“เฮ้…พวกคุณ…ระวังคำพูดของตัวเองหน่อยเถอะนะ” ทันทีที่เขาเก็บโทรศัพท์ลงก็พยายามรีบห้ามคนรอบตัว “ผู้ชายคนนี้คือโจนส์เจ้าพ่อแห่งโลกไซไฟเลยนะ”
“อะไรนะ” คนอื่นๆ พุ่งเข้ามาดูชีวประวัติบนโทรศัพท์ของนักข่าวคนนั้นก่อนนิ่งค้างไป “โอ้ พระเจ้า เราทำอะไรลงไปกันล่ะเนี่ย”
ด้วยเหตุนี้นักข่าวกลุ่มเล็กๆ จึงรู้ว่าโจนส์เป็นใคร ในขณะที่อีกกลุ่มที่กำลังยืนเผชิญหน้ากับถังหนิงและคู่รักสูงวัยอยู่ยังคงตามไล่รังควานพวกเขา
โจนส์ออกมากันถังหนิงเอาไว้ก่อนก้าวออกมาเผชิญหน้ากับฝูงชนและเอ่ยด้วยภาษาอังกฤษ “ผมไม่เคยเจอการกระทำที่คุกคามขนาดนี้ในโลกมาก่อนเลย สื่อปักกิ่งนี่ทำให้ผมตาสว่างจริงๆ! ”
“เฮ้ ไอ้คนต่างชาติ ไสหัวกลับอเมริกาไปเลย ที่นี่ปักกิ่ง! ไม่ใช้ถิ่นของคุณนะ! ”
“นั่นน่ะสิ ใช่ไหมล่ะ คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน! ”
“ถังหนิง คุณนี่มันขี้ขลาดจริงๆ หลบอยู่หลังคนอเมริกันได้ยังไงกัน ไม่อายบ้างเลยเหรอ”
ถังหนิงยิ้มเยาะโดยไม่ได้โต้ตอบกลับ ทำเพียงหันไปพูดกับโจนส์ “อาจารย์คะ ที่นี่วุ่นวายเกินไป กลับไปที่โรงแรมกันเถอะค่ะ”
“โอเค”
ภายใต้การคุ้มกันของบอดีการ์ด ทั้งคู่รักสูงวัยและถังหนิงหลุดออกมาจากฝูงชนได้สำเร็จ อย่างไรก็ตามยังมีสื่อบางสำนักที่บ้าคลั่งพยายามตามพวกเขามาอยู่ แต่เมื่อเห็นสีหน้าแปลกๆ ของนักข่าวคนอื่นๆ ก็ชะงักทันที
“พวกคุณคิดอะไรอยู่ ทำไมไม่ตามไปล่ะ”
“แหกตาดูเองสิ” นักข่าวคนหนึ่งยื่นโทรศัพท์ให้อีกฝ่ายดู ทว่าหลังจากนั้นเธอก็ยังงุนงงอยู่
“นี่มัน…หมายความว่าอะไรกัน”
“หมายความว่าชาวอเมริกันที่คุณไปอวดดีหาเรื่องเข้าคือโจนส์ เจ้าพ่อแห่งโลกไซไฟ ยังไงล่ะ เขาเป็นที่รักของคนทั้งโลกแล้วแฟนๆ ก็คลั่งไคล้เขามาก พวกคุณก็ยังจะไปด่าเขาอย่างนั้นอีก รอดูชื่อของตัวเองขึ้นพาดหัวข่าวอเมริกาได้เลย คุณได้ดังแน่! ”
หลังจากได้ยินดังนั้น แววตาของนักข่าวสาวจ้องมองเพื่อนร่วมอาชีพอย่างว่างเปล่า…
“ทุกคนไม่ได้พูดกันเหรอว่า…”
“ถังหนิงถึงได้บอกว่าพวกคุณเอาแต่คาดเดาและคิดไปเองโดยไม่ได้รู้ความจริงเลยยังไงล่ะ การแสดงเด็ดคงใกล้มาถึงแล้วล่ะ”
เดิมทีนักข่าวกรูกันเข้ามาหาถังหนิงและโจนส์หมายจะได้ชมการแสดงเด็ดๆ แต่ตอนนี้เมื่อโจนส์ปรากฏตัวขึ้น ทั้งปักกิ่งก็ตกอยู่ในความโกลาหล
“พวกเธอได้ยินไหม โจนส์อยู่ที่ปักกิ่งล่ะ เขาเป็นคนอเมริกาที่ถังหนิงไปเจอ”
“โจนส์เหรอ พระเจ้าช่วย! ฉันดูหนังของเขาเยอะมาก คลั่งไคล้ตัวเขาสุดๆ ไปเลยล่ะ! ”
“หมายความว่าถังหนิงกำลังต้อนรับโจนส์ตอนที่นักข่าวพากันไปต่อว่าพวกเขาน่ะสิ พวกเขาทำให้คนทั้งปักกิ่งต้องอับอาย! ”
“อะไรวะเนี่ย มีนักข่าวโง่ๆ แบบนี้เต็มไปหมดเลย ถ้าศิลปินที่ฉันรักมีความประทับใจแย่ๆ กับปักกิ่ง ฉันจะไล่ต้อนให้สื่อพวกนี้ปิดตัวไปซะ! ”
ทันใดนั้นเองทุกคนต่างตื่นเต้นกับการมาถึงของโจนส์ ทั้งยังอิจฉาและชื่นชมถังหนิงที่ได้สนิทสนมกับเขา แฟนๆ ยังบอกให้ไห่รุ่ยเตือนให้ถังหนิงดูแลศิลปินที่พวกเขาชอบเป็นอย่างดีอีกด้วย
ทว่านักข่าวบางคนที่เข้าล้อมถังหนิงและต่อว่าเธอเสียๆ หายๆ ก่อนหน้านี้กลับตกอยู่ในสภาพน่าสมเพช หลังจากความจริงถูกเปิดเผย พวกเขากลายเป็นตัวตลก หากพวกเขาปรากฏบนหน้าข่าวของอเมริกาจริงๆ คงจะทำให้ปักกิ่งต้องขายหน้าไม่มีชิ้นดี
“พวกคุณนี่มันโง่จริงๆ ในขณะที่พวกคุณดูถูกถังหนิง เรียกเธอว่าเป็นศิลปินตกกระป๋อง แล้วอ้างว่าเธอใส่ร้ายหม่าเวยเวย เธอกลับกำลังต้อนรับ เจ้าพ่อแห่งโลกไซไฟ เข้าประเทศของเรา”
“นี่คือสิ่งที่พวกคุณเรียกว่าตัวตลกที่อังกฤษและคนใช้ในอเมริกาเหรอ เห็นกันชัดๆ ว่าเธอก้าวขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงกว่าเดิมซะอีก! ”
“หลังผ่านมานาน ถังหนิงก็ยังตบหน้าได้เก่งเหมือนเดิม…ความจริงแล้วมันน่าตื่นตาตื่นใจกว่าเดิมด้วยซ้ำ”
“ฉันรู้สึกได้ว่าถังหนิงกำลังจะทำเรื่องใหญ่อยู่เลย ถ้าเห็นด้วยก็ยกนิ้วให้ที! ”
ข้ออ้างของหันซิวเช่อยังมีน้ำหนักอยู่อีกหรือ
ไม่แม้แต่น้อย…
เพราะคนที่มีสมองย่อมดูออกว่าถังหนิงและหม่าเวยเวยมาจากคนละโลกกัน ถึงถังหนิงจะถูกทุกคนเข้าใจผิดมานาน เธอก็อยู่เงียบๆ และไม่ได้ออกมาตอบโต้แต่อย่างใด ถึงอย่างไรการออกมาทำเช่นนั้นก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ยิ่งเมื่อเธอต้องตอบคำถามสื่อปักกิ่งด้วยแล้ว ใช่ไหมล่ะ
น่าขันสิ้นดี!
ดังนั้นเรื่องหยุมหยิมที่จู้ซิงมีเดียจึงไม่สำคัญอีกต่อไป!
ไม่มีใครสนใจว่าหันซิวเช่อกับหม่าเวยเวยจะถูกกล่าวหาหรือวางแผนเล่นงานหรือไม่ สิ่งสำคัญที่สุดคือโจนส์อยู่ที่ปักกิ่งและเขาถูกต่อว่าทันทีที่เหยียบเท้าเข้าประเทศ ดังนั้นแฟนๆ จึงรีบขอร้องให้ถังหนิงอธิบายทุกเรื่องให้โจนส์เข้าใจ เขาจะได้ไม่ผิดหวังกับปักกิ่ง
“โจนส์เป็นคนง่ายๆ ที่สนใจแต่กับศิลปะการสร้างหนังที่สมบูรณ์แบบ ในเมื่อถังหนิงกับโจนส์สนิทสนมกันขนาดนี้ ฉันไม่เชื่อข่าวลือเสียๆ หายๆ ของถังหนิงเด็ดขาด”
“+1”
“+10086”
“ถ้าอย่างนั้นหันซิวเช่อกับหม่าเวยเวยคงจะช่วยหลีกทางไปได้แล้วใช่ไหม ถ้าพวกเขากล้ามาทำเรื่องถูกเป็นผิดในเวลาอย่างนี้อีกจะได้รู้กันชัดๆ ไปเลยว่าใครกันแน่ที่มีเจตนาไม่บริสุทธิ์”
หันซิวเช่อนึกไม่ถึงกับเรื่องนี้
โจนส์หรือ!
จริงๆ แล้วเธอสนิทสนมกับโจนส์และเก็บงำเรื่องนี้ไว้อย่างนั้นหรือ
เพราะสิ่งที่ถังหนิงทำ ทุกอย่างที่หันซิวเช่อลงมือไปก่อนหน้านี้พังทลายลงอย่างรวดเร็ว เขาคิดว่าถัง หนิงคงจะไม่กลับมา ทว่าขวากหนามที่เขาสร้างขึ้นมากลับกลายเป็นทางเดินให้กับถังหนิง
ที่แย่ที่สุดคือการที่เขาไม่รู้ว่าจะมีลูกไม้ไหนอีก
อย่างเรื่องที่ถังหนิงเป็นลูกศิษย์ของโจนส์
หรือเรื่องที่เธอมีหลักฐานว่าเขานัดพบกับหม่าเวยเวย
ยังมีหลายสิ่งที่รอให้เขาได้สัมผัส ทว่าไม่ต้องรีบร้อนนักหรอก…
…
ไม่นานถังหนิงและคู่รักสูงวัยก็กลับมาถึงโรงแรม เมื่อเห็นความเห็นของคนภายนอกที่ออกมา ถังหนิงก็เอ่ยกับโจนส์ “การปรากฏตัวของคุณช่วยฉันไว้ครั้งใหญ่เลยค่ะ! ฉันขอบคุณมากจริงๆ นะคะ”
โจนส์เผยรอยยิ้มเอ็นดูขณะที่มองหน้าถังหนิง “คุณเป็นเด็กไม่กี่คนที่ฉันยอมรับ เพราะคุณฉันถึงได้รู้ว่ายังมีคนจริงใจอยู่ในวงการนี้ และรอให้คุณสร้างบางอย่างที่แตกต่างออกไปและตื่นตาตื่นใจอยู่นะ
“ที่สำคัญที่สุดคิดฉันสัมผัสได้ถึงความรักและทุ่มเทในงานภาพยนตร์จากตัวคุณ นี่เป็นสิ่งที่หาได้ยากขึ้นเรื่อยๆ
“ในฐานะอาจารย์ของคุณ ฉันรู้สึกว่าการได้ช่วยคุณเป็นสิ่งที่เติมเต็มชีวิตหลังวัยเกษียณของฉันมากเลยล่ะ ดังนั้นไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก ฉันยังรอให้หนังของคุณปล่อยออกมาอยู่นะ อย่าทำให้ฉันต้องผิดหวังและอับอายล่ะ! ตอนนี้ศักดิ์ศรีของฉันอยู่ในมือของคุณแล้ว…”
ถังหนิงพยักหน้าก่อนหัวเราะออกมา “คุณพูดชมฉันเกินไปแล้วค่ะ แต่ฉันจะทำให้ดีที่สุดอย่างแน่นอนค่ะ! ”
ถังหนิงรู้ว่าเป็นโชคดีของเธอที่ได้มาเจอคนดีอย่างโจนส์ ถึงไม่เคยต้องการใช้ความสัมพันธ์ที่มีกับเขาเป็นเครื่องมือ และรู้สึกว่าเพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ดังนั้นจึงตั้งใจว่าจะไม่เปิดเผยว่าตัวเองเป็นลูกศิษย์ของโจนส์
อย่างไรก็ตามสิ่งต่างๆ ไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้เสมอไป!