ถังหนิงกลับมาแล้ว!
หมายความว่าเธอกำลังจะทำงามหน้าอีกเหมือนเมื่อครั้งที่ก่อเรื่องในอังกฤษและไปเป็นคนใช้ที่อเมริกาอย่างนั้นหรือ
มีคนในวงการกี่คนที่กำลังรอซ้ำเติมเธอกัน
แม้ว่าเธอจะแต่งงานกับนายใหญ่ของวงการบันเทิงก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะได้รับการให้เกียรติเท่ากับโม่ถิงเสียหน่อย ด้วยหลังจากที่เธอผ่านทุกเรื่องดีร้ายมา ถังหนิงถูกสื่อมองว่าเป็นศิลปินตกกระป๋องมานานแล้ว
สื่อรู้สึกว่าเธอเป็นคนประเภทที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองไม่มัใครสนใจและจะไม่ยอมรามือจนกว่าจะถูกทิ้งถึงจะยอมรับว่าตัวเองนั้นเก่าไปแล้ว
ดูจากการล่มสลายของจู้ซิงมีเดีย บริษัทที่ทั้งถูกสร้างและทำลายด้วยมือของเธอเอง
ที่แย่ที่สุดคือการที่เธอคอยสอพลอเอาใจชาวอเมริกันหลังจากปราฎตัวขึ้น เธอไม่ได้ไปไกลถึงวงการฮอลลีวูดแล้วหรือ แต่เธอกลับยังลงเอยด้วยการยอมจำนนให้กับนักธุรกิจผู้มีฐานะชาวอเมริกัน!
“พอคนเราทำพลาด พวกเขาก็โดนตบหน้าซะไม่ยั้งเลย! ”
“ดูถังหนิงสิ เธอทำทุกอย่างเพื่อจะทวงความนิยมกลับมา แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง มีคนเข้าวงการอยู่ทุกวันแล้วพวกเธอก็ยังสาวยังสวย อีกอย่างพวกเขาจะให้ความร่วมมือง่ายๆ เหรอ ใครจะไปสนใจศิลปินตกกระป๋องอย่างเธอกัน
“ถ้าคุณไม่สนใจเธอ ทำไมต้องไปตามถ่ายรูปเธอด้วยล่ะ”
“เธอก็ได้แต่อาศัยข่าวลืออย่างนี้เพื่อเรียกร้องความสนใจจากทุกคนเท่านั้นแหละ หน้าไม่อาย เธอเป็นภรรยาของประธานโม่ไม่ใช่เหรอ เธอควรทบทวนการกระทำของตัวเองหน่อยสิ”
ทุกๆ การเคลื่อนไหวของถังหนิง ทุกๆ คำพูด และแม้แต่การพูดถึงเธอได้ทำให้เกิดกระแสตอบรับใหญ่โตจากสื่อ
คนพวกนี้เอาแต่พูดว่าถังหนิงตกกระป๋อง หากแต่เมื่อได้ยินเรื่องใดๆ ก็ตามเกี่ยวกับเธอกลับวิ่งแจ้นมาด้วยความเร็วแสง
ถังหนิงน่ะหรือโดนตบหน้า ตลกน่า!
ด้านนอกของพิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์ถูกล้อมไปด้วยนักข่าวเพราะข่าวที่หลุดออกไป และพวกเขาต้องการได้ข้อมูลจากปากของถังหนิง
เป็นเวลาเดียวกันที่หันซิวเช่อจับตาดูข่าวล่าสุด แม้ว่าเขาจะต้องการอออกไปและทำให้แน่ใจว่าถังหนิงจะมาไม้ไหนด้วยตัวเอง แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอก็สุ่มเสี่ยงเกินไป หากเขาไปปรากฏตัวเขาคงจะดูน่าสงสัย และถังหนิงก็จะสามารถจู่โจมเขาได้ง่ายขึ้น
หม่าเวยเวยอยู่ในสภาพเดียวกันในขณะที่เธอดูโทรทัศน์อยู่ที่บ้าน แม้ว่าผู้จัดการที่อยู่ด้านหลังจะมีท่าทียากจะคาดเดาออกมาก็ตาม
“เหวยเหวย ใกล้ถึงเวลาที่ต้องออกไปตามนัดแล้วนะ”
“เธอคิดว่าถังหนิงจะลดตัวลงมาขนาดนี้เลยเหรอ”
ผู้จัดการชะงักไปชั่วขณะก่อนตอบกลับ “เวลามันผ่านไปแล้วนะ ถ้าเธอกับถังหนิงแย่งงานเดียวกันอยู่ ลูกค้าก็ต้องเลือกเธออยู่แล้วล่ะ”
หม่าเวยเวยอารมณ์ดีขึ้นมาด้วยคำพูดเหล่านี้และลุกขึ้นยืนอย่างอวดดี “ถึงฉันจะชอบอยู่ดูการแสดงนี้ แต่น่าเสียดายที่ฉันต้องมีงานไปทำ ตั้งแต่ที่หันซิวเช่อบอกกับสื่อว่าถังหนิงใส่ความฉัน เขาก็ช่วยฉันไว้ได้มากจริงๆ อย่างน้อยถังหนิงก็กลัวเกินกว่าจะทำอะไรฉัน”
“หันซิวเช่อเป็นคนฉลาดจริงๆ แหละ น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ใช้มันในทางที่ถูก! โชคดีที่เขาไม่ได้ใช้มันทำร้ายเรานะ! ” ผู้จัดการตอบ
“ฮึ่ม อีกไม่นานถังหนิงคงไม่มีอะไรเทียบฉันได้แล้วล่ะ เธอคอยดูไปเถอะ”
ครั้งนี้ผู้จัดการของหม่าเวยเวยไม่ได้ตอบ หากถังหนิงปรากฏตัวอย่างที่เห็นแบบนี้จริงๆ เธอคงไม่ใช่ถังหนิงที่อยู่ในวงการมาเจ็ดแปดปีแล้วหรอก หม่าเวยเวยประมาทถังหนิงเกินไปเสียแล้ว
ทว่าผู้จัดการไม่ได้เตือนเธอ หลังจากหักหลังหม่าเวยเวย เธอก็ตัดสินใจไม่ทำตัวกระโตกกระตาก
…
ภายในพิพิธภัณฑ์ ถังหนิงและคนอื่นๆ รู้ถึงสถานการณ์ภายนอกดี หากแต่พวกเขาไม่ได้สะทกสะท้านแต่อย่างใด โดยเฉพาะโจนส์ที่ยังมีท่าทีเช่นเดิมขณะที่กำลังเรียนรู้ความเป็นมาเบื้องหลังของอุตสาหกรรมภาพยนตร์จีนและฟังเรื่องราวน่าสนใจในอดีตอย่างตั้งใจ
การเยี่ยมชมทั้งพิพิธภัณฑ์กินเวลาราว 1 ชั่วโมง ระหว่างนี้ถังหนิงแทบจะทำตัวเป็นมัคคุเทศก์ พร้อมอธิบายเส้นทางอันน่าเบื่อและไร้สีสันที่พาให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์เดินทางมาถึงทุกวันนี้
“โอเค พอแล้วล่ะ ถึงเวลาที่การเยี่ยมชมครั้งนี้ต้องจบลงแล้ว คุณเป็นนักเล่าเรื่องที่เยี่ยมเลยนะ ฉันชอบทุกรายละเอียดที่คุณอธิบายให้ฟังมากเลยล่ะ”
ถังหนิงปรายตาไปที่ทางออกและหันกลับมามองหน้าโจนส์อย่างหวั่นใจ “คุณแน่ใจเหรอคะ”
“ไปกันเถอะน่า” เขาว่าขึ้นอย่างแน่วแน่พลางเดินตรงไปยังทางอออก
ทันทีที่นักข่าวเห็นดังนี้ พวกเขาพยายามเข้ามาล้อมเอาไว้ อย่างไรก็ตามบอดีการ์ดที่ถังหนิงพามาด้วยรีบกันเอาไว้
โจนส์ไม่ได้แสดงอาการไม่พอใจแม้แต่น้อย เขาทำเพียงหันไปมองถังหนิง
“ถังหนิง ถังหนิง…ออกมาให้สัมภาษณ์หน่อยครับ”
“ถังหนิง มีข่าวลือบอกว่าคุณล่อลวงนักธุรกิจชาวอเมริกัน”
“ถังหนิง…อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นกับจู้ซิงมีเดียหน่อยสิคะ”
กองทัพนักข่าวยื่นไมโครโฟนมาด้านหน้า ต้อนให้ถังหนิงและโจนส์ต้องก้าวถอยหลังไป ทว่าโจนส์กลับมองหน้าถังหนิงโดยไม่มีทีท่าโกรธแต่อย่างใด
เมื่อเห็นดังนั้นถังหนิงจึงก้าวออกมาด้านหน้าเพื่อปกป้องโจนส์
“นี่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องรายงานเลยค่ะ เรากำลังเดินทางเป็นการส่วนตัวอยู่นะคะ ช่วยหลีกทางด้วยค่ะ”
นักข่าวคิดว่าถังหนิงคงยอมออกมาชี้แจง ด้วยพวกเขาเห็นเธอคอยเอาอกเอาใจนักธุรกิจชาวอเมริกันคาตาเช่นนี้ เธอไม่กลัวว่าตัวเองจะถูกตอกกลับบ้างเลยหรือ
“ก่อนหน้านี้คุณดูน่าสมเพชในกองถ่ายวงการฮอลลีวูด แต่ตอนนี้กลับดูเหมือนสนิทสนมกับชาวอเมริกันซะแล้ว คุณคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องผิดบ้างหรือเปล่าครับ”
“ประธานโม่รู้เห็นเรื่องนี้ด้วยไหมคะ”
“ถังหนิง คุณนี่มันจอมปลอมจริงๆ! ”
ตอนนั้นสื่อยังไม่รู้ว่าชายที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอเป็นใคร พวกเขาจึงจู่โจมเธออย่างรุนแรง
ทำให้ทั้งถังหนิงและคู่รักสูงวัยหลบออกมาจากพิพิธภัณฑ์ได้ยากแม้จะมีบอดีการ์ดคอยกันไว้ก็ตาม
“ทุกอย่างที่พวกคุณพูดวันนี้เป็นแค่เรื่องที่คิดไปเองทั้นนั้น ฉันไม่เคยยอมรับมันและพวกคุณก็ไม่เคยพยายามตามสืบหาความจริงสักนิด ที่สำคัญที่สุดคือที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ฉันควรจะต้องมาตอบคำถามของพวกคุณเลย หวังว่าจะเข้าใจขีดความอดทนของฉันนะคะ”
“ถังหนิง กลิ่นเท้าของนักธุรกิจคนนั้นหอมหรือเปล่าล่ะ”
“ถังหนิง เขาดูไม่มีอะไรพิเศษเลยนะ…คุณนี่มันรสนิยมแย่จริงๆ ”
ถังหนิงจ้องมองไปยังสื่อที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรก่อนหลับตาลง จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น “ฉันหวังว่าพวกคุณจะไม่เสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปในวันนี้แล้วกันนะคะ”
“ฮ่าๆๆ คุณกลายเป็นหนูติดจั่นที่น่าสมเพชที่สุดในปักกิ่งแล้วนะครับ มีอะไรให้เราต้องเสียใจล่ะครับ”
“ที่นี่ไม่ใช่อเมริกานะคะ”
“จริงๆ แล้ว…”
เหล่านักข่าวแค่คล้อยตาม แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะไม่มีสมอง โดยเฉพาะนักข่าวซึ่งชื่นชอบภาพยนตร์ไซไฟเป็นพิเศษที่ยิ่งมองหน้าเขาก็ยิ่งรู้สึกคุ้นหน้าโจนส์มากขึ้นเรื่อยๆ ท้ายที่สุดเขาจึงอดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์ออกมาค้นหา…
จากนั้นสีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นตกตะลึง!