ตอนที่ 178 สามครั้ง / ตอนที่ 179 กินอะไร

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

ตอนที่ 178 สามครั้ง

 

 

ชุยหังคิดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะเป็นแบบนี้ไปตลอด ถึงแม้ว่าจะไม่เห็นแสงสว่าง ก็ไม่ทำให้ใครเสียเวลา

 

 

แต่ความเป็นจริงมักจะชอบหยอกล้อกับชุยหังเสมอ

 

 

ชุยหังไม่ได้ใช้อุบายอะไร ย้ายหลูจื้อกลับมาใหม่ไม่พอ แล้วยังอวยพรให้พวกเขาอย่างเต็มที่ เรื่องก่อนหน้านี้ที่เขาเอ่ยเตือนชุยหังกลับค่อยๆ เข้าใกล้อย่างช้าๆ

 

 

ชุยหังนอนหลับสลบไสลอยู่ในเกสต์เฮาส์ เมื่อตื่นขึ้นมา ก็รู้สึกเหมือนว่ามีคนคนหนึ่งอยู่บนร่างของตัวเอง

 

 

เขาลืมตาขึ้นมา เขาก็พอจะแน่ใจแล้วจริงๆ ว่าต้องมีคนคนหนึ่งซึ่งกำลังทำเรื่องอย่างว่านั้นอยู่ด้วย

 

 

“นายตื่นแล้วเหรอ” เสียงของหลูจื้อดังขึ้นมา

 

 

ใบหน้าชุยหังมืดครึ้มทันที เจ้าหมอนี่แรงดีขนาดนี้เชียวเหรอ

 

 

‘นี่เป็นรอบที่สามของวันนี้แล้วสินะ’

 

 

ตอนนี้กี่โมงแล้ว มองดูข้างนอก สีของท้องฟ้าค่อยๆ มืดลงอย่างช้าๆ แล้ว

 

 

“นายเข้ามาได้ยังไง” ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

หลูจื้อเอ่ยบอก “ตอนฉันไป ฉันหยิบคีย์การ์ดไปด้วย ยังไงซะนายก็คงจะเดินไปไหนไม่ได้ แล้วแบบนี้ก็สะดวกฉันเข้ามาด้วย”

 

 

พูดจบ เขาก็ยันกายขึ้นอย่างช้าๆ แล้วมองดูชุยหัง

 

 

“พลิกกลับมา” หลูจื้อเอ่ยบอก

 

 

ชุยหังพูดขึ้น “ไม่ได้แล้ว ไม่มีแรงจริงๆ”

 

 

“งั้นฉันจะพลิกให้นาย” หลูจื้อเอ่ยบอก

 

 

พูดจบ เขาก็โอบกอดชุยหังขึ้นมา จากนั้นก็พลิกร่างให้เขามาเผชิญหน้ากับตัวเอง แล้วยกขาเขาขึ้นมา จากนั้นก็กดเข้าไปใหม่อีกครั้ง

 

 

“ทำไมฉันถึงรู้สึกว่านายมาใช้หนี้นะ” ชุยหังทอดถอนใจ

 

 

หลูจื้อว่า “นี่เป็นภาษีเก็บเกี่ยวไม่ใช่เหรอ อะไรกัน นายไม่เก็บเหรอ”

 

 

“ไม่เก็บได้ไหม” ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

หลูจื้อเอ่ยต่อ “ไม่ได้แน่นอน เก็บสะสมมาหลายปีขนาดนี้ ไม่ให้นายจะให้ใคร”

 

 

ชุยหังไม่ได้พูดอะไรต่อ ถึงยังไงหลูจื้อจะดีใจยังไงก็มายังงั้นเลยแล้วกัน

 

 

ทำกันแล้วทำกันเล่าอยู่ตั้งนาน ในที่สุดหลูจื้อก็หยุดลงได้สักที หลังจากนั้นเขาก็ทิ้งตัวลงนอนอยู่ข้างกายชุยหัง พลางเอ่ยถาม “เป็นยังไงบ้าง อยากไปอาบน้ำไหม”

 

 

“ไม่ไปแล้ว ไม่มีแรงแล้วจริงๆ วันนี้ไม่อยากทำอะไรเลย แม้แต่อาบน้ำ”

 

 

“ไม่อยากทำอะไรเลย? นายแน่ใจ?” หลูจื้อเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังเอ่ยถามทันควัน “ฉันไม่แน่ใจ…”

 

 

“ดูท่าว่าจะรู้จักฉลาดบ้างแล้ว รู้ว่าอะไรควรพูดเมื่อไหร่แล้ว” หลูจื้อเอ่ยขึ้น

 

 

ชุยหังมองเขาก่อนจะเอ่ย “ใช่ไง ไม่กล้าไม่ฉลาดหรอก ไม่งั้นไม่รู้ว่าจะถูกจับพลิกไปมาจนกลายเป็นแบบนี้ ตอนฝึกทหารไม่เคยเหนื่อยขนาดนี้”

 

 

“นายจะชินได้” หลูจื้อพูดไป

 

 

ชุยหังพูดขึ้น “นายเองตอนนี้ก็ยังหนุ่มยังแน่น รอจนอายุมากแล้ว ยังจะคลุ้มคลั่งได้ขนาดนี้ไหม”

 

 

แต่หลูจื้อกลับพูดว่า “นั่นก็ไม่แน่หรอก นายต้องเตรียมตัวสู้ศึกระยะยาวด้วย”

 

 

จู่ๆ ท้องชุยหังก็ร้องจ๊อกๆ ขึ้นมาในทันใด เขาหิวแล้ว

 

 

“วันนี้ป้อนนายไปสามครั้งแล้ว ทำไมยังจะหิวได้อีก” หลูจื้อพูดขึ้น

 

 

ชุยหังหมดคำจะพูดจริงๆ คนที่เอาจริงเอาจังอยู่ดีๆ ทำไมหลังจากปลดปล่อยตัวเองแล้ว ถึงกลายเป็นอย่างนี้ได้

 

 

“อยากกินอะไรล่ะ” หลูจื้อเอ่ยถามอีกประโยค

 

 

ชุยหังเอ่ย “อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่บะหมี่ร้อนแห้ง”

 

 

“ฉันไปซื้อคอเป็ดให้นายเอาไหม” หลูจื้อเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังรีบเอ่ยทันที “ไม่ต้องหรอก นั่นมันเป็นของเผ็ด ตอนนี้ฉันไม่สะดวกกินของเผ็ด”

 

 

หลูจื้อยื่นมือออกไปลูบช่วงล่าง ชุยหังรีบเก็บขาเข้ามาอย่างตื่นตระหนก

 

 

“นายจะทำอะไร”

 

 

หลูจื้อยิ้มหัวเราะพลางเอ่ย “จะดูสักหน่อยว่าบวมหรือเปล่า”

 

 

“ยังต้องให้นายพูดอีกเหรอ ต้องบวมอยู่แล้ว ไม่รู้จักจบจักสิ้นเลยสักนิด”

 

 

“เอาเถอะ ต่อไปฉันจะพยายามเต็มที่” หลูจื้อบอกไป

 

 

“แค่พยายามเต็มที่เหรอ ถ้าหากว่าควบคุมไม่อยู่ล่ะ” ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

หลูจื้อเอ่ยตอบ “มันยังไม่ง่ายหรอก นายก็กัดฟันสู้เอาแล้วกัน”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 179 กินอะไร

 

 

ชุยหังไม่กล้าพูดอะไรไปชั่วขณะ หลูจื้อในตอนนี้เหมือนอาดัมกับเอวาที่ได้ลิ้มลองผลไม้ต้องห้ามไปแล้ว เหมือนจะเสพติดไปแล้วจริงๆ

 

 

“เปลี่ยนหัวข้อเถอะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว” ชุยหังเอ่ยขึ้น

 

 

หลูจื้อพูดว่า “เปลี่ยนหัวข้อแบบไหน”

 

 

“แนวๆ สีเขียวคลีนๆ หน่อย ดีต่อสุขภาพหน่อย” ชุยหังเอ่ยต่อ

 

 

“สีเขียว? นายนี่เถื่อนไม่เบา อยากจะสวมหมวกสีเขียว [1] ให้ฉันเหรอ”

 

 

ชุยหังจนใจพลางเอ่ย “ฉันไม่มีความสามารถนั้นหรอก”

 

 

“นายมีความสามารถนั้น ก็ต้องคิดพิจารณาว่าตัวเองมีกล้านั้นด้วยหรือเปล่า” หลูจื้อกล่าว

 

 

ชุยหังเอ่ยตอบ “ไม่มี จะต้องไม่มี”

 

 

“นี่ก็ได้เวลาพอประมาณแล้ว โอเค รีบลุกขึ้นมาเถอะ ฉันจะพานายไปกินอะไรสักหน่อย”

 

 

ชุยหังลุกขึ้นไม่ไหวแล้วจริงๆ เขาเอ่ยขึ้นว่า “เอวฉันเคล็ดขนาดนี้แล้ว นายจะเดินก็เดินไปดีๆ อย่ามาให้ฉันขยับตัวเลย”

 

 

“ก็ได้ งั้นนายอยากกินอะไร ฉันจะซื้อกลับมาให้นาย”

 

 

ชุยหังคิดๆ ดู ก่อนจะเอ่ย “อยากกินเกี๊ยว แต่ว่าของพวกนายที่นี่ต้องไม่ใช่แบบดั้งเดิมแน่ เผ็ดก็กินไม่ได้ ก็ไม่รู้แล้วว่ากินอะไรได้บ้าง”

 

 

หลูจื้อครุ่นคิดพลางเอ่ย “ได้ เดี๋ยวฉันดูให้แล้วจะซื้อมาแล้วกัน”

 

 

พูดจบ เขาก็ลุกขึ้นใส่เสื้อผ้า

 

 

“ชุดนี้ของนายนี่วันนี้ถอดไปกี่ครั้งแล้ว” ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

หลูจื้อว่าต่อ “นั่นก็ช่วยไม่ได้ ถึงยังไงนายก็นอนอยู่ตรงนั้น นายนอนอยู่ตรงนั้นแล้ว ถ้าฉันไม่แสดงออกอะไรเลย งั้นก็ไม่น่าตื่นเต้นพอเท่าไหร่แล้ว”

 

 

ชุยหังหมดคำจะพูด นี่มันเกี่ยวกับน่าตื่นเต้นพอไม่พอตรงไหนกันเหรอ

 

 

“นายเตรียมแผนล่วงหน้ามาพร้อมตั้งแต่แรกใช่ไหม” ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

หลูจื้อเอ่ยขึ้น “แน่นอนอยู่แล้ว ตอนที่ฉันถามนายวันนั้น นายควรจะเตรียมตัวพร้อมแล้วไม่ใช่เหรอ”

 

 

ชุยหังว่าต่อ “เตรียมอะไร ฉันไม่ได้คิดถึงเลยด้วยซ้ำว่านายจะบ้าคลั่งขนาดนี้”

 

 

“บ้าคลั่ง? ถ้า นายพูดอีก นายเชื่อไหมเดี๋ยวตอนที่ฉันส่งนายกลับไป ฉันจะทำนายบนรถอีกรอบ” หลูจื้อเอ่ยข่มขู่

 

 

ชุยหังรีบปิดปากสนิททันที คำพูดแบบนั้นให้ตัวเองคลานกลับไปง่ายจริงๆ

 

 

หลูจื้อสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยเเล้ว เขาก็ออกไปเลย

 

 

หลังจากหลูจื้อออกไป ชุยหังก็เปิดมือถือดูว่าตัวเองมีข้อความอะไรในวีแชทที่ยังไม่ได้อ่านหรือเปล่า

 

 

ผลปรากฏว่า กลุ่มวีแชทห้อง 426 ของพวกเขาพูดคุยกันดุเดือดมาก ทุกคนกำลังถกกันเรื่องที่ทำไมวันนี้ชุยหังไม่ปรากฏตัว เป็นเพราะเรื่องเต้นรำหรือเปล่า อารมณ์ ไม่ดี เลยออกไปเดินเล่นแล้ว

 

 

ชุยหังครุ่นคิด ก่อนจะตอบกลับไป [ฉันอยู่ข้างนอก เดี๋ยวจะกลับไปแล้ว]

 

 

เขาเพิ่งจะโผล่หัวออกมา คนในห้องพัก ก็ออกตัวในทันใด

 

 

[เหลาอู่ นายไปไหนมา]

 

 

[นายคงจะไม่แบบคิดไม่ตกแล้วจะไปกระโดดแม่น้ำฉางเจียงหรอกใช่ไหม]

 

 

[เหลาอู่ ถ้านายยังไม่กลับมาอีก พวกวางแผนจะไปแจ้งความแล้ว]

 

 

[นายออกไปตั้งแต่เช้า นี่มันกี่โมงกี่ยามกันแล้ว]

 

 

[กินข้าวหรือยัง]

 

 

ห้าคนนายเอยฉันคุยกันอยู่ในนั้น ชุยหังรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นได้มากทีเดียว

 

 

[ไม่มีอะไร สักพักจะออกไปกินข้าวแล้วก็จะกลับไปเลย ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว] ชุยหังตอบกลับไป.

 

 

[โอเค นายกลับมาก็ระวังตัวด้วย] สุดท้ายเหล่าต้าสรุปปิดท้าย

 

 

[รับทราบ พวกนายอยากกินอะไรไหม ตอนกลับไป ฉันจะเอาไปให้] ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

ในกลุ่มไม่มีความเคลื่อนไหวอยู่พักใหญ่ๆ สุดท้ายถังเฉิงต่ออีกประโยค [ไม่ต้องหรอก นายรีบกลับมาก็โอเคแล้ว ออกไปชานเมืองมาทั้งวันแล้ว]

 

 

ชุยหังจ้องมองหน้าจอมือถือพลางยิ้มหัวเราะ ไม่ได้พูดอะไรสักอย่าง

 

 

มีเพื่อนร่วมห้องแบบนี้ช่างโชคดีเสียจริง

 

 

ขณะที่เขากำลังอมยิ้มอยู่นั้น จู่ๆ หลูจื้อก็โทรมาหาเขา

 

 

ชุยหังรับสาย ยังไม่ทันได้รอเขาพูด หลูจื้อก็เอ่ขึ้นทันที “ใส่เสื้อผ้า มีคนมาหานายแล้ว”

 

 

 

 

——

 

 

[1] สวมหมวกเขียว เปรียบเปรย การถูกคนรักสวมเขา