ตอนที่ 763

Elixir Supplier

763 เรื่องทั่วไป

 

“อีกหน่อยก็ชินค่ะ ดังนั้น ไม่ต้องไปสนใจพวกเขาหรอก” ซูเสี่ยวซวีหัวเราะแล้วควงแขนหวังเย้าด้วยท่าทีสนิทสนม

 

ทันในดัน ความร้อนแรงที่ถูกส่งมาก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

 

“โว้ย ฉันทนไม่ไหวแล้ว”

 

“อย่ามาห้ามฉันเลย ฉันจะเอาอิฐไปทุบหัวเขาเดี๋ยวนี้เลย”

 

“เราไปเดินเล่นรอบๆด้วยกันดีไหมคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม

 

“ช่างเถอะ คนพวกนี้ดูอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อผมอย่างนั้นแหละ” หวังเย้าพูด “เราไปที่อื่นกันดีไหม?”

 

“ค่ะ” ซูเสี่ยวซวีตอบ

 

ปักกิ่งนั้นกว้างใหญ่ ดังนั้น จึงมีสถานที่มากมายให้ไปเยี่ยมเยือน ตอนนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงและมีฝนตกลงอยู่บ่อยครั้ง จึงทําให้อากาศเย็นลงกว่าเดิม ในบางครั้งเม็ดฝนก็มักจะตกใส่ตัวผู้คนทําให้รู้สึกหนาวเย็นได้

 

หวังเย้าถือร่มที่ทําจากกระดาษน้ำมันเพื่อกันซูเสี่ยวซวีจากสายฝน ในเวลานี้ จุดที่พวกเขาอยู่มีคนมากเกินไป คนมากก็หมายถึงการถูกเห็นมากขึ้น ซึ่งไม่ใช่สถานที่ที่สามารถทําเรื่องปรดหลาด

 

“คุณหนู เซียนเชิง” พวกเขาได้ยินเสียงรถคันหนึ่งขับเข้ามา

 

“น้าเหลียน” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

“พวกคุณกําลังจะไปไหนกันคะ?” ชูเหลียนถาม “ให้ฉันไปส่งดีกว่า”

 

“ไม่เป็นไรค่ะ เราแค่เดินไปรอบๆเท่านั้น น้าไปทําเรื่องของตัวเองเถอะค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

เธอไม่ต้องการให้คนอื่นเข้ามาอยู่ในโลกของคนสองคน ถึงน้าเหลียนจะไม่ใช่คนพูดมาก และให้บริการเป็นอย่างดี แต่เธอก็ต้องการอยู่กับหวังเย้าเพียงลําพังมากกว่า

 

“ก็ได้ค่ะ ถ้าต้องการอะไรให้โทรหาฉันนะคะ” ชูเหลียนพูด

 

“โอเคค่ะ ช่วยบอกคุณแม่ให้ทีนะคะ ว่าพวกเราจะไม่กลับไปกินข้าวกลางวันที่บ้าน” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

“ได้ค่ะ” ชูเหลียนรับคําก่อนขับรถจากไป

 

“เราไปที่ไหนกันดีคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม

 

“เธอบอกมาได้เลย” หวังเย้าตอบ

 

“โอเคค่ะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปเปยหายกันดีกว่า ฉันชอบที่นั่น” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

ทั้งสองพากันไปที่สวนสาธารณะเปยหาย และหาอะไรกินกันที่นั่น ในตอนบ่าย ซูเสี่ยวซวียังมีเรียนอยู่ หวังเย้าจึงตามเข้าไปนั่งฟังการเรียนของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแห่งนี้ เพื่อดูว่าพวกเขาก้าวหน้ามากแค่ไหน

 

มันเป็นคลาสใครก็สามารถเข้ามาฟังได้ หวังเย้าจึงฟังอย่างตั้งใจ ซึ่งมากกว่านักศึกษาที่ เข้าเรียนด้วยซ้ำ

 

หลังจบคลาส ซูเสี่ยวซวีก็หัวเราะออกมาและพูดว่า”คุณตั้งใจฟังจังเลยนะคะ!”

 

“อืม อยู่ๆผมก็รู้สึกว่า โอกาสแบบนี้ไม่ได้หากันได้ง่ายๆ แล้วอาจารย์ที่สอนก็น่าสนใจมากด้วย” หวังเย้าพูดกลั้วหัวเราะ

 

“เราไปกินข้าวเย็นที่บ้านฉันกันนะคะ” ซูเสี่ยวซวีพูด “วันนี้คุณพ่อไม่มีงาน แล้วก็อยากเจอคุณด้วย”

 

หวังเย้าหัวเราะ แล้วตอบตกลง

 

ครั้งนี้ เขาได้เอาของฝากติดมือมาด้วย มันคือชาที่เก็บมาจากเนินเขาหนานชาน และไวน์อีกหนึ่งขวดไวน์ถูกทําขึ้นมาจากองุ่นที่เก็บจากบนเนินเขาของเขา และมันเป็นครั้งแรกที่เขาทําไวน์ออกมา รสชาติของมันดีมาก พ่อของเขาชมอยู่หลายคํา

 

“ผมต้องซื้อของขวัญด้วยใช่ไหม?” หวังเย้าถาม ในเมื่อชากับไวน์ที่เขานํามาไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่

 

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ของที่คุณเตรียมมาก็มากพอแล้ว” ซูเสี่ยวซวีพูด “พี่ชายของฉันจะกลับมาคืนนี้ด้วยนะคะ”

 

“เหรอ?” หวังเย้าถาม

 

“ค่ะ เขาเป็นนักดื่มด้วยล่ะ” ชูเสี่ยวซวีพูด

 

“นักดื่ม? เขาดูไม่เหมือนเลยนะ!” หวังเย้าเคยพบพี่ชายของซูเสี่ยวซวีอยู่หลายครั้ง เขาเป็นที่ชื่นชอบและเป็นชายชาติทหาร

 

“นั่นเป็นเพราะคุณไม่เคยเห็นยังไงล่ะคะ” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

“อืม ผมน่าจะซื้ออะไรสักหน่อยดีกว่า” หวังเย้าพูด “พาผมไปห้างใกล้ๆหน่อยสิครับ”

 

“ไม่ต้องหรอกค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

“ก็ได้ ผมเชื่อเธอ” หวังเย้าพูด

 

“ดีค่ะ แค่เชื่อฉันก็พอ” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

ทั้งเดินพากันเดินควงแขนจากไป

 

ภายในโรงแรมที่อยู่ตัวเมืองเหลียนชาน ชายคนหนึ่งรู้สึกสบายอย่างที่สุด หลังจากที่เขาดื่มซุปเสี่ยวเปยหยวนไป

 

“อาห์ ในที่สุดโรคบ้านี่ก็หายสักที!” เขาไม่อาจอดกลั้นความตื่นเต้นเอาไว้ได้ “ฉันจะโทรไปบอกที่บ้านว่าฉันปลอดภัยแล้ว”

 

เขาหยิบมือถือขึ้นมาและโทรไปหาภรรยาของเขาที่บ้าน

 

“ฮัลโหล เธอกินข้าวรึยัง” เขาถาม

 

“ค่ะ การรักษาเป็นยังไงบ้างคะ?” ภรรยาของเขาถาม

 

“ดีมาก หมอคนนี้ฝีมือดีมาก แถมเขายังรักษาโรคของฉันหายแล้วด้วย” เขาพูด “แล้วเสี่ยวหลิงเป็นยังไงบ้าง?”

 

“ลูกอยู่ในห้องค่ะ” ภรรยาของเขาพูด “ลูกปวดท้อง แล้วยังท้องเสียด้วย”

 

“อะไรนะ?” เขาตะลึง

 

“ใช่ แล้วยังมีแมลงออกมาตอนที่ลูกถ่ายด้วย” ภรรยาของเขาพูด

 

มือถือร่วงหล่นจากมือของเขา ใบหน้าของเขาซีดขาวจากความตื่นกลัว

 

“ฮัลโหล ทําไมไม่พูดล่ะ?” ภรรยาของเขาถาม

 

“เปล่าไม่มีอะไร แล้วฉันจะรีบกลับนะ” เขาพูด

 

“ไม่ต้องห่วงทางนี้หรอก ภรรยาของเขาพูด “ฉันพาลูกไปหาหมอแล้ว เขาเขียนใบสั่งยาสําหรับกําจัดแมลงพวกนั้นให้แล้ว น่าจะไม่เป็นอะไรหรอก คุณก็รักษาตัวอยู่ที่นั่นอย่างสบายใจเถอะ”

 

“ไม่ๆๆ ฉันจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย” เขาพูด

 

หลังจากวางสายแล้ว เขาก็จัดการจองตั๋วเครื่องบินทันที เขาเดินทางกลับด้วยความรีบร้อน ตอนนี้ ลูกสาวของเขาถูกแมลงน่ากลัวพวกนั้นคุกคาม แล้วถ้าเกิดภรรยาของเขาโดนด้วยล่ะ? ต้องไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นกับพวกเธอ ต้องไม่มีอะไรทั้งนั้น เขาต้องการกลับไปและพาพวกเธอมาพบหมอที่นี่

 

“ไอ้พวกคนชั่ว!” ตอนนี้ เขาทั้งโมโหและตื่นตระหนก “ถ้าทุกอย่างเลวร้ายมากกว่านี้ เราคงอยู่ที่นั่นไม่ได้อีกต่อไป!”

 

เที่ยวบินที่เร็วที่สุดจะออกเดินทางในอีกสามชั่วโมงข้างหน้า เขาจัดการเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมและเรียกแท็กซี่ที่เก็บค่าเดินทางค่อนข้างแพง สําหรับการเดินทางไปเมืองเต๋าเร็วที่สุด

 

“นี่ คุณกังวลเรื่องอะไรอยู่เหรอ?” คนขับแท็กซี่ถาม

 

“ลูกสาวของผมปวยน่ะ” เขาพูด “ผมเลยต้องรีบไปขึ้นเครื่อง”

 

“อ่อ คุณต้องรีบกลับไปให้เร็วที่สุดนะ” คนขับพูด “ผมก็มีลูกสาวเหมือนกัน เธออายุได้ 6 ขวบ เพิ่งจะเข้าเรียนชั้นประถมไปไม่นานนี้เอง”

 

เมื่อพวกเขาเดินทางไปถึงตัวเมือง ก็มีรถบนถนนไม่มาก มันไม่ใช่ครั้งแรกของคนขับแท็กซี่ที่ขับรถระยะไกลในตอนกลางคืนแบบนี้ เขาขับอย่างรวดเร็ว แต่ก็รู้ว่าตอนไหนควรชะลอความเร็วในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง พวกเขาก็เดินทางมาถึงสนามบิน

 

“ขอบคุณ” เขาจ่ายเงินให้คนขับแท็กซี่อย่างใจกว้าง

 

“ยินดีๆ แล้วมาเหลียนชานอีกนะ” คนขับพูด

 

“แล้วผมจะกลับมาอีก” เขาพูด

 

“โอ้ งั้นอย่าลืมใช้บริการของผมล่ะ” คนขับแท็กซี่ยืนนามบัตรของเขาให้

 

เขารับนามบัตรมาและรีบเดินไปยังประตูขึ้นเครื่อง เครื่องบินออกเดินทางในคืนนั้น ตอนเช้าเขาก็รีบเดินทางกลับไปที่บ้าน เขาเดินทางไปถึงในตอนที่พระอาทิตย์กําลังขึ้น ภรรยาและลูกของเขายังคงนอนหลับอยู่

 

“เป็นอะไรไป เสี่ยวหลิง?” ภรรยาของเขาถาม

 

“แม่ หนูปวดท้องมากเลย หนูอยากเข้าห้องน้ำ” ลูกสาวของเธอพูด

 

“งั้นก็รีบไป แล้วรีบกลับมาที่เตียงล่ะ” ผู้เป็นแม่พูด

 

เด็กหญิงเดินไปเข้าห้องน้ำ เธอยังคงท้องเสียไม่หาย เธอปวดท้องอย่างรุนแรง จนต้องนั่งกุมท้องและมีเหงื่อซึมอยู่ในห้องน้ำ

 

ประตูห้องนอนถูกเปิดออกเสียงดังคลิก เธอจึงรีบเดินออกมาจากภายในห้อง และต้องประหลาดใจที่เห็นสามีของเธอ พวกเขาเพิ่งโทรคุยกันเมื่อคืนก่อน แล้วเช้าของวันนี้เขาก็กลับมาถึงที่บ้านแล้ว

 

“ทําไมถึงกลับมาเร็วแบบนี้ล่ะ?” เธอถาม

 

“เสี่ยวหลิงอยู่ไหน?” เขาถาม

 

“ลูกอยู่ในห้องน้ำ เห็นบอกว่าปวดท้องน่ะ” ภรรยาของเขาพูด

 

สองสามีภรรยาที่กําลังพูดคุยกันอยู่ก็หันไปเห็นลูกสาวของพวกเขาเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับมือที่กุมอยู่ที่หน้าท้อง

 

“พ่อ ทําไมกลับมาเร็วแบบนี้ล่ะคะ?” เด็กหญิงแปลกใจที่เห็นพ่อของเธอ

 

“ลูกเจ็บท้องมากไหม?” เขาถาม

 

“อืม แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” เธอตอบ

 

“ลูกกลับเข้าไปนอนอีกหน่อยเถอะ” เขาพูด

 

“ค่ะ” เด็กหญิงเดินกลับเข้าไปนอนในห้องของเธอ

 

“เก็บของ ฉันจะพาเธอไปจังหวัดฉี” เขาพูดกับภรรยา

 

“เราจะไปที่นั่นกันทําไมเหรอ?” เธอถาม

 

“พาเสี่ยวหลิงไปรักษา ฉันคิดว่า ลูกน่าจะปวยเหมือนกับฉัน” เขาพูด

 

“หา ได้ๆๆ ฉันจะไปเก็บของเดี๋ยวนี้” ภรรยาของเขาพูด

 

เธอรีบเก็บของอย่างเร่งรีบ โชคดีที่เป็นช่วงปิดเทอมหน้าร้อนของลูกสาวพอดี

 

“เราจะไปที่ไหนกันเหรอคะ?” เด็กหญิงถาม

 

“ไปจังหวัดฉี” เขาพูด

 

เขารู้สึกผิดต่อภรรยาและลูกสาว พวกเธอต้องเจอเรื่องแบบนี้ในตอนที่เขาไม่อยู่

 

“อ้อ ภูเขาไท่ซานก็อยู่ที่นั่นด้วยนี่คะ” เด็กหญิงพูด

 

“พ่อพาลูกไปที่นั่นดีไหม?” เขาถาม

 

“ดีค่ะ เพื่อนของหนูที่เคยไปที่นั่นเล่าว่า ภูเขาไฟชานสวยมากเลยล่ะค่ะ” เด็กหญิงพูด

 

“เสี่ยวหลิงจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” ภรรยาของเขายังคงกังวลเกี่ยวกับเรื่องของลูกสาว

 

“ไม่เป็นอะไรหรอก” เขาพูด “อาการป่วยของฉันก็ดีขึ้นแล้ว หมอคนนั้นสามารถรักษาให้หายได้จริง ดังนั้น ลูกของเราจะไม่เป็นอะไร”

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ดี” ภรรยาของเขาพูด

 

ทั้งครอบครัวขึ้นเครื่องบินตรงไปยังเมืองเต๋า

 

ที่ตัวเมืองปักกิ่ง ภายในบ้านของตระกูลซู

 

“คุณแม่พูดว่า น้องเขยจะมาที่บ้านใช่ไหมครับ?” ซูจือฉิงดูเหมือนจะดีใจที่ได้ยินว่า หวังเย้ากําลังจะมาที่บ้าน

 

“ของเขยอะไรกัน แล้วลูกจะตื่นเต้นทําไม? หรือลูกอยากให้น้องแต่งงานเร็วๆ” ซงรุ่ยปิงถาม

 

“ผมไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อยครับ ผมแค่รู้สึกว่า ผมกับหวังเย้าจะสามารถเข้ากันได้ดีเท่านั้นเอง” ซูจือฉิงพูด

 

“ลูกกับเขาก็เจอกันตั้งหลายครั้งแล้ว” ซงรุ่ยยิงพูด “แล้วลูกรู้ได้ยังไงว่าจะเข้ากันได้ดี?”

 

“ถึงผมจะบอกไป คุณแม่ก็ไม่เข้าใจหรอกครับ” ลูกชายของเธอพูด

 

หวังเย้าเดินทางมาที่บ้านตระกูลซูพร้อมกับของขวัญหลายอย่าง