บทที่ 459 พี่หู่

บทที่ 459 พี่หู่

เมื่อเจ้าของเสียงโวยวายปรากฏตัวขึ้น ผู้อาศัยหลายคนก็มีหน้าตาตื่น

ถึงอย่างไรก็เป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลใต้ดินในย่านนี้ พวกเขาจึงเคยได้ยินกิตติศัพท์ของคนเหล่านี้มาแล้ว

พวกมันไม่ใช่คนใจดี

ไม่กี่วินาทีต่อมา ชายร่างโตเจ็ดแปดคนก็กรูกันเข้ามาด้านในห้อง

ยังมีอีกเป็นสิบคนเฝ้าอยู่ด้านนอก!

บรรยากาศน่ากลัวไม่น้อย

“ใคร? ใครหน้าไหนมันกล้ามามีแตะต้องผู้หญิงของฉัน?”

คนพูดคือชายวัยกลางคนในเสื้อเชิ้ตดำ หน้าอกเต็มไปรอยสัก

“พี่หู่ ไม่ใช่คนพวกนี้ แต่เป็นไอ้เวรในห้องนี้ต่างหาก!”

“ฮ่า ๆ พี่รู้ว่าไอ้ขี้ขลาดพวกนี้ไม่กล้าทำอะไรเธอหรอก”

ชายที่ถูกเรียกว่าพี่หู่กวาดสายตามองไปโดยรอบพลางยกยิ้มเย้ยขึ้น

แม้ผู้อาศัยจะต้องการชมเหตุการณ์ตรงหน้าต่อ หากแต่ด้วยกลัวโดนลูกหลง พวกเขาต่างหลบเข้าห้องของตนเองไป

อวี้ฮ่าวหรานยังคงอยู่ในห้อง เขายื่นมือออกไปหยิบตุ๊กตาบนโต๊ะ เมื่อมองไปยังฝ่ายตรงข้ามทีละคน แววชื่นชมเผยผ่านหว่างคิ้วเล็กน้อย

ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใส่ใจคนและเหตุการณ์ภายนอกห้องเลย

ถึงได้เข้ามาถึงตัวเขาได้ขนาดนี้

“ไอ้เวรนี่! อวดดีไปเถอะ เดี๋ยวพ่อจะเล่นงานให้ขาหักเลย!”

พี่หู่ก้าวอาด ๆ มาหน้าประตู เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งอยู่ในห้อง

อีกฝ่ายดูไม่แยแสเขาแต่อย่างใด อวี้ฮ่าวหรานมองหน้าเขา

“ตามใจ แต่ฉันไม่อยากทำที่นี่ ทำไมเราไม่ลงไปด้านล่างล่ะ?”

เขาไม่ต้องการมีเรื่องที่นี่…

หากแต่ไม่มีใครในโลกจะพูดเช่นนั้น เมื่อประโยคเรียบเฉยนี้หลุดออกมา อวี้ฮ่าวหรานจึงแอบรวมพลังวิญญาณเอาไว้ที่ฝ่ามือ

“พี่หู่ พามันลงไปฆ่าข้างล่างเถอะ! อย่าทำในห้องฉันเลย มันไม่เป็นมงคล”

หญิงสาวโพล่งบอกขึ้น

เธอยังนึกถึงว่าตนเองยังต้องปล่อยเช่าห้องนี้ต่อ หากทำให้คนย้ายหนีไปหมดจะไม่คุ้มกับการขาดทุน

“ได้! ฉันเองก็อยากจะรู้ว่ามันจะเล่นแง่อะไรอีก”

พี่หู่ซึ่งตั้งท่าจะลงมือ เมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาผละมือและชะงักไปชั่วครู่

เมื่อเห็นแบบนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็หันหลังเดินตามไป

เขาไม่ต้องการมีเรื่องที่นี่หากไม่จำเป็นจริง ๆ อีกทั้งสิ่งของในห้องนี้ เขาคิดว่ามันมีคุณค่าที่ต้องเก็บรักษาเอาไว้

ทั้งหมดลงมาชั้นล่าง เดิมทีมีเพียงผู้อาศัยที่มุงดู เมื่อลงมาชั้นล่าง จึงยิ่งมีผู้คนห้อมล้อมภายในไม่กี่นาที

“พี่หู่จะลงมืออีกแล้ว! พ่อหนุ่มคนนั้นแย่แน่”

“น่าสงสารจริง ๆ ไม่รู้ว่าไปมีเรื่องกับพี่หู่ได้ยังไง ชีวิตเขาจบเห่แน่”

“ได้ยินว่าจะหักแขนขา ดูสภาพผู้หญิงของพี่หู่สิ หน้าบวมไปหมด ไม่แปลกที่พี่หู่จะยกพวกมาที่นี่วันนี้”

“…”

กลุ่มคนที่มุงดูพูดคุยจอแจ บ้างเห็นใจ บ้างก็เยาะเย้ย แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้

เป็นธรรมดาที่ผู้คนจะชินชา พี่หู่เป็นผู้มีอิทธิพลในย่านนี้

“ไอ้เวร! บอกมา จะให้ฉันหักขาข้างไหนก่อน? หรือจะให้ฉันหักมือแกก่อนดี?”

พี่หู่ยกกระบอกเหล็กในมือพลางส่งสีหน้าเหี้ยมโหด

เมื่อได้ยินเช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้น พร้อมท่าทียียวน

“ข้างนี้ แต่ก็เอาที่ขาด้วย ยากเกินไปไหม?”

“เหอะ ได้ จ่ายให้ผู้หญิงของฉันสิบล้านแล้วจะปล่อยแกไป! ไม่อย่างนั้นจะไม่เหลือมือเท้าเอาไว้ให้!”

พี่หู่หัวเราะร่า ก่อนจะเก็บสีหน้าหลังว่าจบ

“พี่หู่! อย่ามัวเล่นลิ้นกับมันเลย รีบจัดการมันสิ! ฉันอยากให้มันคลานต่อหน้าฉันเหมือนแมลง! ดูสิว่าต่อไปจะมีใครกล้ามาแตะต้องฉันอีก!”

หญิงสาวปากแหลมแก้มตอบเป็นลิงโพล่งขึ้นเมื่อเห็น

“ได้! ฉันจะให้มันคลานต่อหน้าเธอเหมือนแมลงให้ดู!”

แววตาของพี่หู่เหี้ยมเกรียมเมื่อได้ฟังคำเธอ เขาเพียงแค่พูดหยอกเล่น ไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายจะมีปัญญาจ่ายเงินสิบล้านจริง ๆ

คนรวย ๆ จะมาโผล่อยู่ที่ตึกเก่า ๆ แบบนี้ได้อย่างไร?

พี่หู่เหวี่ยงกระบองเหล็กในมือขณะก้าวไปหาชายหนุ่มซึ่งเผยท่าทีสบายใจราวกับมาเดินเล่น

“ชิ ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันหงุดหงิดกับมือของแกมาก จัดการเป็นอันดับแรกแล้วกัน!”

“ได้สิ เข้ามาเลย”

อวี้ฮ่าวหรานว่าเสียงเรียบ ท่าทีตอบสนองของเขาทำให้ทุกคนตะลึง

“ไอ้บ้านี่ นิ่งขนาดนี้เลยเหรอ? ไม่กลัวบ้างหรือไง?”

“ใช่แล้ว ท่าทางของคนที่จะถูกตัดมือตัดขาเป็นแบบนี้เหรอ?”

“…”

ทุกคนต่างงุนงง ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีคนที่นิ่งเฉยขนาดนี้เมื่อเผชิญหน้ากับอันธพาลอย่างพี่หู่

หากเปลี่ยนเป็นพวกเขา คงได้คร่ำครวญร้องขอความเมตตาแล้ว

บางทีอาจจะยังพอมีโอกาส

ณ กลางลาน…

ระยะห่างระหว่างทั้งคู่ไม่ไกล เพียงไม่กี่ก้าว พี่หู่ก็มาถึงตัวอีกฝ่าย

“ซ้ายหรือขวาดีล่ะ?”

เขามองชายหนุ่มที่จ้องหน้าตนด้วยสายตาขบขัน คล้ายพร้อมลงมือทุกเมื่อ

“ฉันไม่อยาก…”

“จัดแม่งเลยแล้วกัน!”

ไม่ทันที่อวี้ฮ่าวหรานจะได้พูดจบ พี่หู่ส่งสีหน้าเยือกเย็น และตวัดกระบองเหล็กฟาดเข้าหน้าอีกฝ่ายทันที!

เสียงโลหะกระทบรุนแรง กระบองนี้หนักมาก หากกระแทกเข้าหน้าคนธรรมดา คงไม่พ้นได้จมูกและฟันหักอย่างแน่นอน!

หากแต่สำหรับอวี้ฮ่าวหรานนั้น มันเป็นเพียงเรื่องขำขัน!

“เคร้ง!”

เสียงดังขึ้น กระบองเหล็กถูกมือแข็งแกร่งทรงพลังของเขาจับคว้าเอาไว้ได้ในพริบตา!

ประกายไฟเกิดขึ้น กระบองเหล็กซึ่งเคยขยับรุนแรงกลับแน่นิ่ง! ลมแรงพัดผ่านผมดำขลับของอวี้ฮ่าวหราน สีหน้าสงบนิ่งไม่ไหวติง

“ทำไมต้องรีบร้อนลงมือด้วย? ฉันยังพูดไม่จบเลย”

“แก!”

พี่หู่ตะลึงงันกับภาพที่เห็น!

เขาเหวี่ยงกระบองเหล็กสุดแรง เร็วเสียจนมองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่กลับถูกคว้าเอาไว้ได้อย่างไร?

เขารู้สึกว่ามือของฝ่ายตรงข้ามเหมือนคีมเหล็ก บีบกระบองเหล็กแน่น แทบจะดึงออกมาจากมือเขา

เมื่อกระบองเหล็กถูกปล่อย พี่หู่ตกอยู่ในอาการนิ่งอึ้ง คิดอยากก้าวถอย หากแต่ความรู้สึกรวดร้าวที่ขากลับปรากฏขึ้น…

“กร็อบ”

“อ๊าก! ขาฉัน! ขาฉัน!”

อวี้ฮ่าวหรานยกมือหักขาอีกฝ่ายในพริบตา!

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นภายในไม่กี่วินาที เมื่อทุกคนได้สติ คนที่ได้ชื่อว่าพี่หู่ก็ลงไปกองกับพื้นเรียบร้อยแล้ว!

“โห! เขา…เขาไม่ใช่คนธรรมดา!”

“เป็นปีศาจมาจากไหน! ฉันมองตามไม่ทันเลย!”

“…”

อวี้ฮ่าวหรานกวาดสายตามองโดยรอบ ก่อนกลับไปสนใจพี่หู่ซึ่งนอนกองอยู่ที่พื้น

“ฉันหักขาแกแล้ว เกมมันเพิ่งเริ่มต้น แกไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”

เขาว่าขึ้นพร้อมสีหน้าน่าสะพรึงกลัว

คนที่เที่ยวข่มเหงรังแกคนอื่นไปทั่วแบบนี้ ไม่คู่ควรแก่การเห็นใจแม้แต่น้อย!

“แกรนหาที่ตายแล้ว! กล้าดียังไงมาหักขาฉัน! พวกมึง! รุมมันเลย! รุมมันซะ!”

พี่หู่เห็นสีหน้าเยือกเย็นของเขา และรู้สึกนึกตระหนกในใจ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ายังตัวเองมีลูกน้องอยู่หลายคน

“เหอะ! เก่งนักใช่ไหม? ฉันจะคอยดูว่าจะรอดไปได้สักที่น้ำ!”