บทที่ 23 ไม่มีใจไม่รู้สึกและไม่ใส่ใจ

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

หลินจือไม่อยากจะเผชิญหน้ากับความโกรธที่แปลกประหลาดของเทาเท่ในเมื่อเธอได้พูดมันอย่างชัดเจนไปแล้ว ก็จึงหันหลังและจากไปโดยไม่รีรอ

ด้วยความโกรธเทาเท่ดึงเธอกลับแล้วกดเธอแนบไปกับตัวรถ ระยะห่างของทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก ใกล้จนต่างฝ่ายต่างได้กลิ่นที่คุ้นเคยแต่ก็เหินห่างของกันและกัน

เมื่อสบตากัน เทาเท่รู้สึกราวกับหายใจขัดอย่างอธิบายถูก

อันที่จริงแล้วเค้าโครงหน้าและคิ้วของหลินจือนั้นน่าหลงใหลมาก ทุกสัดส่วนผสมผสานกันได้อย่างลงตัวและสวยงาม

วันนี้เธอแต่งหน้ามาด้วย อายไลเนอร์ที่เรียวยาวยกหางตาเธอขึ้น ทำให้เธอดูมิติที่หลากหลาย

เทาเท่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไรไป ตอนที่ยังไม่หย่ากันเขามองเธอขวางหูขวางตาไปหมด เมื่อคิดถึงเธอที่ใช้เล่ห์กลอุบายอันน่ารังเกียจกับเขาก็ยิ่งขยะแขยงเธอมากขึ้น ใครจะไปคิดว่าหลังการหย่าไปแล้วหนึ่งปี ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าเธอมีเสน่ห์อย่างมากมากจนทำเอาหัวใจเต้นโครมคราม

นี่มันเรื่องบ้าอะไร

ในขณะที่เทาเท่กระสับกระส่าย หลินจือกลับสงบนิ่งอย่างมาก คิ้วที่ขมวดเข้าหากันเห็นชัดว่าเธอเริ่มจะไม่พอใจแล้ว

“ประธานเทาเท่ คุณกำลังทำอะไร ? แสดงความรักกับภรรยาเก่างั้นเหรอ ?”เสียงที่เยาะเย้ยของเธอดังขึ้น ดึงเอาสติของเทาเท่กลับมา

เขากักเก็บความสับสนและความแปลกประหลาดในใจ เปิดประตูรถออกและดันเธอเข้าไปในที่นั่งข้างคนขับ“ขึ้นรถ!”

เขาทำขนาดนี้แล้วหลินจือก็ไม่ขัดขืนอะไรอีก คาดเข็มขัดนิรภัยจากนั้นก็หันมองออกไปนอกหน้าต่าง

เขายังคงเผด็จการและหยาบคาย ไม่เคยสนใจความรู้สึกของเธอเลยสักครั้ง

เทาเท่หยิบน้ำเย็นขวดหนึ่งจากตู้เย็นมินิในรถยนต์ยื่นให้หลินจือ“ คุณเอาไปประคบก่อน”

หลินจือรับมันมาแล้วพูดขอบคุณเสียงเบา“ ขอบคุณ”

เทาเท่สตาร์ทรถแล้วขับออกไป ทั้งสองคนไม่มีใครพูดอะไรสักคำ บรรยากาศในรถก็จึงเงียบสงบ

เมื่อรถจอดติดสัญญาณไฟจราจร เทาเท่หันมองมายังหลินจือก็เห็นเธอกำลังก้มมองแผลที่แขนของเธอพอดี คิ้วที่ได้รูปค่อยๆขมวดเข้าหากัน

เขาคิดว่าเธอขมวดคิ้วเพราะความเจ็บ ก็จึงถามออกไปเพราะเหตุการณ์พาไป“เจ็บมากเหรอ?”

หลังจากที่ถามคำถามนี้ออกไปเทาเท่เองก็รู้สึกตกใจ เขามีความสนใจแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน ?

จากนั้นเขาก็พูดปลอบตัวเอง แผลที่แขนของเธอเป็นฝีมือของน้องสาวเขา เขาจะเป็นห่วงมันก็เป็นเรื่องที่สมควร

ความสนใจและความเป็นห่วงของเขาทำหลินจือขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีก เธอหลุบตาลงและตอบอย่างเฉยเมย “ไม่เท่าไร”

ความเจ็บปวดทางกายแค่นี้ หากเทียบกับความเจ็บปวดทางใจที่เขาได้เคยทำมันไว้กับเธอแล้ว แผลแค่นี้เทียบอะไรไม่ได้เลย

เมื่อครู่ที่เธอขมวดคิ้วแล้วนั่งเหม่อมองดูข้อมือ เพราะเธอรู้สึกหงุดหงิดที่ตัวเองมานั่งอยู่บนรถกับเทาเท่แบบนี้ หงุดหงิดที่เมื่อกี้ตัวเองทำไมถึงไม่ขัดขืนแล้วเดินทางมาที่โรงพยาบาลคนเดียว

คำพูดที่ว่า“ไม่เท่าไร”ของหลินจือ ก็พูดตัดบทสนทนาทุกอย่าง และพอดีกับสัญญาณไฟเขียว เทาเท่ก็จึงตั้งใจขับรถแล้วมุ่งตรงไป

หลังจากที่ขับไปได้สักพักเขาก็ถามขึ้นอีกครั้งว่า“ รู้จักอาจารย์ครูสด้วยเหรอ?”

ครูสเป็นนักเขียนบทที่มีชื่อเสียง เทาเท่ก็จึงใช้คำเรียกขานว่าอาจารย์

เมื่อครู่ครูสมีท่าทีเป็นห่วงหลินจือ เห็นชัดว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งสองนั้นสนิทกันมาก ซึ่งมันทำให้เทาเท่รู้สึกประหลาดใจ เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าหลินจือกับครูสนั้นรู้จักกัน

หลินจือตอบกลับอย่างไม่เต็มใจ “อืม”

อันที่จริงเธอไม่อยากจะคุยอะไรกับเทาเท่เลยสักคำ ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ได้สนิทกันแล้ว

หลินจือกำลังสวดอ้อนวอนขอให้เทาเท่รีบๆหุบปาก ก็ได้ยินเขาถามอย่างไม่จบไม่สิ้นอีกครั้งว่า“ รู้จักกันได้อย่างไร ? ”

หลินจือเม้มริมฝีปาก ปิดปากเงียบเลี่ยงไม่ตอบคำถาม

ครั้งที่แล้วพวกเขาเจอกันที่เบลดิ้ง หากเขาอยากรู้ แค่ลองถามใครดูก็รู้แล้วว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่

เห็นชัดว่าเขาไม่มีใจ ไม่รู้สึก และไม่ได้ใส่ใจเลย