“วานรกลืนเวหา วิญญาณยุทธ์ประเภทที่หนึ่ง ไม่ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ นะ” เจียงหลีพูดด้วยรอยยิ้ม
หนานอู๋เฮิ่นยิ้มแล้วพูดว่า “ใต้เท้าทั้งสามเสียเวลาไปเยอะมาก เพื่อเสาะหาวิญญาณยุทธ์ที่เหมาะสมกับเจ้าที่สุด ถึงขนาดบอกความจริงออกมา”
เจียงหลีเงียบกริบ
นางรู้ว่าตัวเองฝึกฝนพลังสามประเภท ทุกครั้งที่หลอมรวมเข้ากับวิญญาณยุทธ์ก็ล้วนแต่ต้องมีเงื่อนไขสำหรับคุณสมบัติและความแข็งแกร่งของวิญญาณยุทธ์ มีเพียงวิธีนี้ ถึงจะสามารถเทียบเท่ากับคนที่ฝึกฝนพลังประเภทเดียวได้
ดังนั้น วานรกลืนเวหาคือวิญญาณยุทธ์ประเภทที่หนึ่ง แล้วยังถูกจัดอันดับเป็นปีศาจสมัยโบราณกาลที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสองที่ยังมีอยู่
“สามยอดปราชญ์ลำบากแย่” เจียงหลีพูดด้วยใบหน้ายิ้มตาหยี
ถ้าหากเป็นคนธรรมดาทั่วไป คงจะถูกรอยยิ้มนี้ของนางหลอกได้ แต่หนานอู๋เฮิ่นรู้จักนางเป็นอย่างดี ก็เลยมองบนใส่นางทันที แล้วพูดอย่างเยาะเย้ยว่า “อย่ามาเสแสร้ง เจ้าพูดอยู่ตรงนี้ ข้าก็เอาไปบอกพวกเขาไม่ได้”
“ข้าพูดด้วยความจริงใจนะ” เจียงหลีกระพริบตาอย่างไร้เดียงสา
“เหอะๆ” หนานอู๋เฮิ่นยิ้มเยาะใส่นาง
เจียงหลียกมือขึ้นมาปิดปากแล้วกระแอมสองที “อ่ะแฮ่มๆ” คำขอบคุณของนางนั้นไม่มีความจริงใจเลยจริงๆ
“ท่านอาจารย์หนาน ถ้าหากว่าท่านไม่ง่วงก็เล่าเรื่องซีฮวงให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่ว่ามันเป็นอย่างไร” เจียงหลีเปลี่ยนเรื่องคุย แล้วมองหนานอู๋เฮิ่นด้วยความอยากรู้
นางรู้ว่าหนานอู๋เฮิ่นไม่ใช่คนหนานฮวง แต่มาจากซีฮวง ทว่าเขาก็อยู่หนานฮวงมานานมากแล้ว ทุกวันนี้คงรู้สึกไม่คุ้นเคยกับซีฮวง
“ซีฮวง” หนานอู๋เฮิ่นหุบยิ้มแล้วมองไปยังทะเลอันกว้างใหญ่ที่เหมือนกับน้ำหมึกดำ ท่ามกลางลมทะเลที่พัดมาอย่างช้าๆ เขาก็พูดถึงดินแดนตะวันตกซีฮวงที่กว้างใหญ่ไพศาลกับเจียงหลี
“ที่นั่นเป็นดินแดนที่” เพียงแต่พอเขาเปิดปากพูดแล้วก็เงียบไปเหมือนว่าหาคำมาบรรยายไม่ได้อย่างไรอย่างนั้น หลังจากเงียบไปนาน เขาถึงพูดขึ้นมาว่า “ซีฮวงกว้างใหญ่มาก ในความคิดของข้า ซีฮวงกว้างใหญ่กว่าหนานฮวงเป็นอย่างมาก ที่นั่นมีแคว้นมากมาย แต่ว่าแคว้นเหล่านั้นไม่ได้สำคัญอะไร ที่เจ้าต้องระวังก็คือกลุ่มอำนาจที่อยู่เบื้องหลังแคว้นเหล่านี้”
“กลุ่มอำนาจที่อยู่เบื้องหลังแคว้นเหล่านี้หรือ” เจียงหลีพูดขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
หนานอู๋เฮิ่นพยักหน้า “ซีฮวงมีกลุ่มอำนาจอยู่เยอะมาก และกลุ่มอำนาจเหล่านี้ก็ถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มอำนาจระดับสูง ระดับกลางและระดับต่ำ อำนาจเหล่านี้แตกต่างกันตามระดับของพวกเขา ขนาดและจำนวนแคว้นที่ปกครองก็ต่างกัน ความแข็งแกร่งก็ต่างกัน พูดง่ายๆ เลยก็คือแคว้นที่อยู่ภายใต้กลุ่มอำนาจเหล่านี้ มีหน้าที่ช่วยพวกเขาค้นหาทรัพยากรในการฝึกฝน”
“พอพูดแบบนี้ในซีฮวงแคว้นดูมีสถานะที่ต่ำต้อยมาก” เจียงหลีพูดสรุป
หนานอู๋เฮิ่นพยักหน้า “ถูกต้อง ในสายตาของกลุ่มอำนาจ แคว้นเป็นเพียงแค่เมืองขึ้นระดับต่ำ ถึงแม้จะเป็นราชนิกุลในแคว้น เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเขาก็เหมือนกับทาสรับใช้ที่ต่ำต้อยอย่างไรอย่างนั้น”
เจียงหลีขมวดคิ้ว “เช่นนั้นแล้วในซีฮวงมีกลุ่มอำนาจเช่นนี้จำนวนเท่าไหร่”
หนานอู๋เฮิ่นยิ้มแล้วพูดกับเจียงหลีที่กำลังรอคอยคำตอบอยู่ว่า “ไม่ต่ำกว่าร้อยกลุ่ม”
ฮะ!
เจียงหลีเบิกตาโต แล้วหายใจเข้า กลุ่มอำนาจมีไม่ต่ำกว่าร้อย เช่นนั้นแคว้นในซีฮวงก็มีหลายร้อย
“เจ้าอย่างเพิ่งตกใจไป ถึงแม้กลุ่มอำนาจจะมีไม่ต่ำกว่าร้อย แต่สองในสามเป็นกลุ่มอำนาจระดับล่าง ไม่มีอะไรต้องกลัว ขอเพียงเจ้าบรรลุขั้นหลิงหวัง โดยปกติกลุ่มอำนาจเล็กๆ เหล่านี้จะไม่มาหาเรื่องเจ้า ส่วนกลุ่มอำนาจระดับกลาง เจ้ารู้แค่กลุ่มอำนาจบางกลุ่มที่ค่อนข้างแข็งแกร่งก็พอแล้ว ที่เจ้าต้องระวังก็คือกลุ่มอำนาจระดับสูงเหล่านั้น” หนานอู๋เฮิ่นพูดด้วยใบหน้ายิ้มตาหยี
เจียงหลีมุมปากกระตุก แล้วถามว่า “แล้วมีกลุ่มอำนาจระดับสูงอยู่เท่าไหร่”
“ไม่มาก” หนานอู๋เฮิ่นยิ้ม สีหน้าดูสบายใจ
เจียงหลีก็แอบโล่งใจ
เพียงแต่ นางยังไม่ทันได้โล่งใจดี หนานอู๋เฮิ่นก็พูดขึ้นมาว่า “เจ็ดกลุ่ม”
“…” เหอะๆ
ทันใดนั้นเจียงหลีก็รู้สึกว่าตรงหน้าตัวเองมีอุปสรรคใหญ่มากมาย นางง่วงมาก อยากจะนอน ทำอย่างไรดี
จิตใจสงบลงแล้ว นางก็กระแอมเบาๆ แล้วถามอีกว่า “แล้วที่ท่านเคยพูดว่าสถาบันไป๋หยวนของพวกเราพึ่งพากลุ่มอำนาจที่แข็งแกร่งมากอยู่ ใช่หนึ่งในเจ็ดกลุ่มนี้หรือไม่ ที่บอกว่ากลุ่มอำนาจระดับสูง มันหมายความว่าอย่างไร” ทันใดนั้น นางก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับกบในกะลาที่ไม่เคยออกมาเจอโลกภายนอก
หนานอู๋เฮิ่นก็กระแอมตามเบาๆ สองที สีหน้าดูแปลกใจเล็กน้อย
เจียงหลีขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจเขา
“อืม กลุ่มอำนาจที่สถาบันไป๋หยวนของพวกเราพึ่งพาอยู่ มีชื่อว่าฮวงเสิน เคยเป็นกลุ่มอำนาจระดับสูงเช่นกัน”
“เคยเป็นอย่างนั้นหรือ” เจียงหลีพูดขึ้นมา
หนานอู๋เฮิ่นยืดตัวตรง แล้วพูดอย่างมีเหตุผลว่า “ใช่แล้ว! เมื่อแปดร้อยปีก่อน ฮวงเสินคือกลุ่มอำนาจระดับสูงของซีฮวงจริงๆ แต่ว่าได้พ่ายแพ้ในปาฐกถาเจ้าครองนครเมื่อแปดร้อยปีก่อน จึงหลุดจากกลุ่มอำนาจระดับสูงและกลายเป็นกลุ่มอำนาจระดับกลางชั่วคราว แต่เมื่อผ่านไปอีกยี่สิบปี ก็จะถึงเวลาปาฐกถาเจ้าครองนครอีกครั้ง ข้าเชื่อว่าเมื่อถึงเวลานั้น ฮวงเสินจะกลับเข้าสู่กลุ่มอำนาจระดับสูงได้อีกครั้งอย่างแน่นอน”
พูดจบ เขาก็กระพริบตาใส่เจียงหลี “เจ้าคือผู้ที่ได้รับคัดเลือก!”
“…” เจียงหลีรู้สึกเหมือนตัวเองติดกับ แต่นางก็ได้เข้าใจเรื่องราวจากที่หนานอู๋เฮิ่นเล่ามาแล้ว จุดประสงค์ที่ฮวงเสินก่อตั้งสถาบันไป๋หยวนที่หนานฮวงก็จะเพื่อรวบรวมคนที่มีความสามารถ
“ใช่แล้ว ข้าต้องเตือนเจ้า เมื่อถึงซีฮวงแล้ว เจ้าต้องพยายามอย่าเปิดเผยว่าเจ้ามาจากหนานฮวง ถ้าหากเจอกับศัตรู แล้วสู้ไม่ได้ กลับไปก็จะทำให้หนานฮวงวุ่นวาย เช่นนั้นก็…” หนานอู๋เฮิ่นสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา
เจียงหลีแววตาเย็นชา สีหน้าเยือกเย็นแล้วพยักหน้ารับทราบ
“พอแล้ว เจ้ารู้เรื่องคร่าวๆ ก็พอแล้ว รอให้ไปถึงซีฮวงแล้วเข้าสู่ฮวงเสิน ก็จะมีคนเล่าเรื่องของซีฮวงให้เจ้าฟัง” หนานอู๋เฮิ่นจบการสนทนาในครั้งนี้
หลังจากนั้น วันเวลาที่อยู่ในทะเล เจียงหลีก็ตั้งใจฝึกฝนอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของหนานอู่เฮิ่น เวลาว่างทั้งสองก็จะคุยกันเรื่องซีฮวง
เจียงหลีก็ถามหยั่งเชิงหนานอู๋เฮิ่น ในซีฮวงมีตระกูลที่มีร่างกายค่อนข้างพิเศษหรือไม่ แต่หนานอู๋เฮิ่นกลับไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจน
เดิมอยากจะสืบเรื่องตระกูลของแม่ ทุกวันนี้ก็ทำได้แค่นี้
เรือได้ล่องอยู่ท่ามกลางทะเลมาเป็นเวลาสิบเอ็ดเดือนแล้วอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“สองสามวันมานี้กระแสลมราบรื่น พวกเราอาจจะถึงฝั่งก่อนสิบกว่าวัน” ยามกลางคืน หนานอู๋เฮิ่นสังเกตท้องฟ้าและดวงดาว แล้วก็พูดกับเจียงหลี
เจียงหลีเงยหน้าแล้วมองไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ในที่สุดก็จะถึงแล้ว ข้าอยู่ในทะเลจนจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว”
ต้องติดอยู่บนเรือทุกวัน มีหนานอู๋เฮิ่นอยู่ด้วย นางจะเข้าสู่เสี่ยวหมีเจี้ยจื่อก็ไม่สะดวก ช่วงเวลานี้จะทำนางอึดอัดตายอยู่แล้ว
ทันใดนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของหนานอู๋เฮิ่นก็หายไป แล้วเขาก็ขมวดคิ้ว แววตามีความเคร่งขรึม แล้วพูดขึ้นว่า “แปลกๆ”
เจียงหลีก็รู้สึกแปลกประหลาด เมื่อครู่ยังมีดวงดาวเต็มท้องฟ้าไปหมด แต่ตอนนี้กลับหายเกลี้ยง ท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดมิด เหมือนว่ามีพลังที่แกร่งแข็งกำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบๆ
เปรี้ยง!
ทันใดนั้น บนท้องฟ้าที่มืดมิดก็มีสายฟ้าแลบ เกือบจะผ่าท้องฟ้ายามค่ำคืนแตกสลาย
เจียงหลีมองฟ้าแลบด้วยความประหลาดใจ และนางก็เห็นท้องฟ้าที่มืดมิดค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง
เปรี้ยงๆ!
แล้วก็มีสายฟ้าสองสายผ่าลงยังที่ไกลๆ ในทะเล
เปรี้ยง!
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ลมก็กระโชกแรง ทะเลที่เดิมทีสงบ ทันใดนั้นก็มีคลื่นแรง เรือโคลงเคลงไปมา เหมือนว่าจะถูกคลื่นยักษ์ซัดจมลงใต้ทะเลลึกได้ตลอดเวลา
“ระวัง!” หนานอู๋เฮิ่นมือหนึ่งจับขอบเรือ อีกมือหนึ่งจับเจียงหลีที่กระเด็นออกไป