หลินจือไม่อยากจะสนใจพินอิน ก็จึงนั่งจิบกาแฟที่ตัวเองนำมากับนานิอย่างสบายอารมณ์
การที่เธอไม่อยากจะมีปัญหา ก็ไม่ได้หมายความว่าพินอินจะหยุดสร้างปัญหาให้เธอ
เมื่อพินอินเห็นว่าหลินจือไม่สนใจเธอ มือเท้าเอวแล้วเดินมาที่โต๊ะของหลินจือกับนานิ พออ้าปากได้ก็พูดเยาะเย้ยหลินจือ“โอ้ คนบางคนไปต่างประเทศมาหนึ่งปี กลายเป็นคนหูหนวกไปแล้วเหรอ ?”
พินอินเคยชินกับการกดหัวหลินจือ และเคยชินกับการพูดจาหยาบคาย ด้วยเหตุนี้ก็จึงลืมไปเสียสนิทว่าหลังจากที่หลินจือกับเทาเท่หย่าขาดกันแล้วหลินจือก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเธออีก ก็จึงไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องมายอมเธอแล้วทนเธออยู่แบบนี้
หลินจือยังคงนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ ช้อนตามองพินอินแล้วพูดอย่างเฉยชาว่า“ ฉันอาจจะเปลี่ยนไปบ้าง แต่คุณพินอินไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด”
หลินจือจ้องไปยังใบหน้าที่ยโสของพินอินและพูดออกมาช้าๆชัดๆว่า“ ยังคงสร้างความน่ารำคาญได้ไม่เปลี่ยน”
“นี่เธอ——”พินอินเคยชินกับการต้องกัดฟันทนของหลินจือ ไม่คิดว่าพออ้าปากได้หลินจือก็จะด่าว่าเธออย่างไม่ไว้หน้าแบบนี้
แล้วยังด่าว่าเธอต่อหน้าคนทั้งกอง ทำเอาเธอเสียหน้ามาก
พินอินรู้สึกอับอายและโกรธเคืองจนใบหน้าบูดเบี้ยว ภายใต้การควบคุมตัวเองไม่อยู่เธอยกกาแฟที่อยู่ในมือขึ้นแล้วสาดใส่หลินจือ
หากวันนี้คนที่ทำให้เธอต้องอับอายไม่ใช่หลินจือ ไม่แน่ว่าพินอินก็คงจะไม่คลุ้มคลั่งแบบนี้
แต่เพราะเธอกลั่นแกล้งหลินจือจนเคยชิน เมื่อถูกหลินจือตอกกลับอย่างรุนแรงแบบนี้ ช่องว่างขนาดใหญ่ในใจทำให้ความอับอายพาลเป็นความโกรธจนไม่สนใจอะไรแล้วทั้งสิ้น
ทุกคนต่างคิดไม่ถึงว่าพินอินที่ดื้อด้านและหยิ่งยโสจะสาดกาแฟใส่คนอื่นแบบนี้ และพากันตกตะลึงไปตามๆกัน
หลินจือเอนหลังหลบไปตามสัญชาตญาณ กาแฟไม่ได้สาดโดนตัวเธอ แต่โดนแขนที่ขาวนวลของเธอแทน
เวลานี้เป็นช่วงฤดูร้อน หลินจือใส่เพียงเสื้อยืดสีขาวแขนสั้น แขนสีนวลของเธอถูกลวกจนเป็นรอยแดง
นานิโกรธจัด หยิบกระดาษทิชชูยื่นให้หลินจือจากนั้นก็ลุกพรวดขึ้นมาทันที ชี้หน้าพินอินแล้วก่นด่าอย่างหยาบคาย“นี่หล่อนยากตายมากใช่ไหม?”
ชีวิตของนานิก่อนเข้าวงการในช่วงวัยเรียนของเธอนั้นจัดอยู่ในประเภทของเด็กหลังห้อง พอเข้าวงการก็สงบเสงี่ยมลงมาก ครั้งนี้ถูกพินอินยั่วจนของขึ้นและโมโหมาก
ถึงขั้นถกแขนเสื้อขึ้นเดินปรี่เข้าไปหาพินอินหวังจะตบสั่งสอนสักฉาด แต่ถูกหลินจือรั้งตัวเอาไว้เสียก่อน
แม้หลินจือจะถูกสาดด้วยกาแฟ แต่ภายในใจของเธอก็ยังคงสงบนิ่งมาก เธอไม่มีทางปล่อยให้นานิต้องมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่อหน้าผู้คนมากมายแบบนี้แน่
เพราะนานิเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียง หากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของนานิถูกเผยแพร่ออกไป ต้องถูกฝ่ายตรงข้ามเอาไปโจมตีอย่างแน่นอน
เธอดึงนานิเอาไว้แล้วพูดปลอบว่า“นานิ ไม่เป็นไร”
อกของนานิแทบจะระเบิด ตวาดเสียงดังลั่น“ ถูกเขาสาดกาแฟใส่ขนาดนี้ เธอยังบอกว่าไม่เป็นไรอีกเหรอ?”
“ใช่ ไม่เป็นไรนะ”หลินจือยกยิ้มให้หญิงสาว แล้วพูดขึ้นว่า“เพราะว่า……ฉันจะสาดกลับไป”
หลังจากที่หลินจือพูดจบก็หยิบถ้วยกาแฟที่อยู่ตรงหน้าเธอขึ้นมา แล้วสาดใส่พินอินอย่างไม่เกรงกลัว
เธอร้ายกาจกว่าพินอินมาก เพราะเธอสาดมันเข้าไปที่ใบหน้าของพินอิน
ทันใดนั้นพินอินก็กรีดร้องออกมาราวกับหมูถูกเชือด กาแฟของหลินจือไม่ได้ร้อนแล้ว การสาดไปที่ใบหน้าของพินอินก็จึงไม่ได้ทำร้ายอะไรเธอ แต่ก็พอทำให้ภาพลักษณ์ของพินอินดูแย่ลงไปถนัดตา
สิ่งนี้สำหรับพินอินแล้วมันร้ายแรงกว่ามาก พินอินเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับใบหน้าของตัวเองมาก และกลัวการเสียหน้ามากๆด้วย
“หลินจือ!”
“นังสารเลว!นี่แกกล้าสาดกาแฟใส่ฉันเหรอ!”
“ฉันจะฆ่าแก!”
คำก่นด่าของพินอินแผดดังไปทั่วทั้งกองถ่าย ในขณะที่เช็ดคราบกาแฟบนใบหน้าออกเธอก็พยายามวิ่งเข้าหาหลินจือ
“เกิดอะไรขึ้น?”
เสียงของผู้ชายที่น่าเกรงขามและเย็นเยือกดังขึ้น เทาเท่กับผู้กำกับและครูสเดินเข้ามาพร้อมกัน