต่พวกเราไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อย!” พี่สะใภ้สี่จ้าวพึงพอใจอย่างมาก

ประโยคนี้พูดไปก็ไม่ผิด หล่อนไม่ได้สร้างบ้าน ส่วนเมล็ดพันธุ์ถึงจะค้างชำระ ตอนที่ซื้อกระต่ายก็ค้างชำระ แต่ตอนนี้หลังจากขายพืชผลและกระต่ายออกไปก็สามารถล้างหนี้ได้ทั้งหมด และไม่ได้ขาดแคลนเงินทองแม้แต่น้อย

……………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ก็ภรรยาตัวเองถามแล้วไม่ยอมบอกเองนี่ ต้องให้ถามหาน้องหกถึงจะยอมบอกอย่างไม่อมภูมินะพี่สามพ่อคนฉลาด

ไหหม่า(海馬)