โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.274 – การตายของนายน้อยในทุ่งล่า

 

ซงหยวนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง

 

เขาคืออัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูล เริ่มฝึกฝนและวางรากฐานตั้งแต่พลังวรยุทธโบราณของตนยังไม่ตื่นขึ้น พออายุ 10 ขวบก็สามารถสังหารคนอายุ 19 ปีได้ เขาฝึกฝนทักษะแปรผันเลือดจนได้ครอบครองฝ่ามือโลหิต แต่ไม่คาดคิดเลย ว่าวันนี้ในปัจจุบัน จะต้องมาตกตายลงอย่างกระทันหัน ภายใต้น้ำมือของใครก็ไม่รู้ ทั้งยังเป็นในสถานชุมชนที่เล็กและอ่อนแอ

 

ดวงตาที่เต็มไปด้วยเลือดของซงหยวนพยายามเพ่งมองอีกฝ่ายอย่างไม่ยินยอม

 

“แก … แกเป็น .. เป็นใครกัน … อ๊อก!” เพียงซงหยวนขยับปาก เลือกก็ทะลักออกมา

 

เขาคว้าข้อมือของฉินเฟิง แต่กลับไม่อาจผลักดันกำลังภายในนี้ได้เลย

 

“ทักษะลับกลืนดารา!”

 

ฉินเฟิงดูดซับกำลังภายในของซงหยวน

 

แม้ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายจะอยู่ในเลเวล F ซึ่งมันช่างน้อยนิด แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย เขาไม่อยากทิ้งให้มันเสียของ

 

ปัจจุบัน ซงหยวนไร้ซึ่งกำลังที่จะต่อกรกับความตาย

 

“แกอยากรู้ว่าฉันเป็นใคร? คนที่แกฆ่าไปมีตั้งมากมาย จะไปจำศัตรูของตัวเองได้ยังไง!” ฉินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ภายในจิตใจ ย้อนนึกไปถึงความทรงจำในชีวิตก่อนหน้า

 

ช่วงเวลานั้น วันเวลาหลังจากฉีดยากระตุ้นก็ล่วงเลยมากว่า 3 ปีแล้ว ฉินเฟิงอายุได้ 19 ปี มากไปด้วยประสบการณ์ต่อสู้ ทั้งยังออกเดินทางท่องไปทั้งเหนือจรดใต้ จนในที่สุดก็มาถึงเลเวล E

 

อาจกล่าวได้ว่า ช่วงเวลานั้นเขาได้หลุดพ้นจากเงามืดของห้องทดลองไปแล้ว มีกระทั่งคู่หูและกลุ่มพันธมิตร เคยสัญญากันว่าจะก้าวขึ้นสู่เลเวล D แล้วไปออกรบในแนวหน้าพร้อมกัน

 

แต่สุดท้าย ระหว่างภารกิจคุ้มกันการขนส่ง เขาดันได้พบกับซงหยวน ผลลัพธ์คือทั้งกลุ่มของฉินเฟิงกว่า 300 คน และคู่หูที่ร่วมต่อสู้ฟันฝ่ากันมา ตายลงอย่างน่าอนาถ

 

ฉินเฟิงเองก็ถูกอีกฝ่ายโจมตีด้วยฝ่ามือเช่นกัน โดนฟาดเข้าที่หน้าอก สิ้นท่าในลมหายใจเดียว

 

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในกองคาราวานมีผู้เสียชีวิตมากเกินไป

 

แม้พลังพิเศษดูดกลืนของเขาในอดีตจะหลงเหลือความสามารถเพียง 1/10 ก็ตาม เนื่องจากมีคนตายเยอะมากๆ มันเลยช่วยดูดพลังงานโดยรอบ ช่วยชีวิตฉินเฟิงเอาไว้ ทำให้เขารอดตายมาได้อีกครั้ง

 

เพียงแต่ต้องกลายเป็นคนที่แบกรับพลังงานของสหายทั้ง 300 ชีวิต เรื่องคราวนั้นทำเอาฉินเฟิงเกือบแทบบ้า

 

นามซงหยวน เกรงว่าจะหนึ่งในบุคคลที่โหดร้ายที่สุดในโชคชะตาของฉินเฟิง เป็นการดำรงอยู่ที่ไม่มีวันจะลืมเลือนไปจากความทรงจำ ฉันเฟิงแทบรอไม่ไหวที่จะสังหารมัน

 

แต่ก่อนจะเกิดใหม่ เขาไม่มีทางแก้แค้นด้วยตนเองได้เลย เพราะพัฒนาการของซงหยวนก้าวกระโดดเกินไป กว่าฉินเฟิงจะมาถึงเลเวล A ซงหยวนก็ห่างไกลจากเลเวล A ช่วงต้นแล้ว ทั้งยังเป็นหนึ่งในตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในเลเวล A เช่นเดียวกับหลุยเหมิงที่ในอดีตเป็นผู้ครอบครองทักษะลับกลืนดารา

 

—ไอ้สองตัวนี้คือปีศาจร้ายที่ทำแต่เรื่องชั่วช้าไม่อาจให้อภัย!

 

เป็นปีศาจร้ายที่ครอบครองอำนาจชนิดสามารถฆ่าล้างคนทั้งโลกได้

 

อย่างไรก็ตาม ในชีวิตมันแตกต่างออกไป

 

ซงหยวนยังไม่แข็งแกร่งถึงขั้นนั้น อีกทั้งปัจจุบัน ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับตระกูลซง ฉินเฟิงก็ไม่หวาดเกรง!

 

แต่ฉินเฟิงคงไม่รู้ ว่าหลังจากการสังหารของตนในวันนี้ ผืนดินจะลุกเป็นไฟ!

 

ในแววตาของฉินเฟิง ฟุ้งไปด้วยเจตนาฆ่า แต่ด้วยหน้ากากที่สวมใส่ เลยเป็นไปไม่ได้ที่คนอื่นจะมองเห็น

 

เวลานี้กำลังภายในของซงหยวนถูกพรากออกไปจนหมดสิ้น กระทั่งหัวใจยังถูกแทงทะลุ แขนที่คว้าจับข้อมือของฉินเฟิงไร้ซึ่งกำลังสนับสนุน สุดท้ายร่วงตกลง

 

ฉินเฟิงกระชากมีดสั้น เลือดสาดกระเซ็นออกมา

 

ซงหยวนที่ไร้ซึ่งสิ่งใดคอยพยุง ร่วงลงกับพื้น

 

กระบวนการทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไป ไม่มีใครทันได้ตอบสนอง

 

ในเวลานั้นเอง เสียงคำรามดั่งคลื่นโซนิคบูมพลันถูกกวาดเข้ามา

 

“หยุดมือ!”

 

ห่างออกไปจากกองทัพสัตว์ร้าย กิ่งไม้ขนาดใหญ่ถูกย่ำหักร่วงตกจากต้น แรงกดดันของผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล E กวาดเข้าปกคลุมฝูงชน

 

หากเหล่าผู้ใช้พลังยังแทบทนไม่ไหว แล้วจะนับประสาอะไรกับฝูงหมาป่าเทา ที่ราชันย์ของพวกมันตายแล้ว ทั้งหมดแตกกระเจิง หลบหนีด้วยความหวาดกลัว

 

เพียงแต่ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าในที่แห่งนี้ จู่ๆจะมีผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล E โผล่มาอย่างกระทันหัน!

 

ซึ่งสำหรับผู้ใช้พลังในสถานชุมชนฮั่นจวนโกว เลเวล E คือระดับนายพล อาจเรียกได้ว่ามีสถานะเดียวกันกับผู้ว่าการเขต เป็นการดำรงอยู่ที่น่าหวาดกลัว

 

ยิ่งไปกว่านั้น ตัวตนสุดแกร่งที่ว่า กำลังอยู่ในความเดือดดาลสุดขีด! เร่งทะยานเข้ามายังจุดที่เกิดการนองเลือด

 

ผู้ใช้วรยุทธโบราณโฉบเข้ามาด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ จากระยะไกล แค่ 4 – 5 วิก็มาถึงแล้ว

 

“นายน้อย!”

 

ชายคนนั้นคุกเข่าลงพยุงซงหยวนด้วยแววตาที่ตื่นตระหนก แต่กลับพบว่า เลือดที่ทะลักออกมาจากหัวใจของอีกฝ่ายไม่สามารถหยุดได้ ทั้งยังไร้ซึ่งลมหายใจ

 

–ตายไปแล้ว!

 

แบบนี้ต่อให้เรียกเทพเซียนมารักษา คงไม่สามารถช่วยเหลือได้!

 

“เจ้า!” ชายคนนั้นสะบัดหน้าขึ้นอย่างแรง จดจ้องมายังฉินเฟิงด้วยความโกรธแค้น

 

ถึงตอนนี้ ใบหน้าของเขาจึงค่อยปรากฏสู่สายตาของฝูงชน

 

อายุประมาณ 50 ปี เป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณในเลเวล E5 มีสีหน้าดุร้าย ที่เด่นชัดคือรอยแผลเป็นจากแก้มลากยาวลงมาถึงคอ

 

ใบหน้าของชายคนนี้ ทำให้คนอื่นๆกลายเป็นแข็งค้าง

 

ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด!

 

วินาทีนั้นเอง อุปกรณ์สื่อสารของหลายคนก็เกิดการสั่นสะเทือน กวาดตามองเพียงแวบเดียว พวกเขาก็ทราบว่าเป็นเพราะอะไร

 

“นั่นผู้ดูแลตระกูลซง!”

 

“หัตถ์อาชูร่า จางเหวิน!”

 

“หนึ่งในอาชญากรหลบหนีเลเวล E !”

 

ในหัวใจของผู้คนฟุ้งไปด้วยความหวาดกลัว ภายใต้แรงกดดันของจางเหวิน ทั้งหมดยากที่จะขัดขืน กระทั่งคืบคลานหลบหนียังแทบเป็นไปไม่ได้

 

จู่ๆคนเช่นนี้ก็ปรากฏตัวขึ้น ทั้งยังเปล่งเสียงเรียกคนในอ้อมแขนว่านายน้อย —สายตาของทุกคนเบนตกลงบนศพ

 

“คนที่เพิ่งตายไป ที่แท้ก็เป็นคนของตระกูลซง!”

 

“นายน้อยตระกูลซงตายลงที่นี่? ต่อหน้าพวกเรา?”

 

“ซวยแล้วเขาต้องฆ่าพวกเราทั้งหมดแน่ๆเลย”

 

สำหรับคนจากกองกำลังมืด หากฝ่ายตนสูญเสียเพียงหนึ่ง จะระบายความแค้นกับทั้งตระกูลของผู้ที่กระทำฝั่งตน บางทีอาจถึงขั้นล้างชุมชน ก็ยังเป็นไปได้

 

ในขณะที่เหล่าฝูงชนในปัจจุบันที่อยู่ที่นี่ ไม่มีใครเลยที่จะสามารถต่อกรกับจางเหวินได้

 

ในตอนนั้นเอง ทั้งหมดเบนมองไปยังฉินเฟิงด้วยความไม่พอใจ ต้องโทษไอ้บัดซบนี่ ที่สร้างปัญหาให้พวกตน

 

“เจ้าหนู ต่อให้แกอยากจะตายวันนี้ ก็อย่าหวังเลยว่าจะตายได้ ฉันจะทรมานแกชนิดที่ว่าแกจะต้องร้องขอความตาย!” ทั้งร่างของจางเหวินลุกท่วมไปด้วยความโกรธ

 

ครั้งนี้เขาติดตามมาคุ้มกันนายน้อยเข้าสู่สุสานเทพสงคราม และเนื่องจากเป็นคำขอของนายน้อย เขาจึงไม่คอยพิทักษ์อยู่ข้างกาย ไม่ต้องกล่าวถึงอำนาจของทักษะแปรผันโลหิต ที่หากนายน้อยใช้มัน ต่อให้ศัตรูเป็นเลเวล F9 ก็ไม่อาจต่อกรได้ ดังนั้นเขาเลยวางใจ

 

แต่จู่ๆไอ้สารเลวนี่มาจากไหนก็ไม่รู้ ใช้แค่มีดเดียว ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสามารถแทงนายน้อยซงหยวนได้

 

หากไม่จับตัวฉินเฟิงกลับไป จางเหวินเองก็ไม่รู้จะอธิบายกับทางตระกูลซงอย่างไรดี

 

แต่ต่อให้จับตัวมันไป ผลลัพธ์ก็คงเลวร้ายไม่ต่างกัน!

 

จางเหวินยิ่งนานก็ยิ่งรู้สึกเกลียดฉินเฟิงเขาแทบทนรอไม่ไหวที่จะหักกระดูกอีกฝ่าย

 

“ร้องขอความตาย? ก็อาจจะเป็นแบบนั้นนะ แต่คนที่จะร้องน่ะ มันไม่ใช่ฉัน!” ว่าจบ อักษรรูนมืดก็พวยพุ่งขึ้นรอบตัวเขา

 

“ก้าวแห่งหมอก : ท่าร่างภูติพราย!”

 

ฉินเฟิงขยับกายวูบไหว หลงเหลือเพียงภาพเบลอ

 

ทั้งคนทั้งร่างขยับกายไปมา ราวกับสัมภเวสีดูน่าหวาดกลัว ทั้งยังปลดปล่อยเจตนาฆ่าออกมา

 

ฉินเฟิงพรวดเข้ามาจางเหวิน

 

“กล้าดียังไง!”

 

จางเหวินโกรธจนมิอาจควบคุมความโกรธต่อไปได้ เขายกมือขึ้น ฟาดออกไปต้อนรับฉินเฟิง

 

“ฝ่ามือละลายโลหิต!”

 

แม้จางเหวินจะเป็นแค่คนรับใช้ตระกูลซง อีกทั้งกระบวนท่านี้ยังไม่ทรงพลังเทียบเท่ากับของซงหยวน แต่มันอัดแน่นไปด้วยกำลังภายในอันน่าหวาดกลัว ฝ่ามือละลายโลหิตที่ปล่อยออกมา จึงก่อปฏิกิริยาราวกับพายุเลือด

 

เพียงมองก็บอกได้ทันที ว่าภายใต้ฝ่ามือนี้ คร่าชีวิตมนุษย์มามากมายเท่าใด

 

ฝ่ามือใหญ่ประทับเข้าใส่ใบหน้าเขา ฉินเฟิงไม่คิดต้านทาน โฉบกายหลบเลี่ยง

 

ท่าร่างภูติพรายในปัจจุบัน เปิดใช้งานอย่างแท้จริงแล้ว

 

ก่อนหน้านี้ ทุกเวลาที่ฉินเฟิงใช้ท่าร่างภูติพราย เขามักจะหวาดเกรงว่าคนอื่นๆจะตระหนักได้ถึงรูนมืดของตน เลยไม่กล้าใช้จนเกินขอบเขต

 

แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นอีกต่อไป ทั้งร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำ การเคลื่อนไหวมีเอกลักษณ์และโดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้คนรู้จักมาเห็น ก็คงไม่มีใครสงสัยว่าเขาคือผู้ว่าการจากสถานชุมชนเฟิงหลีที่มีชื่อเสียงโด่งดัง

 

เพราะสำหรับท่าร่างก้าวแห่งหมอก ในบรรดาผู้ใช้วรยุทธโบราณ ถือเป็นท่าร่างธรรมดา

 

ทว่าเมื่อฉินเฟิงนำมาปรับแต่ง ใช้ควบคู่ไปกับรูนมืด มันย่อมไม่ธรรมดา

 

ร่างกายพร่าเลือนดูโงนเงน โฉบกายอ้อมวนไปข้างกายจางเหวิน มีดสั้นพุ่งเป้า เตรียมเจาะเข้าใส่เอวและหน้าท้องของจางเหวินในมุมมองแปลกตา

 

ว่องไวเป็นอย่างมาก!

 

จางเหวินตกตะลึง!

 

ด้วยความเร็วดังกล่าวนี้ จางเหวินจะต้องถูกแทงอย่างแน่นอน แต่แล้วพอใช้สมองคิดเพียงครู่ จางเหวินก็ตัดสินใจรับคมมีดของฉินเฟิงโดยตรง ขณะเดียวกันก็ยกฝ่ามือ และฟาดสวนกลับไป

 

—เขาไม่คิดป้องกัน ตั้งใจแลกหมัดต่อหมัด ตาต่อตา ฟันต่อฟัน!