บทที่ 460 ผู้มีอิทธิพล
บทที่ 460 ผู้มีอิทธิพล
“ลุยเลย!”
สิ้นคำสั่ง คนนับสิบกรูเข้าไปอย่างฮึกเหิม! คนโดยรอบหลับตาปี๋ เห็นได้ชัดว่าในสายตาของพวกเขา ผลลัพธ์เป็นที่ชัดเจนอยู่แล้ว
ทว่าในจังหวะนี้…
เอี๊ยด!
ทันใดนั้นเกิดสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิด เสียงดังสนั่นดังลั่นขึ้น! ไม่ทันที่ทุกคนจะได้ลืมตามอง เสียงเบรกก็ดังขึ้นรอบกายพวกเขา!
“อะไร…อะไรกัน?”
ฝุ่นควันตลบอบอวล ทำให้หันไปมองด้านหลังด้วยความตื่นตกใจ ต่อให้ไม่หันกลับมอง แต่ทุกคนก็ยังสัมผัสได้ถึงความน่าหวาดหวั่น!
พวกเขาทั้งหมดถูกรายล้อมด้วยรถยนต์สีดำหลายคัน! นับดูแล้วอย่างน้อยน่าจะสามสี่สิบคัน!
อีกทั้งยังเป็นรถหรูราคาแพง!
“เอี๊ยด!”
รถเบนซ์คันนำหน้าจอดนิ่ง ชายวัยกลางคนก้าวลงมา เสียงปิดประตูดังก้องในใจทุกคน ชวนให้ต่างหวาดหวั่น
“นี่…เป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลจากไหนกัน? ดู…น่ากลัวสุด ๆ เลย!”
“ชู่…เงียบ ๆ สิ คนพวกนี้อาจจะฆ่าคนได้จริง ๆ นะ!”
“ฉันไม่น่ามาดูเลย”
“…”
ทุกคนพากันกระซิบกระซาบกัน สายตาเต็มไปด้วยความกลัวผิดกับก่อนเมื่อครู่
ด้วยคนเหล่านี้ต่างจากลูกน้องที่พี่หู่ยกพวกมา
พวกเขาทั้งเรียบเฉยและเย็นชา ร่างกายกำยำ เพียงแค่คนเดียวก็อาจจัดการคนธรรมดาได้นับสิบ!
พรรคพวกของพี่หู่ซึ่งตั้งท่าจะรุมทำร้ายหยุดการกระทำทันที พวกเขาหันมองรถสีดำที่รายล้อมตนเองอยู่
คงอดรู้สึกตื่นตะลึงไม่ได้ เหตุการณ์ใหญ่โตขนาดนี้ไม่ใช่สิ่งที่กลุ่มเล็ก ๆ อย่างพวกเขาจะทำได้
ทันใดนั้นโจวเฟยหู่ก็ลงมือ!
เมื่อเห็นเช่นนั้น ผู้คนที่มุงดูรีบหลบทันที การเคลื่อนไหวของเขารุนแรง ทำให้รู้ด้วยสัญชาตญาณว่าไม่อาจรับมือกับอีกฝ่ายได้
“น้องอวี้! เป็นอะไรหรือเปล่า?!”
ทันทีที่โจวเฟยหู่พาคนมาถึงที่เกิดเหตุ เขาก็โพล่งถามทันที
อวี้ฮ่าวหรานซึ่งกำลังจะลงมือ เมื่อเงยหน้าเห็นผู้มาเยือน เขาจึงถอนพลังวิญญาณในมือ
ดูเหมือนกลุ่มเล็กจะหวาดวิตกเมื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มที่ใหญ่กว่า ดังนั้นการปล่อยให้อีกฝ่ายจัดการคงเป็นการดีที่สุด
พี่หู่ที่นอนกองบนพื้นซึ่งก่อนหน้านี้เผยท่าทีย่ามใจกลับกลายเคร่งเครียดทันที!
เขารู้สึกเสียวสันหลังไปทั่ว!
คนอื่นไม่รู้จักคนตรงหน้า หากแต่เขารู้จัก!
คนตรงหน้าคือผู้มีอิทธิพลที่น่าหวั่นเกรงที่สุดในเมืองฮ่วยอัน!
โจวเฟยหู่!
เขาเป็นที่รู้จักในวงกว้าง กำลังในการควบคุมของเขาคือหลักฐานชั้นดี!
“หัวหน้าโจว ทำ…ทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้?”
เขาหวาดกลัวจนริมฝีปากสั่นเทาไปหมด เมื่อนึกถึงชื่อของอีกฝ่าย ทำเอาเขาใจเสียขึ้นมาทันที
“ฮ่า ๆ เดาสิว่าฉันมาที่นี่ทำไม?”
สายตาโจวเฟยหู่ฉายแววเหี้ยมเกรียม ก่อนแค่นเสียงถามกลับ
เขาเหลือบมองและเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
รนหาที่ตายจริง ๆ!
เป็นใครกันถึงได้กล้ามาหาเรื่องน้องชายเขา?
สวะพวกนี้ช่างกล้านัก!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก้าวอาด ๆ ไปหา คว้าตัวพี่หู่ซึ่งอยู่บนพื้นขึ้นมา!
“เหอะ ฉันจำพวกแกได้อยู่นะ แกเรียกตัวเองว่าพยัคฆ์มังกรใช่ไหม?”
เขาว่าเหยียดและตบหน้าอีกฝ่ายเต็มแรง
“พลั่ก!”
ฟันหลายซี่หลุดกระเด็นออก ทำให้ทุกคนถึงกับอึ้ง
“มีอำนาจแค่นี้ยังจะอวดดี รวมแล้วมีคนไม่ถึงร้อย ยังกล้าเรียกตัวเองว่าพยัคฆ์มังกร! ตอนนี้จะเป็นหรือตายยังไม่รู้เลย!”
จังหวะนี้เอง หญิงวัยกลางคนซึ่งอยู่ข้าง ๆ ก็โพล่งขึ้น
“แกเป็นใคร! กล้าดียังไงมาแตะต้องพี่หู่ของฉัน? อยากตายหรือยังไง? พี่หู่ของเรา…”
“หุบปาก!”
พี่หู่หวาดกลัวเมื่อได้ยิน ใครเล่าจะกล้าพูดแบบนี้กับหัวหน้าโจวแห่งเมืองฮ่วยอัน!
เธอกำลังฆ่าเขาทางอ้อมชัด ๆ! ช่างเป็นตัวถ่วงจริง ๆ!
แต่หญิงอัปลักษณ์คนนี้จะรู้เรื่องอำนาจของกลุ่มต่าง ๆ ได้อย่างไร?
เธอคิดมาตลอดว่าพี่หู่ของเธอเป็นผู้มีอิทธิพลในเมืองฮ่วยอัน เธอจะนึกกลัวใครได้อย่างไร?
“พี่หู่? กลัวอะไรมันนักหนา? พี่พูดคราวก่อนว่าเรียกคนหลายร้อยมาได้สบาย ๆ ไม่ใช่เหรอ? แล้วจะกลัวหมาพวกนี้ทำไม? ให้คนมาเล่นงานพวกมันเลยสิ!”
“หุบปากซะ!”
พี่หู่โกรธแทบตาย ก่อนหน้านี้เขาแค่พูดไปเรื่อยเท่านั้น หากแต่เธอกลับคิดเป็นจริงเป็นจัง!
มันยิ่งทำให้โจวเฟยหู่นึกตงิดใจ!
อย่างไรเสียในเมืองฮ่วยอันก็มีน้อยคนที่กล้าดูถูกเขา!
เขาหันมองหญิงสาวที่ตะโกนด้วยความสนใจ
สมาชิกอาวุโสด้านหลังเห็นดังนั้น เขาเดินไปหาและจิกผมเธอลากมาหานายใหญ่โดยไม่ต้องรอคำสั่ง
“ฮ่า ๆ เมื่อกี้แกพูดถึงฉันว่ายังไงนะ?”
โจวเฟยหู่ขำขึ้นเบา ๆ ราวกับไม่ได้โกรธ
“หึ! หมา…”
เพียะ!
ไม่ทันได้พูดจบ โจวเฟยหู่ยกมือตบหน้าเธอ! แรงตบมหาศาล ถึงขั้นทำให้ฟันในปากหลายซี่หลุด!
“พูดว่าอะไรนะ? ฉันฟังไม่ถนัด พูดอีกทีสิ?”
หลังจากตบเธอ เขายังมีรอยยิ้มบนใบหน้า
หากแต่เธอไม่กล้าปริปากพูดสิ่งใด วิธีการของชายตรงหน้าทำให้เธอหวาดกลัวมาก
เธอรู้ตัวว่าหากพูดอีกแม้ครึ่งคำอาจถูกทำร้ายจนตายได้! ในขณะเดียวกัน คนมากกว่าร้อยในชุดดำก็ตีวงล้อมเอาไว้!
ผู้คนที่มุงดูต่างนิ่งเงียบ มองผู้มีอิทธิพลตัวจริงทำเรื่องน่าสะพรึง
พวกเขาได้เห็นในวันนี้ ต่อหน้าผู้มีอำนาจ พี่หู่กลายเป็นเพียงคนกระจอกเท่านั้น!
เมื่อเห็นเธอไม่กล้าพูด โจวเฟยหู่หันกลับไปมองชายหนุ่มหน้าคุ้นซึ่งยืนอยู่กลางลานด้วยสีหน้าพึงพอใจ
“น้องอวี้ คิดว่าเป็นไงบ้าง? ฉันขอเวลาจัดการกลุ่มนี้ให้สิ้นซาก แล้วจะพาพวกมันกลับไปสั่งสอนสักหน่อย?”
“อืม แล้วแต่คุณเลย”
อวี้ฮ่าวหรานว่าขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย ภาพนี้ทำให้พี่หู่เย็บวาบไปทั้งใจ!
ตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ว่าตนไปหาเรื่องผู้มีอิทธิพลที่น่าหวาดกลัว!
ดูเหมือนโจวเฟยหู่จะให้เกียรติอีกฝ่าย และเมื่อครู่เขาเพิ่งพูดจาเหยียดหยามอีกฝ่ายไปไม่ใช่เหรอ?
ไม่น่ารนหาที่ตายเลย!
“ฉัน…ฉันผิดไปแล้ว…ฉันไม่กล้าอีกแล้ว!”
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาเสียวสันหลังไปทั่วร่าง รีบร้องขอความเมตตา
“ต่อไปเหรอ? หึ! ไม่ต้องห่วง แกไม่มีอนาคตอีกแล้ว! แกพูดจาดูถูกน้องอวี้ ทำเอาฉันหงุดหงิดไปหมดเลยว่ะ!”
โจวเฟยหู่แค่นเสียงบอกเมื่อได้ยินคำอีกฝ่าย และลากตัวออกไปอย่างง่ายดาย!
“เอาตามนั้น น้องอวี้ ฉันจะให้คนไปจัดการพวกมันเอง!”
“ครับ”
อวี้ฮ่าวหรานรับคำอย่างนิ่งเฉย ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อ หลังได้รับอนุญาต โจวเฟยหู่ก็จากไปพร้อมลูกน้อง
เมื่อเดินมาถึงกลุ่มคนที่มุงดู น้ำเสียงหนึ่งพลันดังขึ้น!
“ไว้ชีวิตลูกน้องของพี่หู่คนนี้ด้วยเถอะ!”