หลังจากที่ลูเซียนเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว จากนั้นเขาก็ออกจากโถงสวดมนต์ไปที่ประตูข้าง
ไม่ไกลจากที่นี่เขาเห็นรถม้าสองสามคันอยู่ด้านหน้า วิกเตอร์ โจเอลและครอบครัวของเขา
ทันใดนั้นลูเซียนก็มีความรู้สึกตื่นเต้นมาก เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ และเดินไปหาพวกเขา
“ยินดีด้วย ลูเซียน ข้าภูมิใจในตัวเจ้ามาก” วิกเตอร์เดินมาหาลูเซียนและกอดเขาเป็นการใหญ่” เจ้ารู้สึกไม่สบายใจหรือเปล่าลูเซียน” วิกเตอร์นั้นรับรู้อะไรบางอย่างจากลูเซียนได้
“ขอบคุณท่านวิกเตอร์” ลูเซียนบังคับให้บนใบหน้าของเขามีรอยยิ้ม “ข้าสบายดี แค่เหนื่อยนิดหน่อย”
“ข้ารู้” วิกเตอร์แสดงให้เห็นว่าเขาเข้าใจความรู้สึกของลูเซียน “การเดี่ยวเปียโนสามเพลงติดต่อกันมันค่อนข้างเหนื่อยไม่ว่าจะนักเปียนโนคนไหนๆ ก็ตาม”
จากนั้นวิกเตอร์ก็ตบไปที่หลังลูเซียนเบาๆ “คืนนี้พักผ่อนให้เต็มที่ เพราะคืนพรุ่งนี้เราจะฉลองความสำเร็จของเจ้ากัน”
“พรุ่งนี้?” งานฉลองของลูเซียนดูเหมือนจะค่อนข้างเร็วไปหน่อย
“ใช่” วิกเตอร์ตอบ “เพราะสองสามวันถัดจากนี้ข้าจะออกจากอัลโตแล้ว”
“ท่านจะไปไหน ท่านวิกเตอร์?” ลูเซียนไม่ได้คิดว่าจะเป็นวิกเตอร์ที่เป็นคนบอกลาเขาก่อน
“หลังจากการแสดงเมื่อปีที่แล้ว” วิกเตอร์ยิ้ม “ข้าได้รับคำเชิญมากมายจากเมืองอื่นๆ แต่ที่ข้ายังอยู่ที่อัลโต้เพราะในเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับการเรียนดนตรีของเจ้า แต่ตอนนี้เจ้าเป็นนักดนตรีที่ยอดเยี่ยมแล้วและเจ้าก็เพิ่งจัดการแสดงครั้งแรกเรียบร้อย มันถึงเวลาที่ข้าจะเริ่มต้นเดินทางครั้งใหม่เพื่อหาแนวคิดเกี่ยวกับดนตรีใหม่ๆ แล้วละ”
“ล็อตต์กับข้าจะไปกับท่านวิกเตอร์ด้วย” เฟลิเซียพยักหน้า “พวกเราทุกคนเป็นลูกศิษย์ของท่านวิกเตอร์ แต่ตอนนี้เจ้าเป็นนักดนตรีที่ยอดเยี่ยมแล้วและแน่นอนว่าเราจะไม่ยอมถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง” เฟลิเซียยิ้มหวาน
ลูเซียนรู้สึกว่ามันเป็นโอกาสที่ดีที่จะประกาศการเดินทางของเขาเช่นกัน
การตระเวนจัดการแสดงดนตรี… นั่นคือสิ่งที่ข้าคิดมาตลอด” ลูเซียนพูดกับพวกเขาอย่างจริงจังว่า “บอกตามตรงการแสดงครั้งนี้ ข้าได้ใช้ความคิดเกี่ยวกับดนตรีทั้งหมดที่ข้าได้เรียนรู้แล้ว และข้าก็รู้สึกว่าข้าต้องออกเดินทางจากอัลโต้เพื่อออกไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ มากขึ้น”
“ข้าภูมิใจในตัวเจ้ามาก” วิกเตอร์มองเข้าไปในดวงตาของลูเซียน “ทัศนคติที่จริงจังของเจ้าที่มีต่อดนตรีจะทำให้เจ้าเป็นหนึ่งในนักดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ข้าหวังว่าลูกศิษย์ของข้าจะไปได้ดีกับทุกอย่างที่คิดหวัง”
“ข้าก็เช่นกัน” ลูเซียนกอดวิกเตอร์ด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้ง “หวังว่ามันจะเป็นการเดินทางที่ยอดเยี่ยม”
จากนั้นลูเซียนก็หันกลับไปกอดโจเอลและอะลิซ่าพร้อมพูดว่า “ข้าขอโทษ… ตอนนี้ ข้ากลัวว่าข้าจะไม่ได้ทำพิธีสู่ความความเป็นผู้ใหญ่ในอัลโต้”
วันเกิดของลูเซียนคือวันที่ 26 กรกฎาคม
“ไม่ต้องขอโทษหรอกลูเซียน เราเข้าใจแม้ว่าเราจะคิดถึงเจ้ามาก” โจเอลหัวเราะและตบไหล่ของลูเซียน “อะลิซ่ากับข้า…” เสียงของเขาสั่นเล็กน้อย
“เราภูมิใจในตัวเจ้าเสมอ” อะลิซ่าพูดจบแล้วก็หันไปพูดกับโจเอลว่า “มาเถอะ… ไม่เอานาโจเอล อีวานส์ตัวน้อยจะกลับมาเร็วๆ นี้แน่นอน”
อะลิซ่ามองลูเซียนด้วยความหวัง “ใช่ไหม”
ลูเซียนอ้าปากเล็กน้อย แต่ไม่รู้จะตอบคำถามของอะลิซ่าอย่างไร เขารีบพยักหน้าแล้วหันไปหาเฟลิเซียแล้วกอดนางเพื่อปกปิดความอึดอัดและความเศร้าของเขา
“การบรรเลงและความเข้าถึงดนตรีของเจ้านั้นยอดเยี่ยมมากลูเซียน!” เฟลิเซียตื่นเต้นมาก “เปียโนนะเป็นราชาของเครื่องดนตรีทั้งหลาย!”
ลูเซียนยังจำคำสัญญาของเขาที่ให้ไว้กับเฟลิเซียและเอเลน่าได้ “ข้าจะจัดการเขียนและเรียบเรียงความรู้เกี่ยวกับเปียโนก่อนที่ข้าจะไป”
“ขอบคุณนะ นักดนตรีที่ยอดเยี่ยมของเรา” ใบหน้าของเอเลน่าเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น
จากนั้นลูเซียนก็กอดจอห์นเพื่อนของเขา “ข้าหวังว่าเจ้าจะได้เป็นอัศวินแล้วเมื่อเราได้พบกันอีกครั้ง”
จอห์นตอบอย่างหนักแน่น “แน่นอน ขอให้โชคดีเพื่อนของข้า”
บทสนทนาระหว่างเพื่อนที่ดีนั้น มักจะเรียบง่าย แต่ลึกซึ้งเสมอ
แล้วลูเซียนก็คำนับทุกคนโดยวางมือซ้ายบนหน้าอกของเขาและพูดกับพวกเขาอย่างจริงใจว่า “ขอให้พวกท่านไปได้ดีแม้ว่าจะไม่มีข้าอยู่ด้วย”
…
วันต่อมาลูเซียนใช้เวลาเกือบทั้งวันในการพบปะกับผู้มาแสดงความยินดีหลายคนและในเวลากลางคืนเขาก็ฉลองความสำเร็จในของการแสดงของเขากับแขกทุกคนที่มาร่วมงาน
เมื่อรุ่งอรุณมาถึงแขกทุกคนก็เริ่มเดินทางออกจากบ้านของลูเซียน ความเงียบนั้นช่างเหมือนกับความสุขที่กำลังหายไป ลูเซียนกลับไปที่ห้องนอนของเขาและรอคอยไรน์ที่ซึ่งสัญญากับลูเซียนว่าเขาจะมาพบหลังจากงานเลี้ยง
หลังจากการรอคอยอันยาวนานจนลูเซียนเกือบจะหมดความอดทน และในตอนนี้เองเขาก็ได้ยินเสียงเคาะที่หน้าต่างห้องนอน
ลูเซียนรีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วหันไปมองที่หน้าต่าง
นั้นคือนาตาซาและคามิลที่ยืนอยู่ ลูเซียนรู้สึกขบขันอยู่บ้าง แล้วจึงเปิดหน้าต่างออกไป
นาตาซาที่สวมชุดยาวนางดูอายเล็กน้อยจนกระทั่งนางพูดแก้เขินว่า “ฮ่า ฮ่า เจ้ารอข้าอยู่หรือเปล่า? เพราะเจ้าดูรีบมาจัง”
“ใช่” เขาพูดติดตลก “นั้นเพราะฝ่าบาทไม่ได้มาในงานเลี้ยงของกระหม่อมในคืนนี้”
“ข้าขอโทษลูเซียน” นาตาซาขอโทษด้วยความจริงใจ “ข้าอยากมานะ แต่ข้าต้องเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงส่งขุนนางจากเมืองอื่นในวังคาร์เทียร์ แต่ตอนนี้ ข้าอยู่ที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของที่ปรึกษาของข้า”
“กระหม่อมซาบซึ้งมาก ฝ่าบาท” ลูเซียนยิ้ม
“อืม… นอกจากจะมาแสดงความยินดีกับเจ้าในคืนนี้แล้ว” นาตาซายิ้ม “ข้าอยากเชิญเจ้า ไปเยี่ยมชมพระราชวังคาร์เทียร์กับข้า ในวันพรุ่งนี้ ซิลเวียและพ่อของนางก็จะไปเช่นกัน”
พระราชวังคาร์เทียร์เป็นบ้านของตระกูลไวโอเล็ตที่ซึ่งตั้งอยู่ในเขตชานเมืองที่ครอบครองพื้นที่อันกว้างใหญ่ของอัลโต้
“ขออภัยพะยะค่ะฝ่าบาท กระหม่อมเกรงว่าจะไม่สามารถไปได้” ลูเซียนตอบ จากนั้นเขาบอกนาตาซาเกี่ยวกับแผนการเดินทางของเขา
นาตาซาดูตื่นเต้นมาก “ช่างเป็นการเดินทางที่น่าอิจฉา! ข้าหวังว่าข้าจะสามารถเดินทางไปรอบๆ เหมือนกับเจ้า!”
หลังจากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นสั้นๆ กับลูเซียนเกี่ยวกับความสำคัญที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองต่างๆ ในทวีปนั้น นาตาซาก็เปลี่ยนหัวข้อและถามลูเซียนอย่างเขินอายนิดหน่อย “ลูเซียน เจ้าแต่งทำนองเพลงที่บรรเลงในคืนนั้นหรือยัง… ทำนองเพลงที่เจ้าบรรเลงท่ามกลางแสงจันทร์? ข้าต้องการบรรเลงเพลงนั้นเพื่อซิลเวีย…”
“กระหม่อมเพิ่งจะแต่งท่อนแรกเสร็จเท่านั้นพะยะค่ะ…” ลูเซียนค่อนข้างลังเล “กระหม่อมจะเรียกมันว่า ‘โซนาตาแห่งแสงจันทร์’”
“ข้าขอฟัง ได้ไหม” นาตาซาร้องขออย่างกระตือรือร้น
“แน่นอนพะยะค่ะ” ลูเซียนนั่งลงต่อหน้าเปียโนพร้อมทั้งวางมือของเขาบนแป้นคีย์
การเปิดตัวนั้นทั้งช้าและสงบ เพลงอธิบายถึงภาพทะเลสาบที่ส่องแสงในคืนเดือนหงาย สายลมอ่อนๆ กระเพื่อมบนผิวน้ำราวกับมือของหญิงสาว
หัวใจของนาตาซาเต็มไปด้วยความสุขและความเศร้าโศก ทุกสิ่งภายใต้แสงจันทร์ที่ปรากฏในโซนาตานั้นสวยงามราวกับภาพฝัน
เพลงช่วงแรกค่อนข้างสั้นเพียงไม่กี่นาที นาตาซาพยักหน้าและมองลูเซียนด้วยความชื่นชม “ช่วงแรกของเพลงน่าประทับใจมาก! ข้าแน่ใจว่าซิลเวียจะต้องชอบมัน!”
แล้วนางก็โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย “เจ้าคิดว่าข้าควรพูดอะไรกับซิลเวียหลังจากบรรเลงโซนาตาแห่งแสงจันทร์ในท่อนแรก”
“จดจำข้า เมื่อใดก็ตามที่เจ้าเห็นพระจันทร์*” ลูเซียนโพล่งออกมาทันที
“ว้าว…” นาตาซาดูประทับใจมาก “มันน่าทึ่งจริงๆ”
จากนั้นเจ้าหญิงก็ยืนขึ้นแล้วพูดกับเขาว่า “ข้าดีใจที่มีเจ้าเป็นที่ปรึกษาและเพื่อนนะ แต่ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะกลับมาเมื่อไหร่ แต่ข้าแน่ใจว่าเราจะได้พบกันอีกไม่ช้าก็เร็ว”
ลูเซียนถอนหายใจ แต่ไม่ได้พูดอะไรเป็นพิเศษ “กระหม่อมก็ดีใจที่ได้เป็นเพื่อนของฝ่าบาท โปรดรักษาพระวรกายของพระองค์ด้วย”
หลังจากที่นาตาซาและคามิลกลับไปแล้ว ลูเซียนก็ยังคงรอไรน์อยู่
ประมาณสิบนาทีต่อมาไรน์ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูหน้าบ้านของลูเซียน ลูเซียนก็ลงไปชั้นล่างเพื่อเปิดประตูให้เขา
“อยากออกไปเดินเล่นท่ามกลางแสงจันทร์ไหม ลูเซียน?”
ในคืนนี้ไรน์ก็ยังคงแต่งกายด้วยชุดสีดำแดงเช่นเดิม
……………………………………….