บทที่ 244 ฮูหยินใหญ่ต้องการให้เลิกรา

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 244 ฮูหยินใหญ่ต้องการให้เลิกรา
พ่อบ้านไม่มีความสามารถในการต่อสู้ ครู่เดียวก็ถูกจู่โจมจนหน้าบวมไปครึ่งซีก

ตงเอ๋อร์ไม่รู้ว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้นกับอวิ๋นหลัวฉวน นางร้องเรียก “จวิ้นจู่ เขาสั่งให้คนมาทำร้ายข้า พวกนั้นคิดจะทรมานเพื่อบีบให้ข้ายอมรับผิด คิดจะตีข้าให้ตาย”

อวิ๋นหลัวฉวนได้ยินก็นึกโกรธทันที นางมีทักษะทางการต่อสู้ดีอยู่แล้ว เมื่อโมโหขึ้นมาจึงทุบตีจนพ่อบ้านอาวุโสลงไปฟุบและกรีดร้องอยู่บนพื้น

คนรับใช้ในลานคิดจะลงไม้ลงมือ แต่เมื่ออ๋องตวนหันไปมองจึงไม่มีใครกล้าขยับ

หลังจากจัดการสั่งสอนเรียบร้อย อวิ๋นหลัวฉวนจึงยืนขึ้น ร่างกายของนางซวนเซเล็กน้อยทว่านางจับกระบองและเอนตัวพิงมันไว้

อ๋องตวนเดินไปหานาง โดยไม่รอให้ใครพูดอะไร จวินฉูฉู่ก็รีบปราดเข้าไปหาทันที

“ท่านอ๋อง!”

อ๋องตวนหันกลับไปมอง จวินฉูฉู่รีบเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “ท่านอ๋อง”

อ๋องตวนไม่พูดอะไรและหันไปมองอวิ๋นหลัวฉวน

ไม้กระบองในมือของอวิ๋นหลัวฉวนมีเสียงหักดังเป๊าะ นางจึงโยนมันทิ้งไป

ตงเอ๋อร์ร้องไห้อย่างตกใจเมื่ออวิ๋นหลัวฉวนเป็นลมหมดสติตอนที่เดินออกมาถึงประตูจวน

ฉีเฟยอวิ๋นเดินผ่านมาและไม่เดินไปต่อเพราะเห็นความชุลมุนในจวนอ๋องตวน

ฉีเฟยอวิ๋นตกใจเล็กน้อยที่อวิ๋นหลัวฉวนเป็นลม นางรีบเดินไปดูอวิ๋นหลัวฉวนที่หมดสติไปแล้ว ในขณะที่ตงเอ๋อร์ตกใจจนพูดไม่เป็นศัพท์

“อาอวี่…”

ฉีเฟยอวิ๋นกำลังจะให้อาอวี่อุ้มอวิ๋นหลัวฉวนขึ้นมา แต่อ๋องตวนออกมาถึงพอดี

“ไปให้พ้น” อ๋องตวนมีสีหน้าบึ้งตึง เขาโน้มตัวลงมาอุ้มอวิ๋นหลัวฉวนกลับไป ตงเอ๋อร์ยกมือขึ้นหวังจะทุบตีและเกือบจะโดนอ๋องตวนเข้าจริงๆ

ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นมองด้วยความงุนงงเล็กน้อย

อ๋องตวนคำรามลั่น “ไม่เจียมตัว!”

“ทั้งหมดเป็นเพราะพวกท่าน ทุกๆ วันพวกท่านไม่เคยให้จวิ้นจู่ได้กินข้าว ให้พวกเรากินแต่น้ำข้าวต้มจนจวิ้นจู่ไร้เรี่ยวแรง ถ้าท่านพาจวิ้นจู่ไป ข้าจะสู้กับท่านจนสุดชีวิต ท่านคืนจวิ้นจู่ให้ข้าเสียดีๆ ไม่เช่นนั้นข้าจะนำเรื่องนี้กลับไปบอกฮูหยินใหญ่ที่จวนกั๋วกงว่าทุกคนที่จวนอ๋องตวนรังแกเราสองนายบ่าว ไม่ยอมให้เรากินข้าว ทั้งยังกล่าวหาว่าเราแอบขโมยเงินไปหกหมื่นตำลึง

หกหมื่นตำลึง!

เราจะแอบซ่อนเอาไว้ได้อย่างไร”

ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับไปมองอาอวี่ อาอวี่ยิ้มเยาะ “ที่แท้ก็ทำเงินหาย!”

คนนอกไม่รู้ แต่มีเหตุผลหรือที่อาอวี่จะไม่รู้? เห็นได้ชัดว่าเงินประคองบัญชีไว้ไม่ได้ มันคือการยัดของกลางให้ร้ายผู้อื่น!

สีหน้าของอ๋องตวนดูแย่มาก เขาเหลือบมองอวิ๋นหลัวฉวนที่ตัวเบาหวิวในอ้อมแขน เขาจะละทิ้งความสง่าน่าเกรงขามได้อย่างไร “นายของเจ้าเป็นแบบนี้ เจ้ายังจะไปไหนอีก”

“ข้าจะกลับจวนกั๋วกง”

เมื่อตงเอ๋อร์เข้าไปหา อ๋องตวนก็อุ้มอวิ๋นหลัวฉวนหันไปอีกทาง “ข้าอุ้มเอง เจ้าเดินนำไป”

ตงเอ๋อร์ไม่ยอม ฉีเฟยอวิ๋นจึงเอ่ยว่า “ท่านอ๋องตวนกล่าวขนาดนี้แล้ว เจ้ายังไม่ยอมลดราวาศอกอีกรึ”

ตงเอ๋อร์เหลือบมองฉีเฟยอวิ๋น นางเชื่อใจสตรีผู้นี้

ตงเอ๋อร์หลีกทางและจ้องมองอ๋องตวนเขม็ง อ๋องตวนอุ้มอวิ๋นหลัวฉวนตรงไปยังจวนกั๋วกงโดยมีฉีเฟยอวิ๋นตามไป

จวนกั๋วกงอยู่ถัดจากจวนอ๋องตวนไปทางด้านหลังซึ่งต้องเดินไปไม่ไกลนัก พวกเขาเดินไปทางด้านหลังเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ใครพบเห็น

ประตูใหญ่ของจวนกั๋วกงเปิดกว้าง เมื่อคนใช้เห็นอวิ๋นหลัวฉวนถูกอุ้มเข้ามาก็ตกใจและพากันปรี่เข้ามาหา

ในไม่ช้าก็มีคนมารายล้อมอยู่รอบๆ อ๋องตวน

ฮูหยินบางคนเห็นแล้วทำท่าราวกับว่ากำลังจะตาย ต่อให้ยามปกติจะเข้มแข็งแค่ไหน แต่เวลานี้ก็ทำตัวให้เข้มแข็งไม่ไหว ต่างคนต่างหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตาป้อย

เห็นแบบนี้แล้วยิ่งน่าเป็นห่วง

ตงเอ๋อร์เห็นแล้วก็ยิ่งรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเลย นางร้องไห้บรรยายถึงการกระทำอันชั่วร้ายต่างๆ จากในจวนอ๋องตวนไปด้วย

เหล่าฮูหยินได้ยินแล้วรู้สึกเดือดดาลขึ้นมาอย่างสุดจะทน ท้ายที่สุดแล้วน้ำตาจึงแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธเคือง สายตาที่มองอ๋องตวนเต็มไปด้วยความถมึงทึง บางคนถึงกับหยิบกระบี่ออกมา

ฉีเฟยอวิ๋นกลัวว่าจะเกิดเรื่องจึงไม่ได้เดินเข้าไปใกล้นัก อาอวี่เองก็คอยปกป้องฉีเฟยอวิ๋นก่อนที่จะมีอันตรายเกิดขึ้น

ผู้คนที่กำลังไม่พอใจเคลื่อนย้ายไปที่ห้องของอวิ๋นหลัวฉวนและทยอยกันเข้ามาโอบล้อมประตู

ห้องของอวิ๋นหลัวฉวนเป็นห้องที่โอ่อ่า มีทุกอย่างที่ควรมีและไม่มีอะไรที่ไม่ควรมี ไม่มีข้าวของอะไรที่เหมือนกับข้าวของของเด็กสาวให้เห็น

ที่สำคัญที่สุดคือห้องนี้มีพื้นที่กว้างขวาง บนผนังห้องมีภาพตัวอักษรแขวนไว้ประปราย มีภาพภูเขา แม่น้ำและเกลียวคลื่น อีกทั้งยังมีดาบแขวนอยู่เล่มหนึ่ง แม้ว่าจะดูไม่เข้ากันแต่กลับเข้ากันได้ดี

อวิ๋นหลัวฉวนนอนลง เมื่อฮูหยินกั๋วกงที่รีบเข้ามาหาเห็นอวิ๋นหลัวฉวนนอนไม่ได้สติ สีหน้าของท่านก็มืดมนลงทันที

“ท่านอ๋องตวน ข้ายกหลานให้อภิเษกกับท่าน ไม่ใช่เพื่อให้ท่านส่งนางกลับมาในสภาพเช่นนี้ ข้าต้องไปขอคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้” ฮูหยินใหญ่ประสานมือทั้งสองไว้ด้วยกันและเดินไปทางประตูวัง

อ๋องตวนกล่าวว่า “เรื่องนี้ข้าอธิบายให้ท่านฟังได้ ฮูหยินใหญ่อย่าได้โกรธไปเลย ความโกรธจะทำให้ท่านเสียสุขภาพ”

“เรื่องนี้ไม่ขอรบกวนท่านอ๋องตวน” ฮูหยินกั๋วกงเพิกเฉยต่อท่านอ๋องตวนและหันไปมองฉีเฟยอวิ๋น เวลานี้ฉีเฟยอวิ๋นกำลังง่วนอยู่กับการตรวจอาการให้อวิ๋นหลัวฉวนโดยไม่สนใจผู้อื่นเลยแม้แต่น้อย

“นางค่อนข้างอ่อนแอและไร้เรี่ยวแรง ร่างกายค่อนข้างซูบผอมอ่อนโรย ไปเตรียมซุปไก่มา เดี๋ยวอีกครู่หนึ่งนางน่าจะฟื้น”

ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นไปนั่ง ฮูหยินกั๋วกงหันไปมองตงเอ๋อร์ที่เอาแต่ร้องไห้ สภาพของนางดูยับเยินราวกับถูกคนทุบตีมาอย่างไรอย่างนั้น

ฮูหยินกั๋วกงทนดูเฉยๆ ไม่ได้ นางมองตงเอ๋อร์และถามว่า “บอกมาว่าเกิดอะไรขึ้น”

ตงเอ๋อร์คุกเข่าลงเสียงดังปัก “ฮูหยินใหญ่โปรดตัดสินด้วย”

ตงเอ๋อร์ร้องไห้และเล่าเรื่องความคับข้องใจต่างๆ ที่เกิดขึ้นในจวนอ๋องตวนให้ฮูหยินกั๋วกงฟัง

หลังจากฟังจบ ฮูหยินกั๋วกงจึงถามว่า “ข้าขอถามเจ้า เจ้าได้ขโมยเงินหกหมื่นตำลึงนั่นหรือไม่”

“ฮูหยินใหญ่เห็นชัดอยู่แล้ว ตงเอ๋อร์น่ะหรือจะขโมยเงิน ต่อให้ต้องอดตาย ตงเอ๋อร์ก็ไม่มีทางทำเช่นนั้นเด็ดขาด!”

ฮูหยินกั๋วกงมองสตรีคนอื่นๆ ผู้เป็นสมาชิกในตระกูลซึ่งอยู่ภายในห้องนี้ บางคนเพิ่งอายุแค่สิบขวบเท่านั้น

ฮูหยินกั๋วกงจับไม้เท้าหัวหงส์ไว้และเอ่ยว่า “ข้าบอกพวกเจ้าแล้วว่าต่อไปอย่าแต่งงานกับใครเพื่อไต่ขึ้นที่สูงอีก เมื่อปีนขึ้นไปสูง จุดจบก็ต้องเป็นเช่นนี้”

ทันใดนั้นทุกคนก็หันไปมองอ๋องตวนด้วยแววตาที่โกรธเกรี้ยวราวกับแทบทนไม่ไหวที่จะหั่นอ๋องตวนเป็นชิ้นๆ

ถ้าหญิงจากตระกูลอื่นแต่งงานกับอ๋องตวนจริงๆ คงจะเรียกว่าพวกนางไต่ขึ้นที่สูงได้ เพราะถึงอย่างไรอ๋องตวนก็เป็นถึงองค์ชาย

แต่ที่จวนกั๋วกงของพวกนางไม่ใช่เช่นนั้น ฐานะของพวกนางไม่ได้ด้อยไปกว่าองค์ชายเลย มีใครบ้างที่กล้าดูถูกสตรีจากจวนกั๋วกง?

ฉีเฟยอวิ๋นรู้เหมือนอ๋องตวนกำลังถูกประหารหรืออะไรทำนองนั้น แม้ว่าเขาจะโปรดปรานจวินฉูฉู่ แต่เขาก็ไม่เอาแต่ให้ท้ายจนมองข้ามความยุติธรรม

อ๋องตวนนั่งลง “ข้าไม่ค่อยแน่ใจเรื่องนี้นัก แต่ที่ฮูหยินใหญ่กล่าวมาก็ถูก”

ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองอ๋องตวน เหตุใดเขาจึงทำตัวดีเช่นนี้? กลัวงั้นเหรอ!

ฮูหยินกั๋วกงลุกขึ้น “มานี่ ดูแลฉวนเอ๋อร์ให้ดี ข้าจะไปขอรับพระราชโองการในวัง ให้ฉวนเอ๋อร์กับอ๋องตวนแยกทางกัน”

อ๋องตวนรีบลุกขึ้นทันที “ฮูหยินใหญ่ ข้าผิดไปแล้ว ฮูหยินใหญ่ได้โปรดให้โอกาสข้าได้แก้ตัว ยิ่งไปกว่านั้นการหย่าร้างจะทำให้มีผลกระทบต่อพระชายารอง”

“มีผลหรือไม่มีผลกระทบต่อบุตรสาวตระกูลอวิ๋นของข้า นางก็แต่งงานออกเรือนได้ ถ้าแต่งไม่ได้ก็อยู่ในเรือนแห่งนี้ได้ ไม่มีผลอะไรต่อความจงรักภักดีที่มีต่อฝ่าบาท อย่างไรเสียก็ดีกว่าต้องอดตายอยู่ข้างนอก”

“ฮูหยินใหญ่ มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อกลับไปข้าจะต้องตรวจสอบให้แน่ชัด”

“ท่านอ๋องตวน ข้าก็อายุตั้งปูนนี้ ไม่ใช่เด็กๆ ที่จะหลอกได้ง่ายเช่นนั้น ท่านอ๋องตวนอยากจะให้คนผมหงอกอย่างข้าต้องมาฝังศพคนผมดำกระนั้นหรือ

ท่านอ๋องตวนโกหกข้ามาแล้วหนหนึ่ง แต่ก็ยังคิดจะโกหกอีก?

ท่านพูดจาไร้ซึ่งความเคารพ ท่านเองก็เคยเป็นถึงมกุฎราชกุมาร คิดไม่ถึงว่าจะทำเรื่องเช่นนี้ ถึงอย่างไรท่านก็ยังนับได้ว่าเป็นเชื้อพระวงศ์อยู่

ท่านอ๋องผู้สง่าผ่าเผย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการปกครองบ้านเมือง แม้แต่หลังเรือนท่านยังรักษาความสงบไม่ได้ด้วยซ้ำ ช่างน่าผิดหวังยิ่งนัก”

“ฮูหยินใหญ่ ข้าผิดไปแล้วจริงๆ แต่จะเลิกราไม่ได้อย่างเด็ดขาด”

“ฮึ!”

ฮูหยินกั๋วกงก้าวออกไปโดยไม่สนใจอ๋องตวนโดยสิ้นเชิง