บทที่ 462 หลี่หรงผู้เชื่อฟัง
บทที่ 462 หลี่หรงผู้เชื่อฟัง
หลิวว่านฉิงยื่นตุ๊กตาให้อวี้ฮ่าวหรานโดยไม่ลังเล
เนื่องจากอีกฝ่ายให้ความช่วยเหลือมากเกินไป เธอจึงทำได้เพียงตอบแทนเขาบางส่วนเท่านั้น
“โอเค ถวนถวนต้องชอบมันมากแน่เลยครับ นอกจากเปียโนแล้ว ถ้าคุณสอนเรื่องอื่น ๆ ให้เธอได้ก็คงจะดีไม่น้อย
“ค่ะ”
ทั้งสองพูดคุยกันอยู่พักใหญ่ หลังจากอวี้ฮ่าวหรานจัดการธุระต่าง ๆ เสร็จสิ้น เขาจึงขอตัวกลับไปพร้อมกับตุ๊กตาสองสามตัว
…
เวลาสี่โมงเย็น แสงอาทิตย์อัสดงสาดส่องไปตามถนนทางเข้าโรงเรียนอนุบาล
“พ่อจ๋า!”
เด็กหญิงตัวน้อยตะโกนอย่างมีความสุขทันทีที่เดินออกจากประตูโรงเรียน
ก๊าซพิษที่เข้าสู่ร่างกายหนูน้อยเมื่อวานไม่ได้ส่งผลเสียมากมายเท่าไร ซึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับพลังลึกลับที่อยู่ในตัวถวนถวน
อวี้ฮ่าวหรานศึกษาเรื่องนี้มาเป็นเวลานาน แต่ไม่มีวิธีใดเลยที่สามารถเจาะแก่นพลังจิตวิญญาณได้โดยไม่ทำร้ายลูกสาว
เขาจึงต้องยอมแพ้…
“วันนี้ถวนถวนฉลาดมากเลยค่ะ เพื่อน ๆ ในชั้นเรียนทุกคนต่างออกปากชมเป็นเสียงเดียวกัน หลังจากปิดเทอมฤดูร้อน ถวนถวนดูโตขึ้นมากเลยค่ะ”
สวีรุ่ยทักทายพลางถอนหายใจ
“ฮ่า ๆ ลูกสาวพ่อเก่งจริง ๆ”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าพร้อมฉีกยิ้มกว้าง จากนั้นดูเหมือนว่าเขาจะนึกเรื่องบางอย่างได้
“เอ่อ จางเส้าไม่ได้มารบกวนคุณอีกใช่ไหมครับ?”
“เขาไม่มายุ่งวุ่นวายแล้วค่ะ…”
สวีรุ่ยมีท่าทีลังเลเล็กน้อยเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“เมื่อคืนมีชายแก่คนหนึ่งพาเขามาขอโทษฉัน แถมยังให้ของมีค่ามากมายแทนคำขอโทษ แต่ฉันรับมันไว้ไม่ได้น่ะค่ะ”
“ถ้าพวกเขาส่งมา คุณรับไว้เถอะครับ ผมว่าพวกมันคงไม่กล้าก่อเรื่องอีกแล้ว”
“เขาสั่งให้จางเส้าคุกเข่าอยู่หน้าประตูบ้านฉันนานสองนาน แต่สุดท้ายฉันก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากรับคำขอโทษแล้วบอกให้พวกเขากลับไป”
“อืม ดีแล้วล่ะที่พวกมันมาขอโทษ แต่ถ้าวันไหนมีคนมายุ่มย่ามกับคุณอีก คุณต้องบอกผมทันทีนะครับ”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้า
ทั้งสองคนพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องโรงเรียนอีกสองสามประโยคก่อนร่ำลา
ภายในรถ
“ว้าว! พ่อจ๋า จิ้งจอกน้อยน่ารักจังเลยค่ะ!”
ทันทีที่ขึ้นไปบนรถ ถวนถวนก็เห็นตุ๊กตาจิ้งจอกน้อยที่วางอยู่บนคอนโซลรถ
“อ้อ…จริงสิ พ่อเกือบลืมไปเลย”
อวี้ฮ่าวหรานมองพวงกุญแจจิ้งจอกน้อยของหลิวว่านฉิงแล้วจำได้ว่ายังมีตุ๊กตาอีกตัวหนึ่งอยู่ที่เบาะด้านหลัง
“เอาล่ะ ถวนถวนลองหันไปดูข้างหลังสิ”
“หือ? พ่อมีอะไรเหรอคะ?”
เจ้าตัวน้อยหันมองเบาะหลังด้วยความงุนงง ทันใดนั้นดวงตากลมโตประกายวิบวับก็เบิกกว้างจนแทบถนนออกมา
“พ่อจ๋า! นี่ของหนูทั้งหมดเลยเหรอ?”
เธออุทานด้วยความประหลาดใจ
“อืม ของหนูหมดเลย”
“เย้! หนูจะไปนั่งข้างหลัง! พ่อ หนูอยากไปนั่งข้างหลังค่ะ!”
ถวนถวนตะโกนเสียงดังด้วยความตื่นเต้น
“โอเค ๆ ถ้างั้นนั่งข้างหลังก็ได้”
อวี้ฮ่าวหรานเปิดประตูรถแล้วอุ้มเจ้าตัวน้อยไปนั่งที่เบาะหลัง
“ฮิฮิ! แพนด้าน้อยน่ารักมาก! สวยจังเลย!”
หลังจากนั่งบนเบาะหลัง ถวนถวนก็มีความสุขอย่างมาก
เธอหันมองซ้ายทีขวาที ตุ๊กตามากมายเกินไป ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็น่ารักทั้งนั้น
“พ่อจ๋า ถวนถวนรักพ่อที่สุดเลย!”
“อืม ระหว่างพ่อกับน้า ถวนถวนรักใครมากกว่ากัน?”
“หนูรักพ่อมากกว่า!”
เจ้าตัวน้อยตอบอย่างไม่ลังเล แต่แล้วเธอก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย
“อืม…แต่ถ้าน้าได้ยินต้องไม่มีความสุขแน่เลย ดังนั้นหนูจะไม่พูดแบบนี้กับน้าเด็ดขาด”
“ฮ่า ๆ พ่อรู้แล้ว”
อวี้ฮ่าวหรานยิ้มกว้าง เขาไม่คิดว่าเธอจะพูดแบบนี้ ลูกสาวเขาเฉลียวฉลาดจริง ๆ
ไม่นานทั้งสองก็กลับมาถึงบ้าน
สิ่งแรกที่ทำให้อวี้ฮ่าวหรานประหลาดใจก็คือวันนี้หลี่หรงกลับบ้านเร็วกว่าปกติ แถมตอนนี้เธอกำลังดูซีรีส์เกาหลีอยู่ด้วย
‘หยานซีเฉิง! ฉันชอบเธอ… ต่อให้โลกสลาย ฉันจะไปรอเธอที่ทางช้างเผือก…’
‘… เหมือนกันค่ะ ฉันคิดว่าเรา….’
เสียงจากโทรทัศน์ทำให้อวี้ฮ่าวหรานปวดศีรษะอย่างมาก…ละครน้ำเน่าพวกนี้น่าสะอิดสะเอียนจริง ๆ
แต่น้องภรรยาของเขาดูท่าจะชอบมันมาก เธอนั่งไขว่ห้างบนโซฟาดูซีรีส์อย่างตั้งใจ
“น้าคะ! หนูกลับมาแล้ว!”
เธอไม่ทันสังเกตสองคนที่เพิ่งมาถึง จนกระทั่งเด็กน้อยตะโกนเรียกแล้วโผเข้ากอด
“หือ? ทำไมวันนี้กลับเร็วล่ะ?”
“ตอนนี้เกือบห้าโมงเย็นแล้วนะ”
อวี้ฮ่าวหรานปิดประตูแล้วเดินไปนั่งบนโซฟา
“อ้อ…”
หลี่หรงได้ยินอย่างนั้นก็เงยหน้ามองนาฬิกา ก่อนพยักหน้า
“ฉันกลับมาตอนบ่ายสามเลยลืมดูเวลาน่ะ”
“งานที่บริษัทมีปัญหาไหม?”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น อวี้ฮ่าวหรานก็รู้สึกโล่งใจ ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาทำวันนี้จะไม่ไร้ประโยชน์
“อืม ไม่มีปัญหาอะไรเลย! หลังจากไอ้แก่พวกนั้นถูกพี่ดุ พวกเขาก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย! พวกเขาช่วยกันเสนอทางแก้ปัญหาด้วยซ้ำไป!”
“ดีแล้วล่ะ”
“ยังมีมากกว่านี้อีกนะ!”
หลี่หรงพูดต่อ
“ตอนนี้คนแก่พวกนั้นเริ่มแย่งตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปกันแล้ว ตอนบ่ายฉันรู้เลยว่าพวกเขาแตกคอกัน แถมยังแย่งกันประจบฉันอีกด้วย”
“ฮ่า ๆ เรื่องปกติน่ะ เธอเป็นประธานบริษัทแล้วเธอจะทำทุกอย่างเองได้ยังไง?”
อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะ ก่อนแนะนำอีกฝ่าย
“แต่เธอต้องเลือกให้ดี จำไว้ว่าความสามารถไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด แต่ตัวตนของพวกเขาต่างหากที่สำคัญที่สุด
“ความสามารถฝึกฝนกันได้ แต่นิสัยใจคอไม่ใช่สิ่งที่จะเปลี่ยนกันได้ง่าย ๆ”
หลี่หรงพยักหน้าด้วยสีหน้ามีความสุข
“โอเค ๆ ถึงฉันจะเลือกผิด ฉันก็ยังมีพี่เขยอยู่ทั้งคน”
ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าพี่เขยมีอำนาจขนาดไหน ขณะพูดอยู่นั้น เธอก็เขยิบเข้าไปใกล้อีกฝ่ายแล้วกอดแขนเขาไว้
“พี่เขยเก่งที่สุดเลย!”
“เธอบอกว่าจะฝึกฝนตัวเองแล้วสั่งสมประสบการณ์เพื่อบริหารบริษัทให้เติบโตกว่านี้ไม่ใช่เหรอ?”
อวี้ฮ่าวหรานพูดไม่ออก เขาจำได้ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนอีกฝ่ายเพิ่งพูดว่าไม่อยากพึ่งพาพี่เขย
“ใครจะรู้ว่าถ้าพี่มาแล้ว…ทุกอย่างจะราบรื่นขึ้นแบบนี้!”
หลี่หรงเขยิบเข้าไปใกล้อีกฝ่ายจนร่างกายแนบชิดกัน
อวี้ฮ่าวหรานตะลึงงันเมื่อสัมผัสถึงร่างกายที่อ่อนนุ่มและอบอุ่น สาวน้อยคนนี้ไม่รู้ตัวสินะว่าเธอมีเสน่ห์ต่อผู้ชายมากขนาดไหน!
ไม่นานเขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของหญิงสาว ทำให้ร่างกายเขาร้อนเร่าตามสัญชาตญาณ
“แค่ก ๆ ถ้าอยู่ข้างนอกอย่าเข้าใกล้คนอื่นจนเกินไปแบบนี้…”
อวี้ฮ่าวหรานกระแอมเบา ๆ ก่อนปรามเธอ
กลิ่นกายถูกสร้างขึ้นเพื่อดึงดูดเพศตรงข้าม ทุกครั้งที่สูดดมกลิ่นกายของผู้หญิง ร่างกายของพวกเขาจะตอบสนองตามสัญชาตญาณ…
พูดตามตรงก็คือตอนนี้น้องภรรยาคนนี้มีพฤติกรรมเหมือนจิ้งจอกเก้าหางในตำนาน
หลี่หรงรู้สึกไม่มีความสุขเล็กน้อยเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“พี่เขยไม่รู้ซะแล้วว่าฉันเป็นใคร? พนักงานในบริษัทชอบเรียกฉันว่าประธานหน้าตาย อย่าว่าแต่เข้าใกล้เลย ต่อให้อยู่ไกลหลายเมตร พวกเขาก็จะหลบหน้าฉัน”
“โอเคครับ ท่านประธานหน้าตาย”
อวี้ฮ่าวหรานพูดไม่ออกกับอารมณ์ขันของอีกฝ่าย
หลังจากมาที่โลกมนุษย์เพียงไม่กี่เดือน เขาก็โดนอีกฝ่ายด่าแล้ว…
ดังนั้นชายหนุ่มจึงคิดไม่ออกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายในเวลาไม่กี่เดือนได้ยังไง?