บทที่ 405 เข้ากันได้ดีกับคนอื่น ๆ
บทที่ 405 เข้ากันได้ดีกับคนอื่น ๆ
อุปกรณ์ของคิมจงฮันนั้นไม่ได้แย่เลย ร่างกายของเขาเปล่งแสงอยู่เป็นนิจ แสดงให้เห็นถึงความหรูหราของอุปกรณ์ทั้งหลาย ขนาดชิ้นที่ระดับต่ำสุดของเขายังเปล่งแสงสีเงิน ซึ่งเป็นเครื่องประดับระดับเงิน ในส่วนของชุดเกราะ ส่วนที่ระดับสูงที่สุดเปล่งสีทองอร่าม นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์หลายชิ้นที่เปล่งแสงสีขาว พวกมันคืออุปกรณ์ระดับเทพเจ้า แถมไม่ได้มีแค่ชิ้นเดียวด้วย!
ถึงแม้ว่าอุปกรณ์ของเซียวเฟิงก็จะไม่ได้แย่ ชุดพระเจ้าอวยพรของเขาเองก็เปล่งแสงสีขาวทั้งชุดเช่นกัน กระนั้นแล้วค่าสถานะที่ค่อนข้างต่ำ ตามเลเวลที่ยังไม่ถึงระดับที่จะสามารถใส่ได้ตามปกติ มันเลยไม่มีอะไรโดดเด่นขึ้นมาเลย
กระบวนท่าของคิมจงฮันไม่เพียงแต่จะลื่นไหลเท่านั้น แต่ยังแฝงไปด้วยความทรงพลังที่เกิดจากการผสานสกิลเข้าด้วยกันอีก ด้วยความต่างชั้นของอุปกรณ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองคน ความเสียหายที่เซียวเฟิงได้รับมันจึงมหาศาลมาก ๆ เขาไม่กล้าทำตัวสบาย ๆ รับการโจมตีเหล่านี้ ดังนั้นแล้วเซียวเฟิงจึงรีบโบกคทาอย่างต่อเนื่อง ร่ายสกิลอวยพรชีวิต อวยพรคุ้มครอง อวยพรอาวุธ และอวยพรความกล้าให้กับตนเอง รวมไปถึงร่ายสกิลการคืนชีพศักดิ์สิทธิ์ให้กับตนเองด้วย
เพราะเซียวเฟิงนั้นไม่มีสกิลจำพวกการกำจัดหรือป้องกันเลย หากตอนนี้ชายหนุ่มยังสวมชุดมังกรอยู่ เขาคงไม่ต้องมากลัวการโจมตีของคิมจงฮันเช่นนี้ เพราะชุดเกราะมังกรไม่เพียงแต่จะมีสกิลคงกระพัน แต่ยังมีสกิลคุ้มกันตนเองให้ใช้อีกต่างหาก
แต่ตอนนี้เซียวเฟิงไม่มีชุดเกราะมังกรอยู่กับตนแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถปลีกตัวเองออกจากการดูดของภูเขาไฟเลือดนี้ได้เลย เขาจำเป็นต้องรับการโจมตีจริง ๆ
ทันใดนั้นเอง ภายใต้บัฟที่ทรงพลัง ทั้งพลังชีวิตและพลังป้องกันของเซียวเฟิงก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า และเมื่อสกิลนั้นเข้าปะทะกับเซียวเฟิง ตัวเลขแสดงความเสียหายก็ลอยขึ้นมาเหนือหัว
-106!
-89!
บล็อก!
….
ความเสียหายที่ดาบโลหิตสร้างไว้นั้นสูงมาก ๆ มันพุ่งผ่านเขาและทำให้พลังชีวิตของเขาลดไปกว่า 100 หน่วย ความเสียหายจากระเบิดบ่อเลือดที่อยู่ใต้เท้าเองก็รุนแรงเช่นกัน โชคยังดีที่การโจมตีด้วยตัวคิมจงฮันนั้นถูกเซียวเฟิงบล็อกและปัดออกไปข้าง ๆ แทนด้วยคทา
คิมจงฮันแสดงให้เห็นถึงความตกใจผ่านสายตา เขารู้ดีอยู่แล้วว่าสกิลของตนนั้นสร้างความเสียหายได้ขนาดไหน ผู้เล่นทั่ว ๆ ไปต่างก็ตายกันหมดหลังโดนสกิลชุดนี้เข้าไป ทว่ากับเซียวเฟิงนั้นดันไม่เป็นอย่างคนอื่นเลย ไม่เพียงแต่เซียวเฟิงจะสามารถรับความเสียหายได้แล้ว พลังชีวิตเหนือหัวของเขายังลดไม่ถึงหนึ่งในสามเลยด้วยซ้ำ!
มันเป็นพลังป้องกันประเภทไหนกัน? แล้วพลังชีวิตของคนคนนี้มีมากขนาดไหน? คิมจงฮันเริ่มรู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวในตัวผู้เล่นระดับสูงอีกครั้ง ขนาดเจ้าแห่งฮีลเลอร์หยุดเล่นเกมไปร่วมเดือน และในตอนนี้ไม่ว่าจะเลเวลหรืออุปกรณ์ก็ตามใครไม่ทันแล้วด้วย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังมีศักยภาพที่น่าประหลาดใจเช่นนี้ได้!
อย่างไรก็ตาม คิมจงฮันยังไม่รู้ว่าสถานะของเซียวเฟิงนั้นค่อนข้างจะพิเศษท่ามกลางผู้เล่นระดับสูงเหล่านี้ ผู้เล่นอย่างเทพเจ้าสายฟ้านั้นถือเป็นผู้ที่มีสถานะสูงตามระดับของตน ค่าสถานะต่าง ๆ ของเขาสูงกว่าผู้เล่นทั่วไปเป็นอย่างมาก แต่เซียวเฟิงนั้น สถานะของเขาจะไม่ได้แปลกไปกว่าคนอื่นเลยหากเขาไม่ร่ายบัฟให้ตนเอง
เซียวเฟิงเป็นนักบวชเพียงคนเดียวท่ามกลางผู้เล่นระดับท็อปทั้งหมด ด้วยพลังของคลาสลับของเขา กายาศักดิ์สิทธิ์นั้นตอบสนองต่อบัฟได้เป็นอย่างมาก ดังนั้นแล้วสถานะที่สูงลิ่วของเซียวเฟิง จึงต้องพึ่งพาบัฟล้วน ๆ
ถึงอย่างนั้นแล้ว ความตกใจก็ไม่ได้ทำให้คิมจงฮันลังเลที่จะโจมตีต่อ เขาผสมผสานรูปแบบสกิลเข้ากับตัวเขาไปแล้ว หลังจากที่การพุ่งเข้าโจมตีถูกเซียวเฟิงบล็อกไป เขาก็รีบเปลี่ยนไปใช้มีดยาวสับลงไปที่เซียวเฟิงแทนทันที
นี่มันสกิลทั่วไปของนักรบ โบลว์ ซึ่งรูปแบบเดิมของสกิลนี้คือการสับลงไปจากด้านบนสู่ด้านล่าง แต่คิมจงฮันใช้มันกลับกัน คือการสับจากข้างล่างขึ้นไปข้างบนโดยที่พลังโจมตีของมันไม่ได้ลดลงเลยแต่อย่างใด คนคนนี้สมควรแล้วที่จะได้รับการยกย่องว่าเป็นอันดับ 1 ของเขตฮันกุล
ชายคนนี้สามารถผสมผสานสกิลทุกอย่างเข้ากับการเคลื่อนไหวของเขาได้ ไม่มีการโจมตีครั้งไหนที่เป็นการโจมตีธรรมดา เพราะทุกครั้งที่เขาโจมตี นั่นหมายถึงการโจมตีนั้นใช้ร่วมกับสกิลไปแล้ว!
บล็อก!
บล็อก!
บล็อก!
…
คลื่นการโจมตีจำนวนมากมายพุ่งเข้ามาจากรอบตัวเซียวเฟิง การโจมตีของคิมจงฮันนั้นเกรี้ยวกราดและรวดเร็ว แต่ถึงอย่างนั้นเซียวเฟิงก็ไม่ได้รับบาดเจ็บจากมันสักครั้งเดียวเลย คทาในมือที่คอยโบกไปมานั้น แม้จะดูเป็นการโบกสะบัดง่าย ๆ และธรรมดา แต่มันก็สามารถทำให้เซียวเฟิงหลบพ้นการโจมตีทุกครั้งของคลื่นเหล่านั้นได้!
“นายแข็งแกร่งจริง ๆ นั่นแหละ แล้วก็นายช่วยสอนอะไรหลาย ๆ อย่างให้ฉันได้เยอะเลย แต่ตอนนี้ฉันกำลังยุ่ง เสียใจด้วยนะ” ทันใดนั้นเอง เมื่อเซียวเฟิงหันไปมองเวลาแล้ว เขาก็กล่าวขอโทษกับคิมจงฮัน
ชายวัยกลางคนรู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที เขารีบยกเลิกการโจมตีและถอยกลับออกไป ทว่ามันก็สายเกินไปแล้ว
เขาไม่รู้เลยว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มือซ้ายของเซียวเฟิงมีหอกสีทองเปล่งประกายปรากฏขึ้นมา มันถูกเขวี้ยงออกมาด้วยความแม่นยำและเข้าโจมตีคิมจงฮันโดยที่เจ้าตัวไม่สามารถหลบได้
ในสายตาของคิมจงฮัน เขาเห็นได้ชัดเจนถึงรูปแบบการโจมตีที่เข้ามานี้ และเพียงชั่วพริบตา เขาก็ตอบสนองมันอย่างฉับพลัน ตอนแรกเขาตั้งใจจะยกมีดสั้นของตัวเองขึ้นมาเพื่อป้องกันการโจมตีดังกล่าวแบบที่เซียวเฟิงเคยทำก่อนหน้า ทว่าเมื่อสังเกตให้ดี เขาก็พบว่าหอกสีทองเล่มนั้นไม่มีมวลสารเลย เป็นเพียงหอกที่สร้างขึ้นจากแสงเท่านั้น เพราะงั้นคิมจงฮันจึงเปลี่ยนวิธีการป้องกันใหม่อีกครั้งพลางถอยหลังออกไปพร้อมใช้สกิลพุ่งเพื่อหลบทิศทางการพุ่งของหอกไปข้าง ๆ แทนด้วย!
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าหอกสีทองเล่มนี้จะสามารถหักเลี้ยวได้โดยอัตโนมัติราวกับมีโหมดติดตามเป้าหมาย พอคิมจงฮันสไลด์ตัวออก ตัวหอกก็หักเลี้ยวแล้วไล่ตามเขาอีกครั้งจนเขาไม่สามารถหลบไปทางไหนได้อีก ปลายหอกคมปักเข้าที่กลางอกของเขาแล้วตรึงร่างเขาเอาไว้กับพื้นดิน
เมื่อได้ยินเสียงของระบบเตือนว่าร่างของตนถูกตรึงไว้ คิมจงฮันก็เริ่มรับรู้ได้ถึงความเลวร้ายมากยิ่งขึ้น พลันเมื่อเขาแแหงนหน้าไปมอง ในมือของเซียวเฟิงก็ปรากฏเป็นท้องฟ้าสีทองขนาดยักษ์ขึ้นมาเสียแล้ว ตัวมันมีรูปแบบเดียวกับหอกสีทองก่อนหน้า คือถูกสร้างขึ้นจากแสงโดยมีคทาเป้นด้าม ค้อนยักษ์นั้นทุบลงมาที่ร่างของคิมจงฮันอย่างรุนแรง
แม้ว่าตัวเขาอยากจะพยายามดิ้นรนขนาดไหนเพื่อบล็อกการโจมตีของค้อนแห่งการพิพากษานั้น แต่มันก็ไร้ค่า เพราะขนาดของมันใหญ่เกินกว่าเขาจะปัดป้องได้ และยามที่มันทุบลงมาที่ตัวเขา ขนาดของมันก็เป็นที่ประจักษ์ว่าใหญ่กว่าตัวเขาเสียอีก!
ความรุนแรงของการทุบนั้นหนักหน่วงมาก และหลังจากทุบเสร็จ มันก็แตกสลายกลายเป็นละอองเล็ก ๆ สีทองก่อนจะลอยหายไป
-1,509!
เลขระบุความเสียหายสี่หลักปรากฏขึ้นบนหัวของคิมจงฮัน ไม่ต้องสงสัยเลย เขาถูกฆ่าในชั่วพริบตา ร่างของเขาค่อย ๆ ล้มลงไปกับพื้น โชคยังดีที่ไม่มีอุปกรณ์ชิ้นไหนร่วงลงมาด้วย จากนั้นท่ามกลางความเงียบสงัด ร่างนั้นก็กลายเป็นกลุ่มแสงและย้อนกลับไปยังเมืองเพื่อฟื้นคืนชีพ
เซียวเฟิงส่ายหน้าช้า ๆ กระนั้นแล้วเขาก็ไม่ได้หยุดขาลงในทันที เขาหันหน้ากลับแล้วเดินลึกเข้าไปในป่ารัตติกาล เพราะตอนนี้ด้านนอกเริ่มจะเช้าแล้ว มันเป็นเวลาอาหารเช้า ดังนั้นชายหนุ่มจำเป็นต้องหาที่ปลอดภัยเพื่อล็อกออฟ
ในท้ายที่สุด เซียวเฟิงก็พบหลุมใต้ดินที่ซึ่งเป็นแผนที่ลับเช่นกัน เมื่อคิดว่าที่นี่คงยังไม่มีผู้เล่นเขตฮันกุลหาเจอ เซียวเฟิงจึงหาที่สงบ ๆ แล้วล็อกออฟไป
“หือ? เธอมาทำอะไรในห้องของฉันน่ะ?”
เมื่อถอดหมวกเล่นเกมออก สิ่งที่รอเข้าอยู่ด้านข้างบนเตียงก็คือจืออี้ เธอผู้นี้กำลังนอนเท้าคางดูเซียวเฟิงที่กำลังเล่นเกมอยู่มาพักใหญ่ ๆ แล้ว ด้วยท่าทีนี้ มันทำให้ใบหน้าสวยของสาวเจ้าดูน่าหลงใหลมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมเสียอีก
“อะไรน่ะ? นายท่านเซียวเริ่มจะเบื่อฉันซะแล้วเหรอ?” จืออี้ถอนหายใจเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงพราวเสน่ห์
“เปล่า แต่เธอไม่กลัวหลิวเฉียงเหว่ยกับเฉียนโตวโตวจะมาเจอเธอหรือไง? ถ้าแบบนี้มันจะทำให้การที่เธอพยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์อันดีงามกับสองสาวแย่ลงเอานะ”
เซียวเฟิงส่ายหน้าและไม่ได้ลุกขึ้นนั่งในทันที เพราะตอนนี้จืออี้ขึ้นมานอนทับบนอกเขาเสียแล้ว หน้าอกที่ใหญ่โตและนุ่มนิ่มของเธอที่กดทับลงไปบนร่างเขานั้น ทำเอาเซียวเฟิงรู้สึกนุ่มนิ่มและอัศจรรย์ใจมาก ๆ
“มันก็คงจะเป็นแบบนั้น แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าในคำพูดของท่านเซียวมีความหมายอื่นแอบซ่อนอยู่ด้วยนะ?” หญิงสาวกรอกตาตนเองไปมาแล้วกลับมามองเซียวเฟิงด้วยความขี้เล่น
“ความหมายอะไรของเธอ?” พอโดนถามเช่นนั้น เซียวเฟิงก็เป็นฝ่ายหลบสายตาด้วยความรู้สึกผิด
“จุดประสงค์ที่ท่านเซียวอยากจะให้พวกเราทุกคนมีความสัมพันธ์ที่ดีด้วยกันน่ะ คงไม่ใช่เรื่องทั่ว ๆ ไปหรอกจริงไหม?” จืออี้ยิ้มหวาน
“แล้วเธอคิดว่าฉันมีจุดประสงค์อะไรอีก? ฉันก็แค่อยากให้พวกเธออยู่ด้วยกันดี ๆ ได้ก็เท่านั้น” เขาพยายามข่มตนเองให้ใจเย็นขณะพูดออกไปเช่นนี้
“จริงเหรอ? ถ้าเป็นเมื่อก่อน ฉันคงจะเชื่อไปแล้วว่านายท่านเซียวแค่อยากจะให้พวกเราทุกคนเข้ากันได้ดี แต่หลังจากที่เมื่อวันก่อน ที่ความสัมพันธ์ต่าง ๆ มันคืบหน้าขึ้นมา คฤหาสน์แห่งนี้ก็กลายเป็นรังรักของท่านเซียวที่พาสาวสวยมากมายมากกไว้และเปลี่ยนบรรยากาศที่นี่ไปเสียหมดแล้ว เพราะงั้น ฉันไม่เชื่อหรอกว่าท่านเซียวจะสามารถควบคุมตนเองได้หลังจากที่ได้ลิ้มลองรสชาติของสาวสวยเหล่านี้ไปแล้ว ใช่ไหม?” แววตาของจืออี้ที่มองไปยังเซียวเฟิงนั้นดูเย้ายวนในขณะที่สายตาของเธอกลับดูขี้เล่นขี้หยอก เธอยิ้มหวานและพูดต่อ “ยึดตามความแข็งแกร่งของท่านเซียว ถ้าพวกเราทั้งสี่คนอยู่ด้วยกันล่ะก็ ยังคงพอทำให้นายพึงพอใจได้ เพราะงั้น…นี่หรือเปล่าน้า ความหมายแอบแฝงที่นายบอกอยากให้พวกเราเข้ากันได้ดี ๆ น่ะ?”
“เธอ…เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว ฉันเป็นคนที่รู้จักวิธีระบายอารมณ์ของตัวเองดีน่า” เซียวเฟิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่หนักแน่นนัก หากเป็นเขาคนที่อยู่จนถึงวันก่อนล่ะก็ คงจะพูดได้ฉะฉานมากกว่านี้ แต่เพราะเรื่องที่เกิดในวันนั้น เซียวเฟิงเองก็ไม่มั่นใจในตนเองแล้วเช่นกัน เขาเหมือนแมวที่ไปขโมยปลามา ซึ่งถ้านั่นเป็นครั้งแรก แสดงว่าเดี๋ยวมันก็จะมีครั้งต่อไปอีก
ไม่ว่าจะหลิวเฉียงเหว่ยหรือคนอื่น ๆ อีกสามคน ทุกคนต่างก็มีความสวยงามที่แตกต่างกันออกไป หลังจากที่ชายหนุ่มได้เสพสุขกับพวกเธอไปแล้ว เขาเองก็รับรู้ได้เหมือนกันว่าพวกเธอวิเศษขนาดไหน และพอสัญชาตญาณความเป็นมนุษย์มันตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เซียวเฟิงจึงไม่มั่นใจว่าตนเองจะยังสามารถควบคุมตนเองได้จริง ๆ หรือเปล่าหากอยู่ท่ามกลางสาว ๆ เหล่านี้
“งั้นเหรอ?”
แววตาของจืออี้นั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เธอจ้องมองไปยังเซียวเฟิงโดยไม่กะพริบตา และมันก็ทำให้เซียวเฟิงรู้สึกผิดมากขึ้นกว่าเดิม
“มีคนกำลังเข้ามา”
โชคยังดีที่ตอนนั้น เซียวเฟิงได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังเดินตรงมายังหน้าห้องของเขา มันช่วยเปิดโอกาสให้เขาสามารถเปลี่ยนเรื่องได้
“มันคงจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าถ้าฉันรีบหลบฉากไปสินะ เพราะงั้นในเมื่อนี่เป็นสิ่งที่ท่านเซียวต้องการ งั้นฉันก็จะทำตาม โดยการเข้ากันกับคนอื่น ๆ ให้ได้เอง” จืออี้รีบลุกออกจากตัวเซียวเฟิง พร้อมกับขยิบตาให้เขาข้างหนึ่งก่อนจะหายเข้าไปซ่อนในห้องน้ำ
“เซียวเฟิง”
ประตูห้องของเขาเปิดออก และผู้ที่เดินเข้ามาก็คือหลิวเฉียงเหว่ยที่สวมชุดนอนผ้าไหมสีขาวอยู่ มือของเธอสัมผัสไปตามกำแพง ขมวดคิ้วและแสดงให้เห็นว่าเธอยังขยับตัวไม่ค่อยสะดวกนัก
“มันยังเจ็บอยู่เหรอ?” เซียวเฟิงถามด้วยน้ำเสียงกึ่งขอโทษ นั่นเพราะเขารู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปกับหลิวเฉียงเหว่ยและทั้งสามสาวเมื่อวันก่อนจริง ๆ เขาทำมันลงไปโดยที่ไม่ได้ปรานีพวกเธอเลย เพราะแบบนั้นพวกเธอถึงยังต้องทนทุกข์ไปอีกหลายวัน
“หลังจากได้นอนพักมาคืนนึง วันนี้ก็พอจะลุกจากเตียงได้แล้วล่ะ แต่ก็ยังไม่หายดีซะทีเดียว น่าจะต้องเป็นแบบนี้อยู่อีกสักสามวัน” ใบหน้าที่สวยงามของหลิวเฉียงเหว่ยแดงระเรื่อเล็กน้อย เธอรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปอย่างรวดเร็ว “เสี่ยวไป๋ตามหัวหน้าผู้พิพากษากิโลกับอาร์คบิชอปเรนัลด์ไปที่ที่เรียกว่านครศักดิ์สิทธิ์แล้ว แล้วก็พวกเราหาเสี่ยวเสวียไม่เจอด้วย”
“ไม่เป็นไร เสี่ยวเสวียตายแล้ว แล้วก็กลับมาอยู่ในมิติสัตว์เลี้ยงของฉันเรียบร้อยแล้วด้วย ส่วนเสี่ยวไป๋ ปล่อยเธอไว้แบบนั้นแหละ เธอแค่คอยดูแลหนี่อู๋ไว้ก็พอ อย่าให้เขาไปที่นครศักดิ์สิทธิ์ได้เชียว เทพธิดาแห่งแสงอยู่ที่นั่น แล้วเธอคนนั้นก็ดูจะเกลียดหนี่อู๋เข้าไส้เลยด้วย อย่าให้เธอมีโอกาสฆ่าเขา” เซียวเฟิงพูด
“อืม…” หลิวเฉียงเหว่ยนั่งลงไปที่ปลายเตียงของเซียวเฟิงเรียบร้อยแล้วและพยักหน้ารับ เธอเคยเจอเทพธิดาแห่งแสงแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อครั้งที่เจ้าตัวลงมายังเมืองแห่งความโศกเศร้าเพื่อตามล่าหนี่อู๋ ภาพนั้นมันน่ากลัวและยังคงติดตาเธออยู่จนถึงวันนี้
“แล้วการต่อสู้เมื่อคืนเป็นยังไงบ้าง?” เซียวเฟิงถามกลับบ้าง เพราะเขาไม่ได้ติดตามดูจนจบเมื่อคืนนี้