ตอนที่ 180 บังเอิญพบกัน / ตอนที่ 181 ความสุขอยู่ทางซ้าย

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

ตอนที่ 180 บังเอิญพบกัน

 

 

ชุยหังชะงักงันทันที ในสถานที่นี้ยังมีใครที่ไนรู้จักตัวเองได้ เข้ามาหาตัวเองได้

 

 

คิดอย่างถี่ถ้วนไปรอบหนึ่งถึงคนที่ได้พบเจอ เขามีไม่มีกี่ตัวเลือก

 

 

ควรจะเป็นพวกครูฝึกเวินเผิงที่ตอนนั้นเรียกตัวเองว่าพี่สะใภ้

 

 

หรือว่าจะเป็นคนที่ตอนนี้ตัวเองไม่ค่อยกล้าจะเผชิญหน้าเท่าไหร่… ‘ซ่งไข่’

 

 

ถ้าเป็นคนอื่น เขากลับไม่อะไรด้วย ถึงยังไงตอนนั้นพวกเขาก็แซวเรียกตัวเองว่าพี่สะใภ้แล้ว

 

 

แต่ถ้าเป็นซ่งไข่ เขาก็วางตัวไม่ถูกมากๆ แล้ว

 

 

ตัวเองยังเคยพูดกับเขา ตัวเองเพิ่งจะกลับมาโสด ไม่อยากจะรีบหาคนใหม่ขนาดนั้น

 

 

แต่เวลานั้นซ่งไข่ก็รู้ว่าที่จริงตัวเองมีคนอยู่ในใจอยู่แล้ว เพียงแค่ตัวเองไม่อยากยอมรับก็เท่านั้น

 

 

ตอนนี้ตัวเองคบกับหลูจื้อแล้ว ถ้าซ่งไข่มาเห็นตัวเอง ภาพแบบนั้นคงจะอึดอัดใจกันมากน่าดู

 

 

ถึงแม้ว่าในยามปกติซ่งไข่จะโทรเขาเป็นบางครั้งบางครา แต่ว่าตัวเองก็ไม่เคยเป็นฝ่ายโทรหาซ่งไข่มาก่อน

 

 

‘อาจจะได้ไม่ระแวงกันมั้ง’ ในเมื่อปฏิเสธคนเขาไปแล้ว ก็ไม่ต้องปรากฏตัวต่อหน้าคนเขาอยู่ตลอด จะได้ไม่ทำให้คนเขาเข้าใจผิดอะไร

 

 

เขาไม่ใช่คนที่อยากจะพิสูจน์ว่าตัวเองมีเสน่ห์มากอะไรแบบนั้น ถึงแม้ว่าแบบนั้นไม่พอจะคบกันได้ แล้วก็ไม่หวังให้คนที่ตัวเองชอบไปคบกับคนอื่น ก็คือต้องการใช้กำลังอยากจะได้มา ใช้คำพูดคลุมเครือให้ความหวังอีกฝ่าย แต่กลับไม่สามารถทำตามสัญญาได้

 

 

ชุยหังรู้สึกว่านิสัยแบบนั้นดูจะต่ำช้าทีเดียว

 

 

เขารีบลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้า แต่ว่าความเจ็บปวดอยู่ด้านหลังทำให้เขาต้องสูดหายใจเข้าผ่อนลมให้สงบลง

 

 

เดิมทีหลูจื้อคนนี้ก็ใหญ่โตกว่าคนอื่นอยู่แล้ว ยังต้องการสามครั้งติดต่อกัน ไม่คิดให้ตัวเองมีชีวิตแล้วจริงๆ

 

 

คิดว่าอีกครู่เดียวอาจจะเป็นซ่งไข่ที่เข้ามา เขาก็รีบเร่งแต่งตัวอย่างรวดเร็ว

 

 

หลังจากนั้นเขาก็ก้มมองดูพื้น มีอะไรตรงไหนผิดปกติหรือเปล่า

 

 

ยังดีที่เมื่อครู่นี้พวกเขาไม่ได้สร้างขยะไว้เยอะเกินไป นอกจากกล่องข้าวที่ตัวเองทิ้งไปตอนกินข้าวเที่ยง

 

 

เก็บกวาดทุกอย่างเรียบร้อย เขานั่งตัวตรงอยู่บนเตียง แสร้งทำเป็นสงบนิ่ง

 

 

หลูจื้อมาถึงแล้ว ในมือหิ้วกล่องข้าว คนที่ตามเขามาข้างหลังเป็นซ่งไข่อย่างที่คิดจริงๆ

 

 

“ครูฝึกซ่ง สวัสดีครับ” ชุยหางรีบลุกขึ้นยืนทันที

 

 

แต่ว่าเขาเพิ่งจะลุกขึ้นยืน ก็รู้สึกปวดร้าวจากด้านหลังขึ้นมา ความเจ็บปวดแบบที่เอามือไปนวดคลึงให้ทุเลาลงไม่ได้

 

 

ทั้งหมดนี้หลูจื้อเป็นคนทำทั้งนั้น ครั้งแรกก็ดุเด็ดเผ็ดมันขนาดนี้ ยังมีของหล่อลื่นอะไรพวกนั้นอีก

 

 

เขาซูฮกตัวเองแล้ว ว่าฝืนทนมาได้อย่างไร

 

 

ซ่งไข่เอ่ยขึ้น “เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่”

 

 

“เข้ามาตั้งแต่ตอนเช้าแล้วครับ ครูฝึกซ่ง วันนี้คุณไม่มีงานยุ่งเหรอครับ” ชุยหังเอ่ยถามอย่างมีมารยาท

 

 

ซ่งไข่พินิจมองดูไปรอบๆ ห้อง ก่อนจะเอ่ยต่อ “โอเค รีบกินข้าวเถอะ เมื่อกี้ฉันเจอหลูจื้อซื้อของข้างนอกพอดี ถามเขาก็เลยรู้ว่านายมา จากนั้นก็เลยตามเขาเข้ามาดูนายสักหน่อย”

 

 

“อ่อ ขอบคุณครับครูฝึกซ่ง” ชุยหังเอ่ยรับ

 

 

“ไม่เป็นไร รีบกินข้าวเถอะ” ซ่งไข่บอกไป

 

 

หลูจื้อหยิบอาหารขึ้นมาแล้ววางบนโต๊ะ

 

 

ชุยหังเดินเข้าไปดู ทั้งหมดเป็นพวกเมนูผัก แถมยังไม่มีพริกอีกด้วย

 

 

ดูท่าว่าเขาจำคำพูดของตัวเองเมื่อครู่นี้แล้ว

 

 

เวลานี้ถ้าให้เขากินเผ็ด จะเป็นการทำร้ายเขาจริงๆ แล้ว

 

 

เขาค่อยๆ นั่งลงอย่างช้าๆ พอด้านหลังสัมผัสกับม้านั่งก็ยังคงไม่สบายมากๆ อยู่ดี

 

 

หลูจื้อเห็นท่าทางของเขาก็อดจะลอบยิ้มไม่ได้

 

 

ชุยหังคิดเวลานี้นายเป็นตัวการสำคัญแท้ๆ ยังมีหน้ามาหัวเราะอีก

 

 

สีหน้าซ่งไข่ดูแปลกๆ ไปเล็กน้อย เขาต้องมีประสบการณ์อยู่แล้ว รู้ว่าทำไมตอนชุยหังนั่งถึงเป็นแบบนั้น

 

 

“หลูจื้อ ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องของพวกนาย ฉันไม่ควรยุ่ง แต่ว่าในเมื่อทำไปแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบ”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 181 ความสุขอยู่ทางซ้าย

 

 

ชุยหังตะลึง ซ่งไข่ไม่ควรพูดประโยคนี้ขึ้นมาหรือเปล่า

 

 

‘ยิ่งไปกว่านั้นยังอยู่ตรงหน้าหลูจื้ออีก’

 

 

‘แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมองรูปลักษณ์ของหลูจื้อก็ไม่ควรที่จะรังเกียจเลย’

 

 

‘พวกเขาเคยพูดถึงปัญหาของตัวเองแล้วใช่ไหม’

 

 

‘ไม่เช่นนั้น พวกเขาคงไม่ปรากฏตัวอยู่ที่นี่ด้วยกันหรอก’

 

 

หลูจื้อเอ่ยบอก “ผมจะรับผิดชอบเรื่องนี้แน่นอน”

 

 

“ไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนสองคนจะได้อยู่ด้วยกัน ดูแลทะนุถนอมกันให้ดี แล้วชุยหังยังต้องกลับไปไหม” ซ่งไข่เอ่ยถาม

 

 

หลูจื้อเอ่ยตอบ “อืม กินข้าวเสร็จก็กลับแล้ว คนในห้องพักยังห่วงอยู่”

 

 

“โอ้ นายกินเลย ไม่ต้องสนใจฉัน ฉันแค่แวะมาดู” ซ่งไข่เอ่ยบอก

 

 

ชุยหังรู้สึกว่าเมื่ออยู่ที่นี่เขาต้องระมัดระวังบ้าง

 

 

โดยเฉพาะนั่งข้างหลังตรงนั้นรู้สึกไม่ค่อยสบาย

 

 

เขาเหลือบไปมองที่หลูจื้อพร้อมกับบ่นเล็กน้อย แต่หลูจื้อยังคงยิ้ม

 

 

“วางใจเถอะ ไม่มีพริก” หลูจื้อเอ่ยบอก

 

 

ชุยหังอยากจะไปปิดปากซ่งไข่เสียจริง แต่ไม่มีทางที่จะพุ่งไปตรงหน้าซ่งไข่ได้เลย หมดหนทางแล้วจริงๆ

 

 

‘กองทัพต้องเดินด้วยท้อง กินข้าวก่อนแล้วค่อยว่ากัน’

 

 

แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้มูมมาม เพราะว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย จำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์บ้าง

 

 

“ตอนกินข้าวเที่ยงเหมือนคนหิวโซ ตอนนี้ทำไมเหมือนลูกแมวล่ะ” หลูจื้อเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังชื่นชมความคิดของหลูจื้อจริงๆ อยู่ต่อหน้าคนอื่นไม่ต้องเปิดเผยตัวตนก็ได้ไหม

 

 

ซ่งไข่รู้สึกประหม่าเล็กน้อย แล้วพูดขึ้น “อาจจะรักษาภาพลักษณ์ไง”

 

 

“แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ใช่คนมีภาพลักษณ์อะไร จะรักษาทำไมภาพลักษณ์” หลูเอ่ยบอก

 

 

‘ได้เลยหลูจื้อ นายชนะอีกแล้ว’

 

 

ชุยหังคิดในใจ แต่ไม่ได้พูดอะไร

 

 

‘เรื่องกินก็สำคัญ พวกนายคุยเรื่องของพวกนายไปเถอะ ฉันจะทำเป็นไม่ได้ยิน’

 

 

ชุยหังรู้สึกอิ่มมากหลังจากกินอาหารเสร็จ

 

 

จากนั้นหลู่จื้อเอ่ยบอก “ไปกันเถอะ ฉันไปส่งนาย”

 

 

“อืม ได้” ชุยหังเอ่ยตอบ

 

 

‘หลูจื้อนี่ นายจะรีบไปส่งฉันทำไมกัน’

 

 

‘ถึงฉันบอกว่ากินเสร็จแล้วจะกลับ แต่ไม่ใช่แบบนี้ รีบเกินไปไหม’

 

 

‘เขาจะมาไม้ไหนอีก ไม่เข้าใจความคิดเขาเลยจริงๆ’

 

 

ซ่งไข่ยิ้มแล้วพูดขึ้น “ไม่เป็นไร ครั้งหน้าพวกนายยังมีโอกาสเจอกันอีก”

 

 

ชุยหังอารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย แบบนี้ดูเหมือนคนพูดหน่อย

 

 

ชุยหังที่นั่งอยู่บนรถ กำลังมองออกไปด้านนอก ถึงจะเป็นช่วงเย็น แต่ที่นี่ฟ้ามืดตอนค่ำ ดังนั้นยังมองเห็นอะไรได้ชัดเจน

 

 

“เมื่อกี้จู่ๆ ก็เกิดเรื่องขึ้น แล้วเจอกับผู้กองซ่งเขามาช่วยฉัน ฉันถึงมีเวลาไปส่งนาย” หลูจื้อเอ่ยบอก

 

 

“อ้อ งั้นนายต้องกลับไปขอบคุณเขาแล้ว” ชุยหังเอ่ยตอบ

 

 

หลูจื้อเอ่ยตอบ “ฉันขอบคุณไปแล้ว ฉันดูไม่ใช่คนแบบนั้นเหรอ”

 

 

ชุยหังไม่ลังเลที่จะตอบกลับ “อันนี้ก็ไม่รู้สิ”

 

 

หลูจื้อเหยียบเบรกแล้วดับรถ จากจากนั้นก็มองมาที่เขา

 

 

“มีอะไร” ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

หลูจื้อเอ่ยตอบ “นายเห็นป่าทั้งสองข้างทางไหม”

 

 

“เห็นสิ แล้วยังไงต่อ” ชุยหังไม่เข้าใจความหมายของหลูจื้อ

 

 

หลูจื้อโน้มนัวไปข้างหน้าเอ่ยถาม “นายพูดอีกทีสิ ฉันจะจับนายกดที่นี่เลย เชื่อไหม”

 

 

ชุยหังรู้สึกประหม่าอยู่พักหนึ่ง ตอนนี้ยังเจ็บข้างหลังอยู่เลย เขายังจะกล้าคิดอีก

 

 

เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดปากอย่ารวดเร็ว เพื่อบอกว่าจะไม่พูดไร้สาระอีก

 

 

หลูจื้อสตาร์ทรถใหม่ จากนั้นทั้งสองคนก็ขับรถไปบนท้องถนนอย่างราบรื่น

 

 

เพราะระยะทางไม่ใกล้เลย ชุยหังจึงอยากนอนหลับ

 

 

เขาเอนตัวนอนลงบนเบาะ มือทั้งข้างวางอยู่ด้านข้างอย่างเป็นธรรมชาติ

 

 

แต่จู่ๆ มือซ้ายของเขาก็ถูกฝ่ามืออุ่นกุมไว้

 

 

เขาจึงตื่นขึ้นมา แล้วเห็นว่าหลูจื้อขับรถไปด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งกุมมือเขาไปด้วย

 

 

ดวงอาทิตย์เคลื่อนตัวไปยังทิศตะวันตก แสงแดดไม่แรงอีกต่อไป ภายใต้แสงแดดที่แสนอบอุ่นนี้ ใบหน้าของหลูจื้อเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่พึงพอใจ

 

 

ภาพตรงหน้านี้ทำให้ชุยหังใจลอย

 

 

ที่แท้ความสุขของเขาก็อยู่ใกล้ตัวเขาเหลือเกิน