บทที่ 403 คิมจงฮัน

บทที่ 403 คิมจงฮัน

ในตอนนั้นเอง เซียวเฟิงก็คิดวิธีที่จะอัญเชิญเสี่ยวไป๋ในเขตฮันกึลขึ้นมาได้ หลังจากที่เห็นเสี่ยวเสวียตาย

เพราะพอเสี่ยวเสวียตายแล้ว ก็จะกลับไปยังมิติสัตว์เลี้ยงของเซียวเฟิงเพื่อฟื้นคืนชีพ และเมื่อผ่านช่วงอ่อนแอไปแล้ว เซียวเฟิงก็จะสามารถอัญเชิญเธอออกมาได้

เพราะงั้นเสี่ยวไป๋เองก็น่าจะสามารถกลับไปยังมิติสัตว์เลี้ยงได้ด้วยวิธีเดียวกัน ทว่าเซียวเฟิงกลับรู้สึกว่าตนต้องไม่สามารถแบกรับความตายของนางฟ้าตัวน้อยผู้ใสซื่อได้แน่ ๆ ดังนั้นจึงส่ายหน้าแล้วไล่ความคิดนี้ไป

“เร็วเข้า! ไปสนับสนุนท่านออราเคิล!”

ที่แท่นเทเลพอร์ตด้านบนป้อมปราการ จู่ ๆ ก็เกิดแสงสว่างขึ้นมา เหล่าทัพ NPC ที่พวกเขารอมาเนิ่นนานในที่สุดก็เดินทางมาถึงเสียที นำโดยหัวหน้าผู้พิพากษากิโลและผู้ชี้แนะ อาร์คบิชอปเรนัลด์

เมื่อมาถึงเมืองแห่งความโศกเศร้าแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้หยุดพักแต่อย่างใด เนื่องจากสถานการณ์ตรงหน้าที่ดูจะไม่สู้ดีนัก

ด้วยเหตุนี้เหล่า NPC ระดับสูงจึงไม่รีรอที่จะเข้าร่วมการต่อสู้อย่างเร็ว

อาร์คบิชอปเรนัลด์ใช้สกิลปัดเป่าของตัวเองเพื่อช่วยเสี่ยวไป๋ในการลดขอบเขตของดินแดนต้องสาปลง และมันทำให้ดินแดนต้องสาปนั้นลดอาณาเขตลงไปอย่างรวดเร็วจนเห็นได้ชัด ส่วนทางด้านหัวหน้ากิโล เขาก็วิ่งหน้าตรงเข้าใส่ลิชคิงในทันที

เซียวเฟิงปิดไลฟ์สดการต่อสู้ลงไปหลังเห็นสถานการณ์เช่นนั้นแล้ว มันไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงอีก เมื่อทัพแห่งแสงเดินทางมาถึง นั่นหมายความว่าจุดจบของการต่อสู้นี้มาถึงแล้ว และชัยชนะจะต้องเป็นของเมืองแห่งความโศกเศร้าอย่างแน่นอน เนื่องจากทางฝั่งทัพแห่งความมืดเองก็เหลือเพียงบอสไม่กี่ตนแล้วเท่านั้น

นอกจากนี้แล้ว เซียวเฟิงยังมีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องไปทำอยู่อีก นั่นคือการอัปเลเวล หลังจากที่เห็นว่าเสี่ยวไป๋ได้รับบาดเจ็บ เซียวเฟิงก็อยากจะรีบอัปเลเวลของตนให้เร็ว ไม่เพียงแต่มันจะช่วยทำให้เสี่ยวไป๋แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น แต่มันยังช่วยทำให้เซียวเฟิงเหมาะที่จะใช้ชุดเกราะพระเจ้าอวยพรได้เร็วยิ่งขึ้นด้วย อย่างน้อย ๆ ถ้าสามารถทำให้ตนเองใช้ชุดเกราะนั้นได้ เขาก็สามารถปกป้องตนเองในเขตฮันกึลนี้ได้

ถึงแม้ว่าในตัวชายหนุ่มจะไม่มีอุปกรณ์อะไรเลย แต่กระนั้นแล้วสกิลโจมตีหมู่ที่ใช้สำหรับฟาร์มมอนสเตอร์เป็นกลุ่มก็ยังใช้งานได้อยู่ ดังนั้นความเร็วในการเก็บเลเวลของเขาจะไม่ช้าลงแน่นอน สิ่งที่ต้องทำก็คือหาแหล่งที่มีมอนสเตอร์ธาตุมืดรวมกันอยู่เยอะ ๆ

เซียวเฟิงลุกขึ้นและออกจากแท่นเทเลพอร์ตที่นี่เพื่อกลับไปยังด้านในวิหารแห่งแสง เซียวเฟิงเดินเข้าไปหาบิชอปโจลีฟและถามเขาเกี่ยวกับพื้นที่ที่มีมอนสเตอร์ธาตุมืดปรากฏตัวออกมา

และผลลัพธ์ก็คือ บิชอปโจลีฟก็ไม่รู้เช่นกัน แถมอีกฝ่ายยังดูประหลาดใจด้วยเมื่อพูดถึงที่อื่นนอกจากวิหารแห่งแสง

เมื่อไร้ซึ่งตัวช่วย เซียวเฟิงจึงจำเป็นต้องหาแหล่งที่ว่านั้นด้วยตนเอง ยังไงเสียจุดที่มีมอนสเตอร์ธาตุมืดเกิด มันจะต้องทำให้สภาพแวดล้อมมัวหมองชวนให้หวาดกลัวอย่างแน่นอน หากเขานำคุณลักษณ์เหล่านี้ไปถามเอาจากผู้เล่นหรือไปหาเอาจากในฟอรั่มเขตฮันกึลอาจจะพอช่วยอะไรได้บ้าง

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ล็อกอินเข้าไปในฟอรั่มของเขตฮันกึลแล้ว เซียวเฟิงก็ตระหนักได้ว่าตัวเองนั้น เริ่มจะเป็นที่นิยมในเขตฮันกึลไปเสียแล้ว เนื่องจากจักรวรรดิกาลาดูนั้นได้ประกาศไว้ในฟอรั่มเรื่องที่ตัวเขานั้นหลุดเข้ามาในเขตฮันกึล ข่าวของเขานั้นปรากฏอยู่ที่หน้าแรกของโฮมเพจและอยู่บนสุดเหนือข่าวอื่นใดเลยด้วย!

มันได้รับความสนใจจากผู้เล่นมากมายจนตอนนี้ทั้งยอดวิวและยอดตอบกลับกระทู้นั้นทะลุร้อยล้านไปแล้ว!

ถึงอย่างนั้นเซียวเฟิงก็ไม่ได้สนใจปรากฏการณ์นี้นัก นั่นเพราะเขายังไม่พร้อมที่จะรับมือกับปัญหาใด ๆ ก็ตามในเขตฮันกึล เหตุผลหลักก็มาจากความพร้อมของอุปกรณ์กับเลเวลที่ยังไม่สามารถทำให้เขารู้สึกเบาใจได้นั่นแหละ ดังนั้นแล้วจึงปิดฟอรั่มไปและตัดสินใจปกปิดตัวตนเอาไว้ให้มิดชิด

ทว่าผู้เล่นในเขตฮันกึลนั้นกลับสามัคคีกันกว่าที่เซียวเฟิงจินตนาการไว้

“นั่น! หมอนั่นมีคลาสเป็นสังฆราชศักดิ์สิทธิ์! หมอนั่นแหละ! ไปเร็ว ไปล้อมมันเอาไว้!”

เซียวเฟิงเพิ่งจะหาป่าที่มีลักษณะมืดครึ้มและน่าพิศวงเจอ ในขณะที่เขากำลังจะเข้าไปด้านใน กลุ่มผู้เล่นก็ปรากฏตัวขึ้นจากรอบทิศทาง พวกเขาเหล่านั้นวิ่งเข้าหาเซียวเฟิงพร้อมกับตะโกนด้วยเสียงอันดังก้องราวกับกำลังสั่งทหารนับหมื่นให้เข้าโจมตีศัตรูเสียอย่างนั้น!

นี่ไม่ใช่การโดนล้อมกรอบครั้งแรกในเขตฮันกึลของเซียวเฟิง จริง ๆ หลังจากที่ออกมาจากหุบเขาอาทิตย์ตกแล้ว นี่ก็น่าจะเป็นการเข้าโจมตีครั้งที่เจ็ดเห็นจะได้

ภายในกระทู้ที่ประกาศตามหาตัวเขาในฟอรั่มเขตฮันกึลนั้น ได้อธิบายรายละเอียดต่าง ๆ ของเซียวเฟิงไว้จนหดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคลาสหรือชื่อตัวละครก็รวมอยู่ด้วย

ตอนนี้เขาไร้ซึ่งหน้ากากกระดูกที่คอยช่วยปกปิดสถานะส่วนตัวของตนเองได้ ดังนั้นไม่ว่าใครก็สามารถใช้ทักษะตรวจสอบใส่เขาได้ทั้งหมด!

ยิ่งไปกว่านั้น อย่างที่บอกไว้ข้างต้นว่าความสามัคคีของผู้เล่นในเขตฮันกึลนั้นเกินกว่าที่เซียวเฟิงคาดการณ์ไว้มาก เพราะเพียงแค่ข่าวเรื่องที่เขาหลุดเข้ามาอยู่ในเขตกระจายออกไป ผู้เล่นทั่วทั้งเขตฮันกึลก็ร่วมมือกันเพื่อตามล่าเขาแลว ไม่ว่าจะในเมืองหลักหรือจะเป็นพื้นที่ของมอนสเตอร์ที่ด้านนอกเมือง ไม่เว้นแม้แต่ทางเข้าดันเจี้ยนเองก็มีผู้เล่นมากมายเดินลาดตระเวนอยู่!

แม้ว่าการที่เขาจะปกปิดตัวตนเท่าที่ทำได้และพยายามเลี่ยงผู้คนมาตลอดทาง แต่เมื่อต้องเจอกับจุดที่มีผู้เล่นหนาแน่นคอยสอดส่องอยู่ มันก็ทำให้เขาถูกพบตัวอยู่บ่อยครั้ง โชคยังดีที่ผู้เล่นเหล่านั้นมากันกลุ่มเล็ก ๆ และพวกเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งขนาดที่จะเป็นคู่มือให้เซียวเฟิงได้

“เร็วเขา! เข้าไปล้อมมันเอาไว้! แล้วก็ระวังตัวด้วย! หมอนี่น่ะเป็นถึงอดีตอันดับ 1 ของเขตฮัวเซียเลยนะ! เพราะงั้นความแข็งแกร่งของมันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลย! ถึงแม้จะไม่ได้ล็อกอินมาเป็นเดือนและเลเวลตามหลังพวกเรา แต่มันก็เป็นถึงระดับยอดฝีมือเลย!”

ตอนนี้ มีผู้เล่นหลายคนเจอตัวเซียวเฟิงเสียแล้ว จำนวนคร่าว ๆ น่าจะเกินยี่สิบคน แถมการที่มีคนโหวกเหวกเสียงดังมันก็ทำให้ผู้เล่นที่อยู่ละแวกนั้นหันตามมาด้วย มีความเป็นไปได้สูงว่าเขาอาจจะถูกล้อมโดยคนกว่าห้าสิบคนได้เลย!

“เขากำลังจะหนีแล้ว! หยุดเขาไว้! ล้อมเป็นวงกลมเดี๋ยวนี้!”

“ต้อนเขาไว้ อย่าให้เขาไปไหนได้! กล้าดียังไงถึงมาบุกเขตฮันกึลฮะ! พวกผู้เล่นนี่มันเหิมเกริมจริง ๆ !”

เซียวเฟิงไม่ได้อยากจะสู้กับผู้เล่นเหล่านี้อยู่แล้ว ยังไงเสียอุปกรณ์บนตัวเขาก็ยังไม่ดีพอ และกว่าจะแก้ปัญหานี้ได้ก็คงต้องใช้เวลาสักพักหนึ่งเลย ยิ่งได้เห็นวงล้อมนี้มีผู้เล่นมารุมมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็รู้สึกว่าการที่คิดจะหนีมันกลายเป็นเรื่องที่ยากขึ้นไปทุกที

ดังนั้นเขาจำเป็นต้องตัดสินใจหนีตอนนี้เลย เพราะด้วยความเร็วที่สูงกว่าคนอื่นของเขา มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถตามเขาได้

แต่แล้วมันกลับกลายเป็นว่าการที่ผู้เล่นได้แต่ไล่ตามเซียวเฟิงนั้น คือการบอกตำแหน่งของเขาไปโดยปริยาย พวกเขาต่างพากันตะโกนและเรียกคนอื่นมาช่วยจับชายหนุ่มตลอดทางเลย

สถานการณ์เช่นนี้มันบีบทางเลือกของเซียวเฟิงให้ตัดสินใจหันไปลงมือฆ่านักฆ่าสองคนที่กำลังตามเขาอยู่และมุ่งหน้าตรงเข้าไปในป่าที่มืดมิดตรงหน้าแทน ยังไงเสียนี่ก็เป็นจุดประสงค์หลักของเซียวเฟิงที่มาที่นี่อยู่แล้ว

“เจ้านั่นเข้าไปในป่าแห่งรัตติกาลแล้ว! แจ้งเตือนทุกคน ล้อมป่ารัตติกาลเอาไว้! ปิดทุกทางเข้าออก! เรากำลังจะได้หมูในอวยกันแล้ว!”

ผู้เล่นกว่าครึ่งหนึ่งของเขตฮันกึลที่ไล่ตามเซียวเฟิงยืนดักหน้าทางเข้าป่ารัตติกาลเอาไว้ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งก็กระจายตัวไปปิดทุกทางออกที่มี ระหว่างนั้นพวกเขาก็แจ้งเรื่องไปเมืองหลักต่าง ๆ เพื่อเรียกผู้เล่นคนอื่น ๆ ให้มารวมตัวกันอีกจนกลายเป็นว่ามีผู้เล่นจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังมุ่งหน้าไปยังป่ารัตติกาลแล้ว! ด้วยจำนวนคนที่มากมายขนาดนี้ นอกจากอากาศแล้ว หนูยังไม่สามารถวิ่งผ่านเข้าออกได้เลย!

เพราะพวกเขารู้ว่าเซียวเฟิงนั้นไม่มีคัมภีร์เมืองหลักใด ๆ ของเขตฮันกึลอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น ร่างของผู้เล่นที่ล็อกออฟไปแล้วในเกมนี้ก็จะไม่หายไปไหนด้วย ชายหนุ่มจะยังอยู่ที่เดิม ดังนั้นพวกเขาจึงปิดล้อมป่ารัตติกาลไว้ ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าด้วยวิธีนี้ จะทำให้สามารถจับตัวผู้บุกรุกได้!

เซียวเฟิงตอนนี้ได้เข้าไปอยู่ภายในป่ารัตติกาลมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว จากเสียงดังอึกทึกที่ด้านนอก เขาก็พอจะเดาได้ว่าตอนนี้ตนถูกล้อมไว้หมดแล้ว ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรนัก เพราะหลังจากที่ได้เข้ามาภายในนี้แล้ว เขาก็พบว่าป่ารัตติกาลนั้น ไม่เพียงแต่เป็นแม็ประดับสูงเท่านั้น เแต่ยังเป็นแม็ปลับอีกด้วย!

แต่ไหนแต่ไรแล้วพวกมอนสเตอร์เลเวล 50 หรือไม่ก็บอสที่ปรากฏตัวอยู่ในแม็พระดับสูงล้วนแต่ก็ทำให้ผู้เล่นเขตฮันกึลหัวเสียกันมานัดต่อนัดแล้ว เนื่องจากพวกเขามีประชากรน้อยกว่าเขตฮัวเซีย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถเคลียร์แม็ประดับสูงพวกนี้ได้

ดังนั้นที่นี่เองจึงมีบอสและมอนสเตอร์ระดับสูงคอยเป็นกำแพงทางธรรมชาติให้โดยปริยาย

อีกอย่าง ที่นี่ถือเป็นแม็ปลับ เพราะงั้นถ้าชายหนุ่มเข้ามาในนี้ละก็…ไม่มีใครหาเขาเจอแน่

สิ่งที่สำคัญที่สุดนั้นก็คือ มอนสเตอร์ที่อยู่ลึกเข้ามาในป่ารัตติกาลนี้ทั้งหมดล้วนเป็นธาตุมืดตามที่เซียวเฟิงต้องการ ซึ่งพวกมันเหล่านี้ถือเป็นวัตถุดิบสำคัญในการเพิ่มเลเวลของเซียวเฟิงเลย!

ถ้าเซียวเฟิงสามารถเพิ่มเลเวลได้ตามที่ต้องการแล้ว ไม่ว่าจะมีผู้เล่นสักกี่คนก็ไม่คณามือเขาทั้งนั้น!

“อะไรน่ะ?”

ขณะที่เซียวเฟิงกำลังเก็บเลเวลอยู่ในพื้นที่มอนสเตอร์นั้น เขาก็ได้พบกับ มอนสเตอร์เลเวล 45 อสูรไม้ดอกทมิฬ ที่ตัวใหญ่มาก ๆ แถมปากของมันยังเต็มไปด้วยเขี้ยวคมมากมายอีก ไม่ว่าใครต่างก็ตกใจกลัวได้หากเจอมันในป่าแห่งนี้ และเซียวเฟิงก็เชื่อด้วยว่าจะต้องมีผู้เล่นเขตฮันกึลหลายคนพยายามเลี่ยงไม่พบเจอมัน

ทว่าดอกไม้ปีศาจเหล่านี้ก็ไม่สามารถทำอะไรเซียวเฟิงได้เลย ชายหนุ่มจึงสามารถหลบออกจากระยะตรวจจับของมอนสเตอร์ได้โดยสมบูรณ์!

เซียวเฟิงไม่โจมตีเพื่อกระตุ้นพวกมัน เขาเพียงแต่เดินเข้าไปลึกในป่ามากขึ้นเรื่อย ๆ ในจุดที่ไม่น่าจะมีใครเข้าไปถึงมาก่อน

แต่แล้ว เพียงแค่เขาออกจากจุดเกิดของเหล่าอสูรไม้ดอกทมิฬไปได้นิดหน่อย สายตาของเซียวเฟิงก็เหลียวมองไปยังหลังต้นไม้ต้นหนึ่งที่อยู่ด้านหลังเขา เพราะที่แห่งนั้น มีเงาของบางสิ่งบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่!

“ออกมา!”

เขาหยุดเท้าและตะโกนเรียกยังทิศทางที่พบความผิดปกติ

“ผู้เป็นอันดับ 1 ของเขต สมควรแล้วกับคำกล่าวนี้ นายไม่ใช่คนธรรมดาจริง ๆ ด้วย”

เสียงของชายที่ฟังดูใจเย็นดังขึ้นมาจากหลังต้นไม้ต้นนั้น จากนั้นร่างกายที่แข็งแกร่งภายใต้ชุดอุปกรณ์ที่ครบครันก็เดินออกมา ร่างของเขาเปล่งประกายแสงระยิบระยับให้เห็นเรื่อย ๆ

คนคนนี้เป็นผู้เล่น และชื่อที่แสดงอยู่เหนือหัวของเขาก็คือ คิมจงฮัน

“คิมจงฮัน? ยอดฝีมืออันดับ 1 ของเขตฮันกึล?” เซียวเฟิงประหลาดใจนิดหน่อย เพราะเขาเพียงแค่เคยได้ยินชื่อของคนคนนี้เท่านั้น

คิมจงฮันไม่เพียงแต่เป็นผู้เล่นที่มักจะครองอันดับ 1 ในตารางผู้นำของเขตนี้อยู่บ่อย ๆ แต่เขาจะถูกยอมรับให้เป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ในเขตฮันกึลด้วย!

“ในสายตาของยอดฝีมืออันดับต้น ๆ อย่างนาย ยังกล้าเรียกฉันว่าเป็นยอดฝีมืออีกเหรอ?”

คิมจงฮันเป็นชายร่างกายแข็งแรงที่อายุเกือบจะเข้าเลขห้าแล้ว เขามีสายตาที่สงบนิ่งขณะที่มองมายังเซียวเฟิง

“โอ้? ฉันได้ยินมาว่านายเป็นปรมาจารย์เทควันโด้อันดับ 1 ในฮันกึล ทำไมต้องถ่อมตนด้วยเล่า?” เซียวเฟิงยิ้ม

“ถึงแม้ว่าฉันจะประสบความสำเร็จอยู่บ้าง แต่ที่โลกด้านนอกนั้นยังมีคนเก่งที่มีฝีมืออยู่อีกมากมาย ดังนั้นพวกเราที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้นั้นไม่กล้าที่จะอวดเบ่งหรอก อีกทั้งในโลกแห่งเกมนี้ ฉันเองก็ไม่ได้คุ้นเคยขนาดนั้น เอาจริง ๆ พวกเราทั้งหมดก็ไม่ได้มีประสบการณ์หรือความสามารถในการเล่นเกมมาก่อนด้วย จะให้ไปลำพองในพลังก็คงไม่น่าจะใช่เรื่องที่ดีนัก” คิมจงฮันส่ายหน้าด้วยความใจเย็น

“ไม่คิดจริง ๆ ว่าจะมีผู้เล่นที่แข็งแกร่งแบบนายอยู่ในเขตฮันกึลนี้ แล้วยังไงต่อ? นายมาที่นี่เพื่อจะฆ่าฉันหรือไง?” หลังจากได้ฟัง เซียวเฟิงก็บิดคอไปมา เสมือนว่าเตรียมพร้อมแล้วหากอีกฝ่ายจะเข้าปะทะตน

“นายเป็นผู้เล่นของเขต ที่สำคัญนายเป็นผู้เล่นอันดับ 1 ของเขตนั้นด้วย แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่านายข้ามเขตแดนมาได้อย่างไร แต่ในเมื่อนายบุกรุกเข้ามาในเขตฮันกึล มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ฉันจะต้องมาสะสาง”

ชายวัยกลางคนผู้นี้แสดงให้เห็นถึงความเยือกเย็นในใจเขาผ่านการส่ายหน้าอย่างไม่รีบร้อนนัก เขาหยิบอาวุธออกมาจากกระเป๋า มันเป็นมีดเล่มยาว ดูเหมือนว่าเขาคนนี้จะอยู่ในคลาสนักรบแน่ ๆ

“เดี๋ยวก่อนนะ นายมาคนเดียวเหรอ? นี่คิดจะเอาตัวเองมาเป็นศัตรูกับฉันจริงดิ?” เซียวเฟิงรีบถามขึ้นก่อนด้วยความอยากรู้หลังมองไปรอบ ๆ ตัวแล้ว

“ฉันรู้ถึงความแข็งแกร่งของยอดฝีมืออยู่แล้ว ครั้งหนึ่งที่เคยปะทะกับเทพเจ้าสายฟ้าที่เกาะมหาสมบัติ ฉันสู้เขาไม่ได้เลย แล้วฉันก็ได้ยินมาด้วยว่าเทพเจ้าสายฟ้าคนนั้นพ่ายแพ้ให้กับนาย ดังนั้นนี่จึงยืนยันได้ว่านายแข็งแกร่งขนาดไไหน” คิมจงฮันพูด “ถ้าเป็นแต่ก่อน ฉันคงไม่กล้าที่จะท้าทายนาย แต่ตอนนี้ฉันได้เช็กข้อมูลมาแล้ว เพราะนายไม่ได้ออนไลน์มาหนึ่งเดือนเต็ม เพราะงั้นนายไม่เพียงแต่เลเวลตามคนอื่น แต่อุปกรณ์ของนายก็ยังอยู่ในเขตด้วย ฉันจึงคิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ลอง”

“จริงเหรอเนี่ย? งั้นก็เข้ามาเลย!” เซียวเฟิงยังคงยิ้มพร้อมกับกวักมือเชิญชวนอีกฝ่ายขณะพูดเชื้อเชิญ

“ระวังตัวไว้ให้ดี ฉันน่ะเป็นนักรบโล่ที่ค่าความว่องไวเต็มเปี่ยม ดังนั้นความเร็วของฉันน่ะ ไม่น้อยเลยล่ะ”

คิมจงฮันพยักหน้าและควงมีดยาวในมือเอาไว้ ทว่าเพียงพริบตาเดียว ร่างของเขาก็หายไปจากจุดเดิมและมาปรากฏอยู่ต่อหน้าเซียวเฟิงเสียแล้ว มีดที่ถือไว้ก็พร้อมที่จะผ่าลงมายังเซียวเฟิงด้วย