บทที่ 21 ขอโทษหลินจือ

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

ทันทีที่พินอินได้ยินเสียงของเทาเท่ ก็ร้องไห้แล้ววิ่งเข้าไปหาคนทำผิดได้เป็นฝ่ายพูดก่อน“พี่ นังสารเลวหลินจือเธอสาดกาแฟใส่หน้าฉัน!”

ทำผิดแล้วยังจะบิดเบือนความจริงการกระทำแบบนี้พินอินทำมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว และหลินจือก็เคยชินกับวิธีการนี้ของเธอแล้ว

เธอไม่หวังว่าเทาเท่จะเข้าข้างอะไรเธอ พูดเสียงเบากับนานิว่า“ฉันไปห้องน้ำก่อนนะ ”

หลินจือไม่อยากจะอยู่ต่อเพื่อร่วมโต้เถียงใดๆ แม้เธอจะถูกสาดใส่ แต่เธอก็สาดกลับไปแล้ว สำหรับเธอก็ถือว่าหายกัน

ตอนนี้เธอต้องไปจัดการกับแขนที่ถูกลวก หาน้ำเย็นมาราดสักหน่อยก็คงจะพอทุเลาลงไปได้บ้าง

นานิทนไม่ได้ที่จะถูกพินอินใส่ร้ายแบบนี้ เธอจึงสวนกลับไปทันทีว่า “คุณพินอินทำไมคุณไม่พูดว่าคุณเป็นฝ่ายสาดหลินจือเธอก่อน และกาแฟที่คุณสาดก็ยังร้อนๆอยู่ด้วย”

นานิคว้าตัวหลินจือที่กำลังจะเดินไป ยื่นแขนที่มีรอยแดงของเธอออกให้ดู“ แขนของหลินจือถูกลวกซะขนาดนี้ คุณยังมีหน้าไปฟ้องอีก!”

“ถ้าเธอเป็นอะไรไป ก็คอยดูว่าฉันจะทำยังไงกับใบหน้าของคุณ!” นานิขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วพูดข่มขู่

จนตอนที่หลินจือถูกนานิพาตัวออกมา เทาเท่ก็เพิ่งจะสังเกตเห็นว่าเสื้อยืดสีขาวที่เธอสวมใส่เลอะเปรอะเปื้อน และแขนที่ขาวนวลก็มีรอยแดงเป็นปื้นจนน่าตกใจ

และนึกไปถึงที่นานิบอกว่ากาแฟที่สาดใส่นั้นยังร้อนอยู่ เขาโมโหและออกคำสั่ง “ขอโทษซะ”

พินอินเอามือกอดอกมองไปยังหลินจือแล้วตะโกนว่า“พี่ชายฉันเอ่ยปากแล้ว รีบมาขอโทษฉันเดี๋ยวนี้ ”

เทาเท่จ้องมองเธอด้วยใบหน้าที่เย็นชา พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า“ พี่ให้เธอขอโทษ !”

ทันทีที่คำพูดนี้ของเทาเท่โพล่งออกมาทำเอาหลินจือกับนานิและคนรอบข้างต่างพากันประหลาดใจ แต่หลินจือก็ละสายตาออกในทันที

ช่างน่าขำสิ้นดี ตอนที่เธอกับเขาเป็นสามีภรรยากันเขาไม่เคยปกป้องเธอเลยสักครั้ง ตอนนี้เลิกรากันไปเป็นปีแล้วเขาก็เพิ่งจะมาปกป้องเธอ

มีคำกล่าวหนึ่งของนักกวีชื่อดังที่พูดเอาไว้ได้ดีมาก อะไรคือส่วนเกิน ? เสื้อไหมพรมในฤดูร้อน พัดลมในฤดูหนาว และหัวใจที่ไร้ความรู้สึกของฉันกับการเอาใจใส่ของคุณ

ตอนนี้เธอไม่ต้องการการปกป้องอะไรจากเขาแล้ว เพราะฉะนั้นเธอไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งอะไรด้วยเลย

“อะไรนะ?”พินอินกระทืบเท้า ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ“นี่พี่ เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า ? ทำไมฉันต้องขอโทษด้วย!”

“ฉันสาดเธอก็จริง แต่เธอก็สาดฉันด้วยเหมือนกัน!”

เรื่องทะเลาะวิวาทนานิไม่เคยกลัว และไม่เคยแพ้มาก่อน ตอบโต้กลับไปทันทีว่า“ หากไม่ใช่เพราะคุณมาหาเรื่องก่อน และหากคุณไม่เป็นคนสาดก่อน หลินจือเธอจะสาดคุณเหรอ?”

นานิหันมองไปยังเทาเท่ แล้วพูดอย่างเย็นชาปนดูถูกว่า “ประธานเทาเท่ น้องสาวของคุณคนนี้ช่างน่าขำจริงๆ ฉันกับหลินจือเรานั่งดื่มกาแฟของเราดีๆ เธอมาถึงก็ด่าว่าหลินจือหูหนวก อภัยให้ฉันด้วยที่ต้องพูดตรงๆ แต่คนที่ยั่วยุก่อนถือว่าเป็นคนผิด”

คำพูดของนานิ“คนที่ยั่วยุก่อนถือว่าเป็นคนผิด”ทำเอาพินอินเดือดดาลขึ้นมาอีกครั้ง หงุดหงิดและโมโหจนอยากจะเข้าไปทำร้ายอีกฝ่าย

เทาเท่มีกลิ่นอายของความไม่โกรธแต่น่าเกรงขามและทรงพลัง แค่ชำเลืองมองพินอินก็หดตัวเกร็งแล้วยืนนิ่งอยู่กับที่

ปากเธอยังคงไม่อยู่เฉย กัดฟันและพูดอย่างหยาบคายไร้เหตุผลว่า“ฉันไม่ขอโทษ ให้ตายก็ไม่ขอโทษเด็ดขาด!”

เทาเท่พูดทิ้งท้ายกับเธอ“ ในเมื่อเธอไม่สำนึกผิด งั้นช่วงนี้ก็อย่าคิดจะออกจากบ้านไปไหน อยู่แต่ในบ้านปิดประตูพิจารณาความผิดของตัวเอง”

ความโกรธแค้นปะทุขึ้นกลางอกของ พินอินเธอโกรธจนเกือบเป็นลมล้มพับไป

เทาเท่มองไปยังหลินจือที่ยืนเงียบอยู่ข้างๆ“ ผมไปส่งคุณที่โรงพยาบาล”

หลินจือหันมองแล้วพูดอย่างเย็นชา “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณประธานเทาเท่ ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก ”

น้ำเสียงและท่าทีของเธอเย็นชาจนราวกับว่าพวกเธอเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เทาเท่จ้องไปยังใบหน้าที่ดื้อรั้นของเธอ ความหงุดหงิดงุ่นง่านที่อธิบายไม่ถูกก็พลุ่งพล่านขึ้นในใจ

เขาก็ยังยืนยันอีกครั้งว่า“ถูกลวกขนาดนี้แล้วยังบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมากอีก?”

“ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ”หลินจือยังคงปฏิเสธ ต่อให้ต้องไปโรงพยาบาล เธอก็จะเดินทางไปเอง ไม่ใช่ไปกับเทาเท่

ใบหน้าของเทาเท่มืดมน ทั้งสองคนยืนนิ่งอยู่กับที่