ช่วงนี้นานิถ่ายละครอยู่ที่เมืองเจสเวิร์ด และวันนั้นหลินจือก็ไปหาครูสอาจารย์สอนเขียนบทของตัวเอง และแวะไปเยี่ยมนานิด้วย
นักเขียนบททุกคนใช่ว่าจะเขียนบทละครให้สำเร็จได้เพียงลำพังแค่คนเดียว ตั้งแต่ที่นานิได้แนะนำให้หลินจือเลือกเดินเส้นทางนี้เธอก็ได้ฝึกฝนภายใต้การดูแลของครูสมาโดยตลอด แค่การสร้างโครงเรื่องเธอก็ใช้เวลาเขียนไปกว่าสองปี จากนั้นก็แยกเขียนเป็นตอนๆ และภายหลังตัวเองก็ค่อยๆเขียนบทละครเอง
ตั้งแต่ที่แต่งงานกับเทาเท่หลินจือก็ทำสิ่งนี้มาอย่างเงียบๆ
ยังดีที่งานนี้ไม่จำเป็นต้องนั่งประจำอยู่ที่ออฟฟิศ ดังนั้นเธอในตอนนั้นก็ยังสามารถทำหน้าที่ของสะใภ้ตระกูลฟอเรน และยังทำงานอดิเรกที่เธอชื่นชอบนี้ได้ด้วย
ครั้งนี้บทละครที่เจเทาวน์ให้เธอเขียน หลังจากที่หลินจือครุ่นคิดดูแล้วก็ยังรู้สึกว่าตัวเองยังมีความสามารถไม่พอกับงานสำคัญชิ้นนี้ อยากให้เจเทาวน์ขอให้ครูสเป็นผู้เขียนหลัก แล้วเธอก็มาคอยช่วยครูสทำงานจุกจิกเหมือนเดิม
แต่เจเทาวน์กับครูสมีความคิดเห็นที่ตรงกันว่าเธอฝึกฝนมานานกว่าสี่ปีแล้ว เพียงพอที่จะเขียนเองคนเดียวได้แล้ว
การยอมรับและให้กำลังใจของพวกเขาทำให้หลินจือมีความมั่นใจอย่างมาก และครูสเองก็ยังได้บอกกับเธออีกว่าหากมีปัญหาก็มาขอคำปรึกษาเขาได้ตลอด
และนี่ไงหลินจือก็จึงได้โผล่มา และแวะมาเยี่ยมนานิด้วย ลงมือทำอาหารรสเลิศด้วยตัวเองมาเติมเต็มกระเพาะของนานิ
เป็นสะใภ้ตระกูลฟอเรนมาสามปี ฝีมือการทำอาหารของเธอเทียบได้กับคนเป็นเชฟเลยล่ะ
ตอนที่หลินจือมาถึงที่กองถ่ายครูสกำลังประชุมกับผู้กำกับอยู่ หลินจือก็เลยไปหานานิก่อน
ทั้งสองคนพูดคุยกันได้สักพัก ก็ได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากที่ไกลๆ
นานิยังไม่ทันได้มองไปก็พูดด้วยความรังเกียจว่า“คงเป็นพินอินคนไร้สมองคนนั้นมาแล้วแน่ๆ”
“พินอิน?เธอมาทำไม?”เมื่อพูดถึงพินอิน แววตาของหลินจือก็มีความรังเกียจผาดผ่านอย่างไม่ปิดบัง
พินอินเป็นน้องสาวของเทาเท่ และเป็นเพื่อนรักของซูซีด้วย ชีวิตการแต่งงานของหลินจือกับเทาเท่ในช่วงสามปี พินอินเองคอยสร้างเรื่องสร้างปัญหาให้เธออยู่ไม่น้อย
คอยเยาะเย้ยถากถางเธออยู่ตลอดไม่พอ ยังพูดจาให้ร้ายเธอต่อหน้าเทาเท่และพ่อแม่รวมถือเครือญาติของเธออีกด้วย ทำให้ทุกคนในตระกูลฟอเรนาไม่มีใครชอบเธอเลยสักคนยกเว้นคุณท่านคนเดียว
หลังจากที่พินอินเรียบจบมหาลัยเธอก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน อาศัยรูปร่างหน้าตาที่สวยงามเข้าทำงานในบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์ที่เทาเท่ก่อตั้งขึ้นมา
ต้องยอมรับว่ายีนของตระกูลฟอเรนานั้นโดดเด่นมาก พินอินรูปร่างหน้าตาสะสวย แต่เธอไม่มีสมองและไม่มีทักษะการแสดง ด้วยเหตุนี้ก็จึงยังไม่ค่อยจะมีชื่อเสียงเท่าไร อาศัยเปลี่ยนแฟนบ่อยเพื่อดึงดูดความสนใจ
ผู้ชายพวกนั้นก็ยินดีที่จะคบหากับเธอ ใครใช้ให้เธอมีพี่ชายที่ทรงอิทธิพลและมีอำนาจกันล่ะ
มีเทาเท่คอยคุ้มกะลาหัว ต่อให้พินอินจะไม่ได้รับความนิยมในวงการบันเทิงก็ไม่ต้องมาเป็นกังวลกลัวว่าจะไม่มีใครสนับสนุน
นานิพูดอย่างดูถูกว่า“ ผู้ชายที่เธอคบเป็นนักแสดงสมทบในกองของเรา ขึ้นชื่อเรื่องชอบเกาะผู้หญิงรวยๆ”
หลินจือหมดคำจะพูด เธอเกลียดพินอินเข้าไส้ หากรู้ว่าพินอินจะมาเธอคงไม่มาแล้ว
นานิก็พูดขึ้นอีกว่า“เออนี่ ฉันขอเตือนเธอนะ ละครที่เธอรับมาเขียนเอง ผู้ลงทุนสร้างคือเทาเท่ ต้องมีตัวละครให้พินอินได้ร่วมเล่นอย่างแน่นอน”
ความหมายก็คือ หากหลินจือกับพินอินต้องมาเจอกันในละครเรื่องนี้ หลินจือต้องคอยระวังว่าพินอินจะต้องกลั่นแกล้งเธออย่างแน่นอน
หลินจือยิ้มเยาะในใจ ต่อให้พินอินจะยโสโอหังแค่ไหน เธอไม่มีทางจะทนเขาอีกต่อไปแล้ว
เพราะเธอไม่ใช่หลินจือคนเก่าอีกต่อไป ไม่ใช่หลินจือคนเก่าที่ต้องมาคอยเอาใจเทาเท่และยอมทนกับความอัปยศอดสูต่างๆจากน้องสาวและแม่ของเขาอีก
ทันทีที่ความคิดนี้ของหลินจือสิ้นสุดลง ก็ได้ยินเสียงแหลมๆดังแว่วเข้าหู“หลินจือ?”
“เธอกลับมาเมื่อไหร่ ? แล้วมาทำอะไรที่นี่ ? ”
“เธอคิดว่าที่กองละครนี้ใครจะเข้าๆออกๆก็ได้งั้นเหรอ ?”
หลินจือไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าคนที่มานั้นคือพินอิน เสียงที่เยาะเย้ยถากถางแบบนี้เธอได้ยินมันมากว่าสามปี ย่อมเดาไม่ผิดอยู่แล้ว