บทที่ 24 ให้เงินเทาเท่หนึ่งร้อยหยวน

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

หลินจือไม่ตอบเขา ทำเอาเทาเท่หงุดหงิดมาก

หลังจากที่หย่ากันไปแล้วนิสัยของเธอก็ชักกำเริบหนักขึ้น หนักถึงขั้นไม่ตอบคำถามของเขา

แค่มารยาทขั้นพื้นฐานเธอก็ไม่มีมันแล้วเหรอ?

นอกจากนี้ ตัดความสัมพันธ์ของอดีตสามีและภรรยาของพวกเขา เธอไม่กลัวว่าเขาจะกลั่นแกล้งหรือสร้างความเดือดให้เธอหรือไง ?

ด้วยสถานะและอำนาจของเขา สามารถทำเธอไร้ที่ยืนในเมืองนี้ได้ทุกเมื่อ

เหอะ

ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนที่ไม่เคยล้มลุกคลุกคลานมาก่อน แค่พื้นฐานการเอาตัวรอดทั่วไปในที่ทำงานก็ยังไม่รู้เลย

นิสัยแบบนี้ของเธอ ยังต้องเจอกับความลำบากที่ตามมาอีกมาก

ถึงเวลานั้นต้องมานั่งร้องห่มร้องไห้ที่ทิ้งตำแหน่งสะใภ้ตระกูลฟอเรนาไปอย่างแน่นอน เขาในตอนนั้นให้เธอแทบทุกอย่างนอกจากความรัก เธอกับพ่อและพี่ชายที่ไม่เอาไหนของเธอมีกินมีใช้ไปตลอดชีวิตโดยไม่ต้องมาเป็นกังวล

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เทาเท่ก็คิดไปถึงเหตุการณ์ในตอนนั้นที่หลินจือขอหย่ากับเขาต่อหน้าผู้คนมากมายและทำเอาเขาเสียหน้ามาก ไฟในอกก็ปะทุขึ้นลูกแล้วลูกเล่า ความเร็วของรถที่ขับอยู่ก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

หลินจือที่อยู่ข้างๆเห็นว่าเขาเร่งความเร็วมากขึ้นก็จึงพูดเตือน“ประธานเทาเท่ คุณขับรถเร็วแบบนี้ ไม่กลัวอุบัติเหตุเลยหรือไง ?”

คำเตือนของหลินจือทำให้เทาเท่เย็นลงเล็กน้อย คันเร่งที่เหยียบอยู่ก็ผ่อนให้มันช้าลง

เขายิ้มเยาะและพูดว่า “กลัวตายเหรอ?”

“คนที่มีทรัพย์สมบัติมากมายอย่างคุณยังไม่กลัวเลย แล้วฉันมีอะไรให้ต้องกลัวละคะ?”น้ำเสียงของหลินจือผ่อนคลายอย่างมาก“ เพียงแต่ว่าหากคุณตายไปพร้อมกับฉันแล้วมันจะมีค่าอะไร ตายไปพร้อมกับคนที่คุณรักมันจะน่าจดจำมากกว่าไม่ใช่เหรอคะ ? ”

กว่าที่ไฟแห่งความโกรธของเทาเท่จะมอดลงได้แต่แล้วก็ถูกคำพูดนี้ของเธอจุดมันจนลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง หากไม่ใช่เพราะเธอยังมีแผลที่แขน เขาคงไล่เธอลงจากรถไปในทันที

ทั้งสองคนเดินทางมาถึงโรงพยาบาลด้วยบรรยากาศที่ขมุกขมัว เทาเท่พาหลินจือไปหาไวท์ในทันที

ไวท์เป็นเพื่อนของเทาเท่ และเป็นศัลยแพทย์ที่มีชื่อเสียง

ทันทีที่ไวท์เห็นหลินจือก็อุทานออกมาทันที“หลินจือ?”

ไวท์กับโซเมนเหมือนกัน พวกเขารู้เรื่องราวที่ผ่านมาของเทาเท่กับหลินจือเป็นอย่างดี ดังนั้นเมื่อเขาเห็นคนทั้งสองที่หย่ากันแล้วมาโผล่พร้อมกันในที่ทำงานของเขาก็จึงประหลาดใจมาก

หลินจือพูดเข้าประเด็นทันทีว่า“สวัสดีค่ะ หมอไวท์ ช่วยดูแผลของฉันให้หน่อยว่าเป็นอะไรมากไหม ถูกกาแฟร้อนลวกใส่”

ไวท์ก็เพิ่งมาได้สติรีบรับคำ“ได้สิได้”

ไวท์จับไปที่ข้อมืออันขาวนวลของหลินจือแล้วสำรวจดูอย่างละเอียดอยู่สักพักก็จึงพูดขึ้นว่า“ ไม่ได้เป็นอะไรมาก ยังดีที่กาแฟซื้อมาสักพักแล้วความร้อนก็จึงลดลง ไม่ได้ทำร้ายชั้นหนังแท้ก็จึงไม่มีแผลพุพองและไม่ทิ้งรอยแผลเป็น แต่ก็คงจะแดงแบบนี้อยู่สักสองสามวัน และจะมีอาการปวดแสบปวดร้อนอยู่บ้าง”

“ผมจะจ่ายเป็นยาทาให้คุณ เพื่อบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อน”

การรักษาของไวท์ก็ยังคงเป็นมืออาชีพอย่างมาก หลินจือพยักหน้าและกล่าวขอบคุณ“ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ”

หลังจากที่ไวท์เขียนใบสั่งยาเสร็จหลินจือก็เตรียมจะลุกแล้วออกไปรับยา โดยไม่สนใจเทาเท่ที่ยืนอยู่ข้างๆเลยแม้แต่น้อย

แต่เธอเดินไปได้แค่ไม่กี่ก้าวก็หยุดลง ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่จากนั้นก็หยิบธนบัตรหนึ่งร้อนหยวนออกจากกระเป๋า

เธอเดินมาหยุดลงตรงหน้าเทาเท่หยิบธนบัตรนั้นยัดลงไปในกระเป๋าเสื้อของเขาแล้วพูดว่า“ประธานเทาเท่ ขอบคุณที่พาฉันมาส่งที่โรงพยาบาล นี่คือค่ารถ ไม่ต้องทอนค่ะ”

หลังจากที่หลินจือพูดจบก็ไม่ได้สนใจไวท์ที่กำลังอ้าปากค้างและเทาเท่ที่มีสีหน้ามืดมน เธอหันหลังและเดินจากไปทันที

หลินจือรู้ว่าเทาเท่ไม่รับเงินของเธออย่างแน่นอน ดังนั้นก็จึงต้องยัดแบงก์ร้อยนั้นให้เขาไป

เธอไม่อยากจะเป็นหนี้เขาแม้แต่บาทเดียว

ไวท์มองการกระทำของคนทั้งสองอย่างอึ้งๆ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังฝันอยู่

ไม่เจอหลินจือมาหนึ่งปี ไวท์รู้สึกหลินจือเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน ดูเหินห่างและเย็นชาจนเหมือนเขาไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน