บทที่ 461 ตุ๊กตาทำมือ

บทที่ 461 ตุ๊กตาทำมือ

หลังจากโจวเฟยหู่พูดจบ สมาชิกแก๊งหลายร้อยคนก็เดินเข้าไปล้อมชายที่อยู่กลางลานทันที!

พี่หู่มีสีหน้าหวาดกลัวสุดขีด

“ยกโทษให้ฉันเถอะ…ฉันผิดไปแล้ว!”

“ขอโทษ อย่า…อย่า…อ๊าก!”

ก่อนที่อีกฝ่ายจะกรีดร้องโหยหวน อวี้ฮ่าวหรานก็เดินออกจากฝูงชนไปแล้ว

เขาเดินกลับเข้าไปในห้องของหลิวว่านฉิงเพื่อเก็บของใช้ส่วนตัวไปให้เธอ

“อืม…เอาอันนี้ไปด้วยดีกว่า”

เมื่อกำลังจะออกจากห้อง เขาเหลือบไปเห็นตุ๊กตาขนปุกปุยที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วรู้สึกอ่อนไหวเล็กน้อย

ถวนถวนชอบตุ๊กตาขนปุกปุยพวกนี้เหมือนกัน!

หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง เขาก็วางตุ๊กตาสี่ห้าตัวในมือลงบนโต๊ะเหมือนเดิม

เขาล็อกประตูห้องแล้วกลับลงมาที่ชั้นล่างแล้วชายที่ถูกเรียกว่าพี่หู่ถูกพาตัวกลับไปแล้ว

ฝูงชนที่คอยมุงดูและวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นก็สลายตัวไปแล้วเช่นกัน

ดังนั้นจึงมีเพียงหญิงวัยกลางคนที่นอนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดอยู่ในลานกว้าง

อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะจำได้ว่าผู้หญิงคนนี้คือเจ้าของหอพักแห่งนี้ เขาจึงเดินเข้าไปใกล้เธอ

“ผมจะซื้อตึกนี้ ราคาเท่าไร คุณสบายใจได้ ผมไม่โกงแน่นอน”

“นาย…จะ…ซื้อ…”

ใบหน้าของหญิงวัยกลางคนบวมเป่ง ฟันครึ่งหนึ่งร่วงหล่นอยู่บนพื้น ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถสื่อสารได้ตามปกติ

“โอเค ผมจะทำตามที่คุณบอก”

อวี้ฮ่าวหรานลุกยืนขึ้นแล้วหยิบแบล็กการ์ดออกมาจากกระเป๋าเงิน

“บัตรใบนี้มีวงเงินหนึ่งล้านมีรหัสหกตัว ถ้าคุณรับบัตรไป อาคารหลังนี้จะตกเป็นของผมทันที”

พูดจบ เขาก็เดินจากไปโดยไม่เหลียวกลับไปมอง

สำหรับเขาแล้ว เงินหนึ่งล้านหยวนเป็นแค่เงินจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งมันคุ้มค่าที่จะรักษาครอบครัวเล็ก ๆ ของหลิวว่านฉิงเอาไว้

หลังจากเวลาผ่านไปพักใหญ่ เขาก็กลับมาถึงโรงพยาบาล

“เฮ้! ลูกพี่อวี้มาถึงแล้วเหรอครับ”

ตอนนี้หวังเหยียนมาถึงโรงพยาบาลแล้ว เขายืนเฝ้าอยู่ข้างนอกห้องของหลิวว่านฉิงตามลำพัง

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าให้อีกฝ่าย เขาเชื่อใจผู้ชายสองคนจากพยัคฆ์เวหาอย่างมาก

“อืม ฉันเพิ่งทำธุระเสร็จน่ะ”

เขามองอีกฝ่ายขณะคิดบางอย่างในใจ

อาจถึงเวลาที่แก๊งพยัคฆ์เวหาจะเติบโตแล้ว…

ถ้ามีกองกำลังที่สามารถช่วยเหลือเขาได้ มันคงจะดีไม่น้อย

เช่นเดียวกลับตอนที่อาศัยอยู่ในโลกเทวะ เมื่อมีกองกำลังมากมายติดสอยห้อยตาม เขาก็สามารถจัดการปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย

ถ้ามีปัญหาหรือมีศัตรูเข้าโจมตี เหล่าลูกน้องของเขาก็จะสามารถจัดการได้ทันท่วงที

ทุกอย่างจะง่ายขึ้นทันตา…

เมื่อคิดอย่างนั้น ท่าทีของชายหนุ่มก็อ่อนโยนลงเล็กน้อย

“ฉันไม่ได้เรียกนายมาที่นี่เพื่อเฝ้ายามสักหน่อย เข้ามาสิ ฉันอยากให้นายช่วยดูแลเธอสักระยะหนึ่ง”

อวี้ฮ่าวหรานทักทายด้วยท่าทีสบาย ๆ

“อยากให้…ผมดูแลเธอ?”

หวังเหยียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“ลูกพี่อวี้…ผมเป็นผู้ชาย นี่คง…ไม่สะดวกมั้งครับ”

“ไม่เป็นไรหรอก นอกจากนายแล้ว ฉันก็ไม่รู้จะไว้ใจใครอีก”

อวี้ฮ่าวหรานโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ หลังจากผ่านเรื่องเลวร้ายมากมาย เขาถือว่าหลิวว่านฉิงคือหนึ่งในครอบครัว

เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะได้รับบาดเจ็บเพราะตัวเองอีก

แน่นอนว่าเขาไม่ได้รู้สึกกับหญิงสาวในแง่ชู้สาว ถ้าให้พูดถึง เขารู้สึกเหมือนกับกำลังดูแลน้องสาวซะมากกว่า

ดังนั้นจึงมีเพียงหวังเหยียนผู้ซื่อสัตย์ที่เขาไว้ใจให้ดูแลเธอ

ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย

“คุณกลับมาแล้ว จ่ายค่าเช่าหรือยังคะ? เจ้าของหอพักอาจจะรับมือยากสักหน่อย”

เมื่ออวี้ฮ่าวหรานเดินเข้าไป หลิวว่านฉิงก็ยิงคำถามทันที

“ผมไม่ได้จ่ายค่าเช่า”

อวี้ฮ่าวหรานส่ายศีรษะพลางบอกสิ่งที่เขาทำลงไป

“หืม? ถ้าอย่างงั้น…เจ้าของหอพักโยนของในบ้านฉันทิ้งหรือยังคะ?”

อีกฝ่ายดูเศร้าลงเล็กน้อย

“ฮ่า ๆ ผมไม่ได้จ่ายค่าเช่า แต่ซื้อทั้งตึกต่างหาก”

หลิวว่านฉิง “…”

“คุณซื้อบ้านฉันเหรอคะ? ฉัน…ฉันแค่ขอให้คุณจ่ายค่าเช่านะคะ!”

เธอไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่…

ถึงเจ้าของหอพักจะเขี้ยวลากดิน แต่เธอคงไม่ยอมขายทั้งตึกให้เขาง่าย ๆ หรอกมั้ง?

“ฮ่า ๆ เอาเถอะครับ เจ้าของหอพักใจดีมาก เธอเป็นคนเสนอความคิดนี้ให้ผมด้วยซ้ำ”

“ใจดี?”

หลังจากฟังคำอธิบายของอีกฝ่าย หลิวว่านฉิงยิ่งงุนงงกว่าเดิม…

ดูเหมือนว่าเจ้าของหอพักที่เธอพบเจอไม่มีอะไรใกล้เคียงกับคำว่าใจดีสักนิด

หวังเหยียนยืนเงียบ เขารู้อยู่แล้วว่าโจวเฟยหู่เพิ่งพาเหล่าลูกน้องไปที่นั่น

ดังนั้นมันจะต้องไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน

“ไม่มีอะไรมากหรอกครับ คุณมีสิทธิรู้ว่าผมทำอะไรลงไปบ้าง”

อวี้ฮ่าวหรานตัดบทก่อนนั่งลงข้างเตียง

“ผมขอแนะนำหวังเหยียน เขาเป็นคนดีคนหนึ่งเลยครับ”

เนื่องจากหวังเหยียนต้องคอยดูแลหลิวว่านฉิง ทั้งสองจึงต้องทำความรู้จักกันเอาไว้

“เอ่อ…ยินดีที่ได้รู้จักค่ะพี่หวัง”

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนแปลกหน้า หลิวว่านฉิงจึงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ทั้งสองจะคุ้นเคยกันในเวลาอันสั้น

หวังเหยียนรู้จักอีกฝ่ายอยู่แล้ว

“ฮ่า ๆ ผมเคยเจอคุณเมื่อวานแล้วล่ะครับ ดังนั้นผมไม่ใช่คนแปลกหน้าอีกต่อไปแล้ว คุณสบายใจได้ครับ ผมจะอยู่ดูแลคุณที่นี่สักพัก รับรองว่าจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่นอนครับ”

“ค่ะ ขอบคุณนะคะ”

ความจริงแล้วหลิวว่านฉิงไม่ชอบให้คนอื่นมาดูแลสักเท่าไหร่ แต่ด้วยอาการบาดเจ็บ นับประสาอะไรกับดูแลตัวเอง แค่ลุกจากเตียงยังเป็นเรื่องยากเลย

อวี้ฮ่าวหรานโล่งใจเมื่อเห็นทั้งสองเข้ากันได้ดีพอสมควร

เขาเลือกคนไม่ผิดจริง ๆ

หวังเหยียนมีบุคลิกแตกต่างจากโจวเฟยหู่อย่างสิ้นเชิง ดังนั้นเขาจึงสบายที่จะฝากฝังหญิงสาวให้ชายตรงหน้าดูแล

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังกำชับอีกครั้ง

“หวังเหยียน นายต้องดูแลเธอให้ดี คิดว่าเธอคือน้องสาวคนหนึ่งของนายแล้วกัน ถ้านายประมาทแล้วมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น ฉันไม่มีวันยกโทษให้นายแน่”

เขาพูดทีเล่นทีจริง…

หวังเหยียนรู้ดีว่าอีกฝ่ายหมายความว่าแบบนั้นจริง ๆ เขาจึงระมัดระวังมากขึ้น

“ไม่ต้องห่วงครับลูกพี่ ผมจะดูแลเธอย่างสุดความสามารถเลย!”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้า

“อืม ดีมาก”

จู่ ๆ เขาก็หยิบตุ๊กตาออกมาจากกระเป๋าอย่างลนลานราวกับนึกเรื่องบางอย่างได้

“คุณทำตุ๊กตาพวกนี้เองเหรอครับ?”

“หือ? ทำไมคุณเอามาด้วยล่ะคะ?”

หลิวว่านฉิงตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อเห็นตุ๊กตาพวกนั้น

“ผมเห็นว่ามันสวยมาก ถ้าคุณไม่คิดอะไร ผมขอซื้อมันให้ถวนถวนได้ไหม ฝีมือคุณประณีตมากเลยครับ”

อวี้ฮ่าวหรานอธิบาย

“ค่ะ ฉันชอบทำตุ๊กตาตอนว่างน่ะค่ะ ฉันเลยทำเอาไว้เยอะ ๆ แล้วเอาไปขาย”

หลิวว่านฉิงเอื้อมมือไปหยิบตุ๊กตาแพนด้าตัวหนึ่ง ดวงตาของเธอฉายแววพึงพอใจเล็กน้อย

“ถึงจะใช้เวลาทำแต่ละตัวนานไปสักหน่อย แต่มันก็ขายดีมาก พวกลูกค้าชมว่ามันสวยตลอดเลยค่ะ

“ฮ่า ๆ มันสวยมากครับ ทำไมคุณไม่ขายให้ผมหมดเลยล่ะครับ”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าพร้อมฉีกยิ้มกว้าง ผู้หญิงคนนี้ฉลาดและมีไหวพริบจริง ๆ

“ขายอะไรกันคะ ถ้าถวนถวนชอบก็เอาไปเถอะค่ะ แล้วถ้าหายดีเมื่อไหร่ ฉันจะทำให้เธออีกเยอะ ๆ เลยค่ะ”

หลิวว่านฉิงตอบอย่างสุภาพ