ตอนที่ 182 เวินเผิง / ตอนที่ 183 ไม่มีใครไปเลย

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

ตอนที่ 182 เวินเผิง

 

 

ชุยหังไม่เคยชอบการนั่งรถ เขาคิดว่าการเดินทางครั้งนี้นานเกินไป แต่ตอนนี้เขาหวังว่าถนนเส้นนี้จะยาวขึ้นกว่านี้

 

 

อย่างไรก็ตามช่วงเวลาดีๆ มักผ่านไปเร็วเสมอ

 

 

รถมาถึงหน้าประตูมหาวิทยาลัยโพลีเทคนิค หลูจื้อมองไปทางชุยหังพร้อมเอ่ยบอก “ถึงแล้ว นายควรกลับได้แล้ว”

 

 

“อืม นายก็กลับไปรายงานตัวได้แล้ว ตอนกลับก็ขับรถดีๆ ล่ะ” ชุยหังเอ่ยตอบ

 

 

หลูจื้อยิ้มอยู่ใต้แสงอาทิตย์ ฟันขาวสะอาดนั้นช่างดูดีเหลือเกิน

 

 

จากนั้นเขาก็โน้นตัวไปจูบชุยหัง และพูดว่า “นายไปเถอะ ฉันจะรอดูนายเข้าไปก่อน”

 

 

“อือ ถ้างั้นฉันไปแล้ว” พูดจบ จะลงรถไป

 

 

“เดี๋ยวก่อน” หลูจื้อเหมือนคิดอะไรออก จึงเรียกเขาไว้

 

 

จากนั้นเขาเดินผ่านเบาะนั่งไป แล้วเดินไปหยิบถุงจากเบาะด้านหลังขั้นมา ในถุงมีอาหารว่างอยู่มากมาย

 

 

“นายเอาไปกินด้วย” หลูจื้อเอ่ยบอก

 

 

ชุยหังเส้นดำขึ้นหน้าแล้ว เขาไม่ใช่ผู้หญิงนะ ถึงใช้สิ่งนี้…

 

 

‘ในเมื่อเขาซื้อมาแล้ว ถือเป็นน้ำใจของเขา ก็รับไว้เถอะ’

 

 

“กลับไปเถอะ ฉันถึงกองทัพแล้วจะบอกนาย” หลูจื้อพูดขึ้นอีกครั้ง

 

 

ชุยหังพยักหน้าและลงจากรถไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจ ถึงแม้ท่าเดินเขาจะแปลกไปหน่อย แต่ก็ค่อยๆ เดินไปที่ประตู

 

 

หลูจื้อมองชุยหังเดินไปที่ประตู แล้วหันกลับมาโบกมือให้เขา จากนั้นจึงค่อยๆ ขับรถกลับไป

 

 

ระหว่างที่เดินผ่านระเบียงไม้เลื้อยยาวของโรงเรียน มีชายหญิงคู่หนึ่งได้ดึงดูดสายตาของชุยหัง

 

 

เพราะว่าผู้ชายคนนั้นสวมชุดทหารเหมือนกับของหลูจื้อ แต่ยศของเขาต่างกัน

 

 

ชุยหังพยายามหลีกเลี่ยง แต่เหมือนจะไม่เนียน

 

 

ผู้หญิงนั่งบนตักของผู้ชาย ผู้ชายคนนี้ดูเงอะงะเล็กน้อย ไม่รู้ว่าจะเอามือทั้งสองข้างวางไว้ตรงไหน แต่ลำตัวช่วงบนนั้นตั้งตรงมาก

 

 

บอกตามตรงเป็นภาพที่ดูตลกเสียจริง

 

 

เมื่อเห็นชุยหังเดินมา ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่กลับกินขนมในมือต่อ

 

 

ความจริงชุยหังอยากจะเดินผ่านไปเลย แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับพูดกับชุยหัง

 

 

“เพลงรักทะเลตะวันตก?”

 

 

ชุยหังตะลึง ผู้หญิงคนนั้นน่าจะเป็นคนในคณะเขา ไม่อย่างนั้นจะรู้เรื่องที่เขาเคยร้องเพลงรักทะเลตะวันตกได้ยังไง

 

 

เขาหันไปมอง ผู้หญิงคนนั้นเป็นเด็กสาขาธุรกิจการเดินเรือ ถึงจะดูคุ้นเคย แต่นึกชื่อไม่ออก

 

 

“หวัดดี” ชุยหังตอบอย่างมีมารยาท

 

 

ทหารคนนั้นที่ถูกผู้หญิงนั่งทับไว้ โผล่หน้าออกมาแล้วยิ้มให้กับชุยหัง

 

 

“พี่สะใภ้…”

 

 

ชุยหังรู้สึกอายกับคำเรียกนี้อีกแล้ว อยากให้เขารีบหุบปากเสียจริง

 

 

คนนั้นก็คือเวินเผิง คนที่วันนั้นดื่มเยอะ แล้วมาคว้ามือเขาแล้วพูดเรื่องแปลกๆ กับตัวเอง

 

 

“สวัสดีครับครูฝึกเวิน” ชุยหังเอ่ยตอบด้วยความประหม่า

 

 

เวินเผิงลุกขึ้นยืน เกือบทำให้ผู้หญิงที่นั่งบนตักเขาตกลงไป

 

 

“เธอไม่เป็นไรนะ?” เวินเผิงเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังอดไม่ได้ที่จะยิ้มกับท่าทางตลกๆ ของเขาทั้งสองคน

 

 

แต่ความเจ็บปวดฉับพลันจากด้านหลัง ทำให้รอยยิ้มของเขาหยุดลงอย่างรวดเร็ว

 

 

“ทำไมนายเรียกเขาว่าพี่สะใภ้ล่ะ” ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยถาม

 

 

เวินเผิงเอ่ยตอบ “เธอไม่เข้าใจอะไร ไม่ต้องมาถาม”

 

 

แน่นอนว่าคำตอบนี้ยังคงเหมือนเมื่อก่อน

 

 

“บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่า ครั้งหน้าอย่าเรียกผมว่าครูฝึกเงิน” เวินเผิงบอกกับชุยหัง

 

 

“อ้อ โอเค งั้น วันนี้คุณพักเหรอ”

 

 

‘ทำไมเขาได้พัก แต่หลูจื้อกลับมีเรื่องต้องทำเยอะไปหมดล่ะ”

 

 

เวินเผิงเอ่ยตอบ “เดิมทีวันนี้ไม่ได้ลาพักหรอก แต่ผู้หมวดหลูไม่สิ ตอนนี้เป็นผู้กองหลูแล้ว เซ็นวันลาให้ผมน่ะ”

 

 

‘หลูจื้อ?’

 

 

“แล้วงานของคุณใครเป็นคนทำ” ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

“เรื่องนั้นไม่ได้เกี่ยวกับการดูแลของผมหรอก เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ บางทีผู้กองหลูก็ไปดูด้วยตัวเอง”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 183 ไม่มีใครไปเลย

 

 

ชุยหังเข้าใจในทันทีว่าทำไมวันนี้หลูจื้อถึงยุ่งมากมายขนาดนี้ เขาให้วันหยุดกับเวินเผิง แต่กลับไม่ให้ทหารคนอื่นไปทำสิ่งที่เวินเผิงต้องทำ แต่กลับไปทำด้วยตัวเอง

 

 

‘ผู้นำแบบนี้หาไม่ง่ายเลย’

 

 

เขากลับไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับเรื่องทางนี้เลย ความจริงแล้วเขาคงไม่อยากเอาหน้า

 

 

มองท่าทางของเวินเผิง ควรจะชินกับท่าทางแบบนั้น

 

 

ชุยหังไม่รู้ว่าจะพูดอะไรแล้ว ที่จริงหลูจื้อเป็นคนค่อนข้างใจดี แม้ว่าภายนอกจะดูมีกฎมากมาย แต่เขากลับห่วงใยผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเอง เพราะเหตุนี้เขาจึงเป็นที่ต้อนรับ

 

 

“พี่สะใภ้จะไปไหนเหรอ” เวินเผิงเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังมองไปทางหญิงสาวที่อยู่ด้านข้าง เขาไม่อยากพูดอะไรต่อหน้าเธอ

 

 

‘เวินเผิงจะคบกับผู้หญิงคนนี้ได้นานแค่ไหนก็ไม่รู้’

 

 

‘เขาไม่ต้องการให้คนที่โรงเรียนรู้ความสัมพันธ์บองเขากับหลูจื้อ’

 

 

ถึงจะมีสาววาย แต่ก็ไม่ได้มีอยู่ทุกที่

 

 

ชุยหังเอ่ยตอบ “ออกไปเดินเล่นน่ะ พวกคุณคุยกันต่อเถอะ ผมกลับหอพักก่อน”

 

 

“โอเค ลาก่อนพี่สะใภ้” เวินเผิงเอ่ยบอก

 

 

ชุยหังไม่รู้เหมือนกันว่าเวินเผิงซื่อบื้อเหรือว่าสายตาสั้น

 

 

เมื่อเห็นเขาห้ามไม่ให้ผู้หญิงคนนั้นถามคำถามเขาแบบนั้น บางทีเขาอาจะไม่พูดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชุยหังกับหลูจื้อออกมาก็ได้

 

 

ตอนที่เขาอยู่กับหลูจื้อ ก็เหมือนว่าจะไม่เคยเปิดตัวให้คนนอกรับรู้

 

 

นอกจากซ่งไข่ เหมือนว่าจะไม่มีใครรู้อีก

 

 

เมื่อกลับถึงหอพักทุกคนอยู่ที่นั่น แต่ทางเดินกลับเงียบมาก

 

 

“วันนี้มีอะไรหยุดเหรอ” ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

พวกเขาเห็นชุยหังกลับมาจึงเอ่ยถาม “เหลาอู่ นายไปไหนมากันแน่ พวกเรายังคิดเลยว่านายไปดูการแข่งขันที่วิทยาเขตหลัก”

 

 

“ไม่ใช่ ฉันไปที่อื่น พวกเขายังไม่กลับมาเหรอ” ชุยหังเอ่ยถาม

 

 

ถังเฉิงเอ่ยตอบ “ยังอ่ะ ใครจะไปรู้ว่าจะกลับมาตอนไหน ดีแล้วที่พวกเราไม่ได้ไป ไม่อย่างนั้นก็เสียเวลาไปทั้งวัน”

 

 

ชุยหังเอ่ยบอก “นี่เป็นครั้งแรกที่คณะเราได้เข้ารอบชิงชนะเลิศ เสียเวลาหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก นายเป็นหมาโสดตัวหนึ่งจะกลัวอะไรล่ะ”

 

 

ถังเฉิงเอ่ยตอบ “เหลาอู่ ฟังนายพูดแบบนี้ นายไม่ใช่หมาโสดเหรอ”

 

 

“ใช่ไม่ใช่ เกี่ยวอะไรกับนายล่ะ”

 

 

“รีบกลับจากสอบปฏิบัติ นายไปไหนกันแน่ ไม่ใช่ว่าไปออกเดทกับผู้หญิงคนไหนนะ” ถังเฉิงเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังอธิบาย “ไม่ใช่จริงๆ ก็แค่ออกไปเที่ยวเตร่ข้างนอกทั้งวัน ไม่ใช่ว่าพวกนายอยู่แต่ในหอกันหมดนะ”

 

 

“ใช่ ไม่งั้นจะให้ไปที่ไหน” ถังเฉิงเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังเอ่ยถาม “แล้วโจวเฉวียนไม่ได้มาชวนพวกนายไปดูแข่งบาสเกตบอลเหรอ”

 

 

“มานะ แต่พวกเราไม่ชอบขยับตัว” วังเฉียงตอบอย่างเป็นธรรมชาติ

 

 

ชุยหังพูดไม่ออกเท่าไหร่ ก่อนจะเอ่ย “พวกนายทำไมไม่รู้จักทำกิจกรรมกับคนอื่นบ้าง เดี๋ยวคนอื่นจะรู้สึกไม่ดีกับพวกเรา 426 นะ”

 

 

“ไม่ดีก็ไม่ดีสิ ไม่ไปดูแข่งบาสแล้วทำไมล่ะ” วังเฉียงเอ่ยตอบ

 

 

ชุยหังเอ่ยบอก “จุดสำคัญคือไม่ใช่เป็นการให้เกียรติส่วนรวมเหรอ ฉันมีธุระ พวกเขาก็รู้ แต่พวกนายอยู่หอพักไม่ได้ทำอะไรเลย ให้พวกนายไปก็ไม่ไป พูดแต่ว่าไม่ไป ถ้างั้นห้องเราก็ส่งตัวแทนไปคนนึงก็ได้นี่”

 

 

“ไม่ชอบขยับตัวไง ช่างมันเถอะนะ” จ้าวหลินก็เอ่ยบอก

 

 

ชุยหังไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว ถึงตอนนี้จะเกลี้ยกล่อมพวกเขาไป แต่การแข่งขันก็จบไปแล้ว

 

 

‘เวลาไม่สามารถย้อนกลับไปได้ ครั้งหน้าค่อยคุยกันใหม่’

 

 

เขาปีนขึ้นไปบนที่นอน จากนั้นก็นอนหงาย

 

 

ข้างหลังยังรู้สึกไม่ค่อยสบาย แต่อยู่ต่อหน้าคนมากมายเขาก็อายที่จะถอดกางเกง

 

 

ในที่สุดหลูจื้อก็ส่งข้อความมา [ฉันถึงแล้ว นายถึงหรือยัง]

 

 

[ฉันต้องถึงแล้วสิ เมื่อกี้เจอเวินเผิงด้วย นายบอกเขาด้วยว่าอย่าพูดเพ้อเจ้ออีก] ชุยหังตอบกลับ

 

 

[ไม่เป็นไร เขารู้ข้อสำคัญนี้] หลูจื้อดูเหมือนไม่กังวลเลย

 

 

[อืม ถ้างั้นก็ดี]

 

 

หลูจื้อยังส่งข้อความกลับมาอีก [ยังเจ็บข้างหลังอยู่ไหม]